ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 67 ตันหลิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 69 รายงานต่อเจ้าหน้าที่

MDB ตอนที่ 68 อสุรกาย งูดำ


กำลังโหลดไฟล์

บ้านของหลันซิวอยู่ไม่ไกลจากบ้านของจ้าวหยิง ทั้งพ่อและแม่ของเธอเป็นช่างฝีมือและครอบครัวอาศัยอยู่ด้วยกันภายใต้หลังคาเดียวกัน ด้วยเหตุนี้พวกท่านจึงไม่พอใจกับการมาของหลินจินโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า

ท้ายที่สุด ตอนนี้ มันก็ดึกเกินไป เวลานี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งในการรับคนแปลกหน้าเข้าบ้าน

พวกเขารู้เรื่องความฝันของลูกสาวเช่นกันแต่คิดว่าเธอคิดมากเกินไป มันเป็นแค่ความฝัน ใครกันจะไม่ฝันร้าย? พวกเขาจะจริงจังกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?

“เฮ้อ ลูกของเรายังเด็กและไม่รู้ความ ทำไมพวกเจ้าจะต้องจริงจังตามเธอด้วย” พ่อของหลันซิวกล่าวทันทีที่เขาเปิดประตู

ด้วยความเป็นเด็กผู้หญิงขี้อาย หัวของหลันซิวก็ก้มต่ำลงไปอีก ขณะที่เธอหนีบที่มุมเสื้อคลุมของเธอราวกับว่าเธอทำอะไรผิด จ้าวหยิงรู้สึกไม่พอใจแต่ไม่ได้พูดอะไร เธอเริ่มปลอบโยนหลันซิวราวกับว่าเธอเป็นพี่สาวของเธอ

หลินจินยิ้มและพูดว่า “ข้าต้องขอรบกวนท่านด้วย พวกเราจะรีบตรวจสอบให้เร็วที่สุด”

จากนั้น เขาก็ดึงพ่อของหลันซิวออกมาและกระซิบบางอย่างกับเขา

ชายชราเปลี่ยนทัศนคติทันทีและแสดงความเคารพต่อหลินจิน “ใช่ มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วย เข้าใจแล้ว เจ้าสามารถใช้เวลาได้ตามที่ต้องการ ข้าจะอยู่อีกห้องหนึ่งกับแม่ของเธอ เจ้าสามารถเรียกพวกเราได้เลย ถ้าเจ้าต้องการอะไร”

เมื่อพูดจบเขาก็กลับมาที่ห้องอย่างร่าเริง

จ้าวหยิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งกับสิ่งนี้ เธอสงสัยว่าหลินจินพูดอะไรกับพ่อของหลันซิวที่ทำให้เขาเปลี่ยนทัศนคติในทันที

หลังจากที่เธอถาม หลินจินก็ตอบว่า “ไม่มีอะไรมาก ข้าบอกเขาว่าข้าเห็นด้วยกับความคิดของเขา ข้าบอกอีกว่าข้าก็คิดว่ามันเป็นความฝันเหมือนกันและข้าก็มาที่นี่เพื่อทำไมหลันซิวสบายใจ เมื่อความกังวลของลูกสาวคลี่คลายลง ทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ เขาคิดว่าเราอยู่ข้างเขา แน่นอนว่าทัศนคติของเขาเปลี่ยนไป”

จ้าวหยิงฟังด้วยความชื่นชม คิดว่าเธอได้เรียนรู้เคล็ดลับอีกอย่างแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลันซิวที่กังวลและพูดว่า "ผู้ประเมินหลิน มันไม่ใช่ความฝัน มันเป็นเรื่องจริง”

"ข้ารู้!" ใบหน้าของหลินจินดูเคร่งขรึมขณะที่เขาจ้องมองไปที่ห้องของเธออย่างมืดมน

เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับห้องนั้น

พูดตามตรงหลินจินไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดได้แต่เขามีลางสังหรณ์ ขณะที่เขาเดินไปสำรวจห้องจากด้านนอก เขาก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ

“มาเถอะ เข้าไปข้างในกันเถอะ” หลินจินกล่าวขณะที่เขาเข้าไปในห้อง

นี่คือห้องนอนของหลันซิว

หลินจินมองไปรอบ ๆ และเอื้อมมือไปแตะกำแพง จ้าวหยิงและหลันซิวเฝ้าดูขณะที่เขาทำงาน พวกเธอไม่กล้าถามว่ามีอะไรผิดปกติกับห้อง

“จ้าวหยิงพาหลันซิวกลับไปกับเจ้าและปล่อยให้เธออยู่กับเจ้าในคืนนี้” หลินจินกล่าวโดยฉับพลัน

จ้าวหยิงตกตะลึง “อาจารย์หลิน แล้วท่านล่ะ”

"ข้างั้นหรือ?" หลินจินยิ้มและนั่งลงบนเก้าอี้ “ข้าจะอยู่ที่นี่ในคืนนี้”

จากนั้น เขาไม่ได้พูดอะไรอีก เขาไม่สามารถบอกความจริงกับพวกเธอได้

ปัญหานี้ที่เพื่อนของจ้าวหยิงพบเจอนั้นแย่กว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก และนี่ไม่ใช่คำพูดของหลินจินแต่เป็นคำเตือนที่แสดงโดยพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ

แน่นอนว่ามันเป็นเพียงคำเตือนและไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีแก้ปัญหา นอกจากนี้ หลินจินในปัจจุบันไม่ได้ถูกกดดัน ดังนั้นเขาจึงมีวิธีจัดการกับสถานการณ์นี้

เหตุผลที่เขาตัดสินใจช่วย หนึ่งเป็นเพราะจ้าวหยิงขอร้องเขา เหตุผลที่สองก็เพราะเจตจำนงของเขาเอง

เขาต้องการให้พิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษบันทึกสัตว์ประเภทอสุรกายตัวแรกของเขา

จ้าวหยิงทั้งสวยงามทั้งรูปร่างหน้าตาและจิตใจ เธอเฉลียวฉลาดไม่ถามคำถามที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป เธอกระซิบคำสองสามคำกับหลันซิว ก่อนที่จะพาเธอจากไป

ด้วยเหตุนี้ จึงมีหลินจินและเสี่ยวฮั่วเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้อง

เมื่อไฟดับลง หลินจินก็หลับตาเพื่อพักผ่อนบนเก้าอี้ขณะที่เสี่ยวฮั่วอยู่ข้าง ๆ เขา

เวลาล่วงไปเมื่อล่วงเข้าสู่ราตรีกาล

เกือบทุกคนหลับไปแล้ว ข้างนอกมืดแต่ยังมีแสงจันทร์อยู่บ้าง ใบไม้บนต้นไม้ข้างนอกส่งเสียงกรอบแกรบรับสายลมเย็น

จากหน้าต่างจะเห็นเงาของกิ่งก้านที่แกว่งไกว

หลินจินกำลังหลับสนิทภายในห้อง

มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในวันนี้และเขาก็หมดแรง ทันใดนั้น ดูเหมือนเขาจะได้ยินอะไรบางอย่าง หูของเสี่ยวฮั่วยกขึ้นและมันแยกเขี้ยวออกมา

ทันใดนั้นเงาดำก็ปรากฏขึ้น เลื้อยผ่านหน้าต่าง

มันดูเหมือนงู

เสี่ยวฮั่วลุกขึ้นทันทีในขณะที่หลินจินเปิดตาของเขา

เขากำลังงีบหลับ ดังนั้นเสียงกรอบแกรบเบา ๆ มันก็มากเกินพอที่จะปลุกเขาให้ตื่น

“มันมาแล้วเหรอ” หลินจินหาว ในเวลาเดียวกัน ประตูที่ปิดอย่างแน่นหนาก็เปิดออกเองและเงาสีดำขนาดใหญ่ก็คืบคลานเข้ามา

อย่างไรก็ตาม เงานั้นดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติในทันทีและกำลังจะถอยหนี

“เสี่ยวฮั่วไปจับมันมา!” นี่เป็นช่วงเวลาที่หลินจินรอคอยดังนั้นเขาจึงสั่งให้เสี่ยวฮั่วพุ่งไปที่เป้าหมายทันที

ในขณะเดียวกัน หลินจินลุกขึ้นอย่างช้า ๆ และยืดตัวก่อนจะออกไปข้างนอก

เสี่ยวฮั่วกำลังต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ในสนาม

สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นั้นเป็นงูสีดำขนาดใหญ่ที่หนาราวกับถังน้ำ ที่ถูกปกคลุมไปด้วยออร่าอันมืดมิด มันเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสนและความโกรธอย่างชัดเจนในดวงตาของมัน

มันดูไม่เหมือนสัตว์วิเศษทั่วไป

ออร่าของเสี่ยวฮั่วกดดันมากกว่าคู่ต่อสู้ของเขา ทำให้งูดำกระทำด้วยความระมัดระวัง ประกายแวววาวแวบผ่านดวงตาของงูและเปิดปากของมัน มันพ่นควันสีดำออกมาก่อนที่จะเลื้อยออกไปนอกสนาม

ด้วยการสะบัดหาง หมอกดำก็กระจายออกไปในทันทีและเสี่ยวฮัวก็พุ่งออกจากสนามเพื่อไล่ตามผู้บุกรุก

หลินจินยังคงสงบนิ่ง เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเมื่อมีเสี่ยวฮัวอยู่ใกล้ ๆ และนั่นทำให้เขามั่นใจว่าเขาได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของสัตว์วิเศษที่ทรงพลังได้ ถ้าเขาไม่มีเสี่ยวฮั่วหรือเสี่ยวฮั่วไม่ได้อยู่ในระดับสาม หลินจินก็คงจะหนีไปจากที่นี่นานแล้ว

เขาปิดประตูตามหลัง เมื่อสัมผัสได้ถึงพันธสัญญาโลหิตของเขา เขาจึงเริ่มไล่ตามสิ่งมีชีวิตทั้งสองไป

หลังจากผ่านตรอกซอกซอยไม่กี่แห่ง เขาก็มาถึงสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบภายในเมืองเมเปิ้ล

ที่แห่งนี้เคยเป็นวัดที่ประทับของเทพเจ้าแห่งปฐพี แต่หลังจากเกิดเพลิงไหม้ไม่นานมานี้ได้ทำลายวัดแห่งนี้ มันก็กลายเป็นที่รกร้างโดยไม่มีใครซ่อมแซม ขนาดตอนกลางวันยังมีคนไม่มากนัก คงไม่ต้องพูดถึงในตอนกลางคืน

เมื่อสัมผัสได้ถึงพันธสัญญาโลหิตของเขา หลินจินรู้ว่าเสี่ยวฮั่วอยู่ใกล้ ๆ

เขาก็ถอนหายใจ ถ้าเขารู้ เขาคงจะพาโกลดี้มาด้วยเหมือนกัน มันจะปลอดภัยกว่ามากเมื่อมีสัตว์วิเศษระดับสามสองตัวอยู่รอบ ๆ

แต่ไม่เป็นไร หลังจากการวิวัฒนาการที่สมบูรณ์แบบและการฝึกฝนรูปแบบพลังงานอสูรส่วนแรก จึงทำให้ความแข็งแกร่งของเสี่ยวฮั่วมาถึงระดับที่น่ากลัว

จนถึงตอนนี้ พวกเขายังไม่พบคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามที่เสี่ยวฮั่วไม่สามารถรับมือได้อย่างเต็มที่

ยกเว้น โกลดี้หลังจากวิวัฒนาการ

ดังนั้น หลินจินจึงรู้สึกสบายใจ

แล้วถ้าเป็นอสุรกายตัวอื่นล่ะ?

หากระดับของมันต่ำกว่าเสี่ยวฮั่ว สิ่งมีชีวิตตัวนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมจำนน

ห้องโถงใหญ่ของวัดที่ถูกทิ้งร้างกลายเป็นซากปรักหักพัง เมื่อเข้าไปในสถานที่ รู้สึกเหมือนเขามาที่ห้องโถงของปีศาจแทน ด้วยรูปปั้นที่พังทลายทั้งความมืดมิด มันจึงทำให้บรรยากาศโดยรอบน่าสะพรึงกลัว

หลินจินเดินไปมาที่ลานซึ่งเขาได้ยินเสียงการต่อสู้และเห็นเปลวไฟที่เสี่ยฮั่วปลดปล่อยออกมา

เมื่อเขาเข้าไปใกล้ หลินจินได้เห็นเสี่ยวฮั่วที่ขยายร่างกายใหญ่ขึ้น ร่างกายของมันถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงขณะที่ต่อสู้กับงูสีดำขนาดใหญ่

งูดำก็ค่อนข้างทรงพลังเช่นกัน ไม่เพียงแต่ถูกปกคลุมไปด้วยออร่าสีดำเท่านั้น แต่ยังสามารถควบคุมน้ำได้อีกด้วย

หลินจินรู้สึกสับสน น้ำมาจากไหน?

เขายืดคอเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นบ่อน้ำหน้าต้นไม้ใหญ่

เห็นได้ชัดว่าบ่อน้ำนี้อยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้วเมื่อพิจารณาจากลักษณะที่เก่าแก่ของมัน นี่อาจเป็นที่มาของน้ำทั้งหมด

เมื่อเห็นว่างูดำสามารถต้านทานเสี่ยวฮั่วได้อย่างไร หลินจินก็ตระหนักว่าพวกเขาอยู่ในอาณาเขตของงูดำทำให้ฝ่ายหลังได้เปรียบ

เขาร่ายเวทย์ 'บ้าคลั่ง' อย่างรวดเร็ว

หลังจากสร้างพันธสัญญาโลหิตกับสัตว์เลี้ยงแล้ว มันก็ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์ควรจะพึ่งพาสัตว์เลี้ยวของเขาเพียงอย่างเดียว ในบางครั้ง สัตว์วิเศษต้องพึ่งคาถาให้พรจากเจ้าของของมัน

เหมือนตอนนี้ หลังจากได้รับพร 'บ้าคลั่ง' ร่างกายของเซียวฮั่วก็ใหญ่ขึ้น เปล่งออร่าที่ดุร้ายออกมาในขณะที่ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์

เปลวไฟปกคลุมกรงเล็บที่แหลมคมของมันง้างขึ้น ขณะที่เสี่ยวฮั่วฟาดกรงเล็บลงไปที่ตัวงูดำ

5 1 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด