ตอนที่แล้วผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 11
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 13

ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 12


ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 12

รถแลนด์โรเวอร์แล่นออกจากตัวเมือง หลังจากนั้นราวครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงโครงการวิลล่าแห่งหนึ่ง เมื่อยามได้เห็นป้ายทะเบียนรถ พวกเขาก็รีบเปิดประตูให้ทันที

'ชีวิตคนรวยนี้มันดีซะจริงๆนะ ชิ' เซี่ยเยี่ยนอดเดาะลิ้นไม่ได้เมื่อมองดูวิลล่าที่เรียงราย แต่ละหลังล้วนมีสระน้ำและสวนอยู่อย่างครบครัน แม้จะไม่อยากอิจฉา แต่มันก็ยังอดอิจฉาไม่ได้ ไม่ว่าใครๆก็อยากจะใช้ชีวิตอยู่ในวิลล่าที่แสนสะดวกสบายกันทั้งนั้น

"วิลล่าหลังที่ถูกที่สุดของที่นี่อย่างต่ำก็ราคาห้าสิบล้านหยวน ทำไมนายไม่ลองคำนวณดูหน่อยล่ะว่าต้องขายหินอีกกี่ก้อนถึงจะพอซื้อได้หลังนึง?" ได้ยินเสียงทอดถอนใจของเซี่ยเยี่ยน เหวินอี้ผิงก็หัวเราะออกมา

"คงต้องเยอะมากๆ" เซี่ยเยี่ยนหัวเราะตอบราวกับไม่ได้สังเกตถึงความรู้สึกดูถูกในน้ำเสียงของเหวินอี้ผิง "คุณก็อาศัยอยู่ที่นี่เหรอ?" เขาถาม

"เอ่อ...." เหวินอี้ผิงพูดไม่ออก พ่อของเขาได้ยักยอกเงินไว้เป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าย่อมซื้อได้ แต่เขาก็ไม่กล้าทำแบบนั้น คงไม่เหมาะนักถ้าข้าราชการระดับสูงที่ทุจริตจะทำตัวอวดโอ่

"อ้อ สรุปว่าคุณก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่สินะ" เซี่ยเยี่ยนพูดเสียงเรียบราวกับกำลังพูดข้อเท็จจริง แต่ใบหน้าของเหวินอี้ผิงกลับเริ่มเห่อร้อนขึ้นมา เขารู้สึกเสียหน้าต่อหน้าหลิวเสวี่ยเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ด้วยอย่างมาก ถ้าก่อนหน้านี้เขารู้สึกไม่ค่อยชอบหน้าเซี่ยเยี่ยน งั้นตอนนี้ก็คงเรียกได้ว่าเกลียดเลยล่ะ เขาตัดสินใจว่าจะมอบบทเรียนให้กับไอ้หนุ่มบ้านนอกนี่ในภายหลัง

ไม่นานรถของพวกเขาก็มาจอดอยู่ที่หน้าประตูวิลล่าหลังหนึ่ง กล้องวงจรปิดที่อยู่เหนือประตูพลันหันมา จากนั้นประตูก็ค่อยๆเปิดโดยอัตโนมัติ

ทั้งสามคนลงจากรถและเข้าไปในวิลล่า หลังจากเข้ามาด้านในแล้ว เซี่ยเยี่ยนก็พบว่าวิลล่าหลังนี้ดูหรูหรากว่าที่เห็นจากภายนอกเสียอีก สนามหญ้าถูกตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย รอบตัวบ้านยังตกแต่งอย่างดี รวมถึงสระว่ายน้ำก็ด้วย ที่นี่ยังมีสวนหิน รวมถึงน้ำพุ เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างนี้มารวมอยู่ด้วยกันแล้วก็ดูสวยงามอย่างมาก

"คุณหนูกลับมาแล้ว!" แม่บ้านอายุราวสี่สิบปีเดินออกมาต้อนรับพวกเขา

"ป้าหวู่ พ่อกับปู่อยู่บ้านหรือเปล่าคะ?" หลิวเสวี่ยเอ๋อร์ถาม

"คุณท่านอยู่บ้านเจ้าค่ะ วันนี้มีแขกมา ดังนั้นคุณท่านจึงอยู่เป็นเพื่อนคุยกับพวกเขา ส่วนคุณชายหลิวเขาไปที่บริษัทแล้วค่ะ"

"แขก? ใครกันนะ?" หลิวเสวี่ยเอ๋อร์พึมพำก่อนจะหันไปเรียกเซี่ยเยี่ยน "เข้ามาสิเซี่ยเยี่ยน ไม่ต้องถอดรองเท้า"

"อืม" เซี่ยเยี่ยนเดินเข้าไปอย่างมั่นใจ เขามองดูรอบๆและตกตะลึงกับการตกแต่งอันหรูหราฟุ่มเฟือยของห้องรับแขก เดาว่าการตกแต่งภายในห้องอันกว้างใหญ่นี้คงใช้เงินไม่ต่ำกว่าสิบล้านหยวน

แต่ถึงจะตกใจ แต่เขาก็ไม่ได้อึดอัดอะไร เขาเดินตรงไปยังโซฟา

"เซี่ยเยี่ยน เหวินอี้ผิง พวกนายนั่งรออยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันขอขึ้นไปคุยกับคุณปู่ก่อน" หลิวเสวี่ยเอ๋อร์บอกก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป แม่บ้านที่มาต้อนรับรีบไปนำชาและขนมทานเล่นมาให้พวกเขา

"ไอ้หนู ทำไมไม่นั่งล่ะ? จะเดินไปเดินมาทำไม?" เซี่ยเยี่ยนไม่ได้นั่งลงและเดินดูห้องรับแขกแทน เขามาหยุดยืนอยู่หน้าภาพวาดตัวอักษรจีนภาพหนึ่งพลางมองดูอย่างตั้งใจ ในเมื่อถูกนำออกมาโชว์ได้ มันก็คงจะไม่ใช่ของปลอม เขายังเห็นภาพวาดตัวอักษรของบุคคลในประวัติศาสตร์มากมาย ที่นี่ยังมีเครื่องลายครามและเครื่องประดับที่ทำขึ้นจากหยกอยู่อีกหลายชิ้น แต่ละชิ้นล้วนแต่มีราคาสูงลิบลิ่ว

"แค่เดินดูของน่ะ" เซี่ยเยี่ยนตอบโดยไม่ได้หันกลับไป

"ระวังหน่อยล่ะไอ้หนู ถ้าเผลอไปทำแตกเข้าล่ะก็คงจ่ายไม่ไหวแน่"

"เหอๆ" เซี่ยเยี่ยนหัวเราะและไม่สนใจชายที่ชอบดูถูกผู้อื่นคนนี้ เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเหวินอี้ผิงถึงชอบทำตัวสูงกว่าทั้งๆที่เขาไม่ใช่เจ้าของบ้านหลังนี้ด้วยซ้ำ

"นี่ไอ้หนู ถ้าแกเป็นนักต้มตุ๋นจริงๆล่ะก็ ตอนนี้ยังมีเวลาให้เผ่นแนบอยู่นะเว้ย เกิดตอนหลังถูกจับได้ขึ้นมา แกได้ย้ายบ้านเข้าไปอยู่ในคุกแน่ และฉันนี่แหละจะเป็นคนส่งแกไปด้วยตัวเอง" เหวินอี้ผิงหัวเราะเยาะ

"ขอบใจที่เป็นห่วง"

"เหอะ ดูซิว่าแกจะทำท่าทางแบบนั้นไปได้อีกสักกี่น้ำ! อย่าคิดว่าแกจะหลอกฉันได้เหมือนที่หลอกเสวี่ยเอ๋อร์นะเว้ย!" เขาล่ะเกลียดท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนนั่นชะมัด ยิ่งมองก็ยิ่งหมันไส้!

ตอนนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากทางบันได เซี่ยเยี่ยนหันไปดูและพบว่าหลิวเสวี่ยเอ๋อร์กำลังประคองชายชราหัวหงอกเดินลงบันไดมา ที่ด้านหลังยังมีชายวัยกลางคนท่าทางมีสง่าราศีคนหนึ่งเดินลงมาพร้อมกัน นี่คงจะเป็นแขกที่แม่บ้านพูดถึงไม่ผิดแน่

ดวงตาของเหวินอี้ผิงเป็นประกายเมื่อได้เห็นปู่ของหลิวเสวี่ยเอ๋อร์และชายวัยกลางคน เขารีบลุกขึ้นเดินไปต้อนรับด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า "คุณปู่หลิว คุณอาฟาง!"

"อี้ผิง เธอเองก็อยู่ที่นี่สินะ" ผู้อาวุโสหลิวพยักหน้าให้เขาพร้อมพูดสองสามคำ อีกด้านนึ่งชายวัยกลางคนเพียงพยักหน้ารับเบาๆ

"ปู่ นี่คือคนที่หนูบอก เซี่ยเยี่ยน!" หลิวเสวี่ยเอ๋อร์ประคองปู่ของเธอให้นั่งลงบนโซฟาและเอ่ยแนะนำเซี่ยเยี่ยน

"สวัสดีครับผู้อาวุโสหลิว" เซี่ยเยี่ยนทักทาย เขามักให้เคารพต่อผู้ที่อาวุโสกว่าอยู่แล้ว

"หนุ่มน้อย เธอยังเป็นนักศึกษาอยู่สินะ?" แม้จะดูเหมือนชายแก่ทั่วๆไป แต่ผุ้อาวุโสหลิวก็คล้ายมีรัศมีที่มองไม่เห็นอยู่รอบตัว คล้ายกับคนที่เป็นผู้นำคนมาอย่างยาวนาน

"ใช่ครับ ผมยังเป็นนักศึกษา"

"ถ้างั้นก็ต้องตั้งใจอ่านหนังสือให้มากๆ เธอจะมาเป็นนักต้มตุ๋นทำไม?" ผู้อาวุโสหลิวพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด

"ปู่!" หลิวเสวี่ยเอ๋อร์ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เหวินอี้ผิงที่ได้เห็นฉากนี้ก็ยิ้มอย่างสะใจ ส่วนชายวัยกลางคนนั้นเพียงนั่งอยู่เงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เซี่ยเยี่ยนนิ่งอึ้ง คาดไม่ถึงว่าประโยคแรกที่ชายชราพูดออกมาก็หาว่าเขาเป็นนักต้มตุ๋นเสียแล้ว เขาอาจจะเป็นคนที่ชอบประนีประนอม แต่เขาจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อให้ใครมาว่าร้าย ในเมื่ออีกฝ่ายไม่สุภาพต่อเขาก่อน เขาเองก็จะไม่สุภาพต่ออีกฝ่ายแล้วเช่นกัน เซี่ยเยี่ยนเอนตัวพิงโซฟาก่อนจะค่อยๆยกชาขึ้นมาจิบ ท่าทางไม่รีบร้อนจะตอบแต่อย่างใด