ตอนที่แล้วSTBI : ตอนที่ 33 มณฑลเอ้อฉี,ท่าเรือซือเป่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTBI : ตอนที่ 35 ตัวตลกเพียงคนเดียว

STBI : ตอนที่ 34 ดินแดนทะเลทรายโม่หยาน


ท่ามกลางควันที่อ้างว้างในทะเลทราย และ แสงของดวงอาทิตย์ที่ทอดตรงยาว

ไป๋ตงหลิน ใช้เวลากว่า 10 วันในการเดินทางข้ามประเทศจนในที่สุดก็มาถึงทางลัดไปอาณาเขตเล่ยเจ๋อ-ดินแดนทะเลทรายมั่วหยาน

มั่วหยาน เป็นภาษาถิ่นเก่าแก่ของชาวเมื่องนี้ ซึ่งหมายถึง ‘ความตายด้วยไฟ’

ความตายในทะเลทรายอันยิ่งใหญ่ที่ร้อนดุจดั่งเปลวไฟ

ไป๋ตงหลิน ได้เดินทางมาถึงแถบชนบทและปฏิบัติตามธรรมเนียม เขาได้สวมเสื้อคลุมสีขาวและโผกผ้าพันรอบศีรษะของเขาเอาไว้

อันที่จริงด้วยร่างกายของเขา เขาสามารถว่ายท่าผีเสื้อในแมกม่าได้ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่กลัวความร้อนจากอุณหภูมิที่สูงเกินไปของที่นี่ เพียงแต่เขาไม่ต้องการทำตัวโดดเด่นเกินไป

ที่นี่มีอุณหภูมิสูงตลอดทั้งปี เหล่าคนธรรมดาในท้องถิ่นมักจะใส่ชุดผ้าที่ใส่สบายหรือชุดหนังที่เผยสัดส่วนเพื่อช่วยคลายความร้อน

ในโลกที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมนี้เอง มันก็ค่อนข้างหายากที่จะมองหาผู้หญิงที่แต่งกายอย่างกล้าหาญ

เมืองนี้อยู่ไกลความเจริญรุ่งเรืองอย่างเมืองหลินเจียงและเมืองซือเป่ย เนื่องจากสภาพแวดล้อมของที่นี่เลวร้ายเกินไป ทำให้รูปแบบสถาปัตยกรรมภายในตัวเมืองดูหยาบกร้านมาก อีกทั้งยังมีพายุทรายพัดผ่านตลอดทั้งปีทำให้สิ่งที่ละเอียดอ่อนหลายอย่างถูกทำลายจนหมดสิ้น จนหลงเหลือสิ่งที่ใช้งานได้จริงเพียงเท่านั้น

ที่เมืองแห่งนี้มีประชากรไม่มากนัก แต่สัดส่วนของนักพรตเต๋ากลับมีสูงมาก เพราะคนธรรมดาไม่มีความหมายที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ และ ทรัพยากรทางธรรมชาติก็เลวร้ายเกินไป เหล่าปุถุชนธรรมดาจึงได้ดำเนินการสร้างสถานบริการเป็นหลักเพื่อรับใช้เหล่านักพรตเต๋า

ส่วนเหตุใดที่ว่าที่นี่ถึงมีเหล่านักพรตเต๋าจำนวนมาก ก็ยังคงต้องศึกษาดูต่อไป

ไป๋ตงหลิน ได้เดินไปรอบ ๆ และ เดินไปร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเพื่อสอบถามเกี่ยวกับข้อมูล ในสถานที่แบบนี้เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะพูดคุย

เขาได้เดินเข้าไปในร้านอาหารที่ชื่อว่า ‘หาดทรายสีทอง’ และมองหาโต๊ะที่ว่างเพื่อนั่งลงจากนั้นก็เรียกเสี่ยวเอ้อร์

“นายท่าน ท่านจะรับเมนูใดงั้นหรือ?”

“เสิร์ฟอาหารจานพิเศษของร้านเจ้าให้ข้า และ เอาไวน์ชั้นดีมาสักขวด!”

“ขอรับ! นายท่านโปรดรอสักครู่!”

เมื่อเขาเดินทางออกไปข้างนอก ไป๋ตงหลิน จะไม่ปฏิบัติต่อตัวเองให้ดูแย่ การชิมอาหารแปลกใหม่ก็เป็นเรื่องน่าสนุกเล็กน้อยในการเดินทางที่น่าเบื่อของเขา

ในไม่ช้า ไวน์และอาหารก็มาถึง เขาชิมแล้วรสชาติก็โอเค เนื่องจากอากาศที่นี่ค่อนข้างร้อน เมนูออเดอร์ของที่นี่จึงมีรสชาติที่ค่อนข้างเบา บวกกับ ไวน์ผลไม้ที่เรียกว่า ‘ไวทพุทรา’ ที่มีดีกรีไม่สูง ทำให้มันเย็นสดชื่นและอร่อยอย่างมาก

ขณะดื่มไวน์ เขาก็เงี่ยหูฟัง ด้วยประสาทการได้ยินในปัจจุบันของเขา ตราบใดที่ไม่ได้ใช้กลวิธีลับในการป้องกัน เขาก็สามารถได้ยินเสียงทั้งหมดที่ต้องการภายในร้านอาหารนี้ได้

ภายในเวลาไม่ถึงมื้ออาหาร เขาได้เข้าใจสิ่งต่าง ๆ มากมาย กระทั่งปริศนาบางอย่างก็ได้รับการแก้ไขเช่นเดียวกัน

เหตุใดที่นี่ถึงมีนักพรตเต๋ามากมาย? สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการถือกำเนิดขึ้นของทะเลทรายโม่หยาน

ที่แห่งนี้เดิมไม่มีทะเลทรายขนาดใหญ่เมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน แต่ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตเล่ยเจ๋อ และ มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก กระทั่งมีหลายนิกายตั้งรกรากอยู่ที่นี่

ตามตำนานเมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน เทพและมนุษย์ได้ต่อสู้กันบนสวรรค์ทั้งเก้า

สิ่งนี้ก่อให้เกิดเปลวไฟขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงมา จนพื้นที่แห่งนี้ลุกไหม้และลุกลามเป็นระยะทางหลายพันลี้

ดินแดนอันกว้างใหญ่ที่เคยเจริญรุ่งเรืองได้ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นทะเลทราย ซึ่งในปัจจุบันก็คือ ทะเลทรายโม่หยาน

นิกายจำนวนมากล้วนถูกกลบฝังอยู่ที่นี่ ดังนั้น จึงมีเหล่านักพรตเต๋ามากมายมาที่นี่เพื่อล่าขุมทรัพย์ และ มันก็เป็นเรื่องจริงที่ผู้คนค้นพบสมบัติโบราณในทะเลทรายตลอดทั้งปี ด้วยสมบัติบางชิ้นบางคนถึงกับสามารถทะยานสู่สรวงสวรรค์ได้ในคราวเดียว ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมา สิ่งนี้จึงได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่านักพรตเต๋าหลายคน

ว่ากันว่ายังมีความลับที่น่าตกใจซ่อนอยู่ในดินแดนทะเลทรายแห่งนี้ ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับเทพที่ถูกตัดศีรษะ

ทว่าก็มีอันตรายมากมายในทะเลทรายแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมที่รุนแรง โจรทะเลทราย สัตว์ร้าย และ ข่ายอาคมสังหารที่หลงเหลือจากนิกาย

ที่นี่สามารถพูดได้เลยว่าเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย หากวิ่งแจ้นเข้าไปโดยไม่มีประสบการณ์ คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เพียงแค่หลงทาง ก็เพียงพอแล้วที่จะตกตายในทะเลทราย

ไป๋ตงหลิน ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้สนใจความรุ่งเรืองเมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน เขาเพียงแค่ต้องการจะข้ามทะเลทรายแห่งนี้ แต่สำหรับผู้มาใหม่อย่างเขา การหลงทางในครั้งแรกอาจพูดว่าเป็นเรื่องง่าย

เขาไม่สามารถเดินทางคนเดียวได้ ดังนั้นจะต้องมองหาไกด์นำทาง หลังจากดื่มไวน์หมดแก้วแล้ว ไป๋ตงหลิน ก็เดินออกไป

เขาเดินออกจากร้านอาหารและตรงไปที่ลานจตุรัสของเมืองนี้ จากข่าวที่ได้รับ นักพรตเต๋าจำนวนมาก จะมาเกณฑ์กำลังพลและซื้อม้าในลานจัตุรัสเพื่อร่วมมือกันล่าขุมทรัพย์ในทะเลทราย

เพราะท้ายที่สุด ก็ไม่มีใครกล้าเป็นทหารพรานชำนาญการอยู่คนเดียว เพราะมีอันตรายจำนวนมากซ่อนอยู่ในทะเลทราย หากมีคนร่วมด้วยกันมากขึ้นก็ย่อมทำให้กลุ่มแข็งแกร่งขึ้น

เพียงแค่หาทีมที่ไว้ใจได้และรวมทีมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

จตุรัสกลาง.

“กลุ่มล่าสมบัติเฟิงหลี่! กำลังรับสมัครคน!”

“กลุ่มฮวางชา กำลังมองหาผู้ใช้อักขระ!”

“เฮ้ พี่ชาย โปรดมาเยี่ยมชมกลุ่มเราดูก่อน!”

มีนักพรตเต๋าหลายคนในลานจตุรัส และ เสียงโห่ร้องดังลั่นไปทั่ว ไป๋ตงหลิน ได้หยุดลง และ สังเกตุการณ์ เขาเห็นทีมล่าสมบัติทุกประเภท กระทั่งเขารู้สึกว่า นักพรตเต๋าเหล่านี้พูดเกินจริงและดูไม่น่าเชื่อถือเล็กน้อย

เขาได้เดินไปลานจตุรัสกลางและถูกดึงดูดโดยเหล่าผู้สังเกตุการณ์ในทันที คนเหล่านี้ได้พยายามมาชักชวนเขา เพียงแต่ ไป๋ตงหลิน ได้บอกเจตนาของเขาไป

ในเวลานี้ มีชายชราในชุดสีเทา จ้องมองโดยไม่ได้พูดอะไร

มันไม่ได้แปลก หากจะบอกว่า 9 ใน 10 ส่วนของที่นี่ มาที่ทะเลทรายแห่งนี้เพื่อล่าสมบัติ และ มีน้อยคนนักที่จะเลือกข้ามผ่านดินแดนทะเลทรายโม่หยาน ไปยัง อาณาเขตเล่ยเจ๋อ แม้ว่าจะช่วยประหยัดเวลาได้มาก แต่มันก็ไม่คุ้มค่ากับอันตรายที่ต้องเผชิญ

พวกเขาเต็มใจจะใช้เวลาเดินทางไกลกว่า 10 เท่า อย่างน้อยมันก็ปลอดภัยกว่า เพราะเวลาไม่มีค่าสำหรับคนส่วนใหญ่

ดวงตาของ ไป๋ตงหลิน ได้เป็นประกาย เขาได้ลองสังเกตุ 1-2 คนเพื่อดูว่าบุคคลเหล่านี้เชื่อถือได้หรือไม่

ฝูงชนค่อย ๆ แยกย้ายกันไป พวกเขาทั้งหมดมาเพื่อค้นหาสมบัติของพวกเขา สิ่งสำคัญก็คือต้องหาทีมล่าขุมทรัพย์ที่เหมาะสมกับพวกเขาโดยเร็ว

หลังจากรอมาครึ่งชั่วโมง ชายชราก็คัดเลือกคนสามคน เป็น ผู้ชายสอง ผู้หญิงหนึ่ง พวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังดินแดนทารกในครรภ์หยวนทั้งหมด ไป๋ตงหลิน ที่แอบดูอยู่ รู้สึกว่าชายชราคนนี้ดูไว้ใจได้ และ เขาก็ไม่ได้ถืออะไร

เขาไม่มีทางเลือกนอกจากก้าวไปข้างหน้าและพูดกับชายชรา :

“สหายเต๋าท่านนี้ ข้าก็ต้องการไปที่อาณาเขตเล่ยเจ๋อเหมือนกัน ไม่ทราบว่าท่านมีกฏเกณฑ์ในการเข้าร่วมกลุ่มอะไรหรือไม่?”

ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้ไม่ได้ดูที่อายุ แต่ดูที่ระดับการฝึกฝน ผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะพลังใกล้เคียงกันต่างก็ยกย่องซึ่งกันและกันในฐานะสหายเต๋า

ชายชราได้มองไปที่ ไป๋ตงหลิน ด้วยอารมณ์ที่ไม่ธรรมดาและกลิ่นอายที่ดูเงียบสงบ พร้อมกับกล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม :

“ในดินแดนทะเลทรายแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายจำนวนมาก แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความแข็งแกร่ง สหายเต๋า เพียงแค่ต้องแสดงความแข็งแกร่งบางส่วนออกมา และ พวกเราจะลองตัดสินใจกันดูอีกที”

ไป๋ตงหลิน พยักหน้าเล็กน้อย เขาเห็นด้วยกับวิธีนี้ ดังนั้นเขาจึงได้หมุนวนทักษะหมัดเจ็ดหนองน้ำในมือขวาของเขา ทันใดนั้น แรงกดดันอันมหาศาลก็ปรากฏขึ้น ฝุ่นรอบตัวของเขากำลังจะระเบิดออกภายใต้แรงกดดันของกำปั้นของเขาในทันที

“ช้าก่อน! พอแล้ว! ท่านเข้าร่วมได้!”

ชายชราที่เห็นเช่นนี้พลันเหงื่อไหลเล็กน้อย เมื่อครู่ เขาถูกห้อมล้อมไปด้วยวิกฤติที่รุนแรง เพียงแค่กำปั้นนี้ เขากลัวว่ามันก็เพียงพอแล้วที่จะฆ่าครึ่งชีวิตของเขา

แม้ว่าการเคลื่อนไหวของชายคนนี้จะแปลกไปหน่อย แต่ความแข็งแกร่งของเขาเป็นของจริง และ ไม่สามารถปลอมแปลงได้ ดังนั้นเขาจึงรีบหยุด ไป๋ตงหลิน จากการชกกำปั้นออกมา

ไป๋ตงหลิน ที่ได้ยิน เขาทำให้โลหิตในร่างพลันสงบลงในทันที

เห็นฉากนี้ ชายชราได้ถอนหายใจออกมา พร้อมกับรวบรวมทั้ง 4 คนเข้าด้วยกันและพูดว่า :

“แม้ว่าดินแดนทะเลทรายจะเต็มไปด้วยอันตราย แต่การเดินทางครั้งนี้ ก็มีสหายเต๋าทั้ง 4 ร่วมเดินทางไปด้วย ข้าเชื่อว่าการเดินทางของพวกเราย่อมราบรื่นอย่างมาก”

“เอาล่ะ ตอนนี้ ทุกท่านกลับไปเตรียมสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการเดินทางในทะเลทราย พวกเราจะมารวมตัวกันที่หน้าประตูเมืองในพรุ่งนี้เช้า!”

บุรุษสองคนนี้ พวกเขาดูเหมือนจะเป็นฝาแฝดกัน ทั้งสองมีความเกี่ยวพันกันเล็กน้อย และ พวกเขาน่าเก่งในการแสดงทักษะโจมตีแบบผสาน

ส่วนหญิงสาวอีกคนที่สวมชุดคลุมสีดำ และ ผ้าคลุมหน้า นางไม่ได้เปิดเผยใบหน้าออกมาอย่างชัดเจน แต่ทว่า กลิ่นอายรอบตัวของนางก็ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายที่เย็นยะเยือก เห็นได้ชัดว่านางไม่ใช่คนธรรมดา

สำหรับ ชายชราเองก็ไม่ธรรมดา เขามีวิสัยทัศน์ที่เฉียบแหลม และ ดวงตาที่สามารถมองทะลุความสามารถของผู้คน

ทั้งสี่ได้ตอบตกลงและเลือกที่จะจากไป

ไป๋ตงหลิน ได้ตรงไปที่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดเพื่อซื้อเสบียง อย่างแรกเลย น้ำจำนวนมาก เต็นท์ และ เครื่องมือขนาดเล็กต่าง ๆ

เขายังซื้ออาหารจำนวนนึง อันที่จริง หลังจากที่ผู้บ่มเพาะพลังมาถึงดินแดนทารกในครรภ์หยวน พวกเขาจะสามารถหมุนเวียนไอพลังงานฟ้าดินเพื่อรักษาความหิวของร่างกายได้

แต่เหล่านักพรตเต๋าจำนวนมากไม่ต้องการละทิ้งความปราถนาในการกิน แม้จะฝึกฝนจนเป็นอมตะ ก็ต้องไม่ลืมสัญชาตญาณที่เคยเป็นมนุษย์ เหมือนกับ จื่อเสี่ยวหลิง

สำหรับ ไป๋ตงหลิน แม้ว่าเขาจะไม่สามารถดูดซับกลิ่นอายพลังฟ้าดิน เพื่อประทังความหิวเขา แต่เขาก็สามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ภายใต้ความอยากอาหาร เพียงแต่เขาไม่จำเป็นจะต้องทนทุกข์กับบาปแบบนี้ ดังนั้น เขาจึงได้เตรียมอาหารมากมายเอาไว้

อีกทั้ง ไป๋ตงหลิน ยังซื้อสัตว์ขี่พิเศษ เช่น แมงป่องทะเลทราย สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย และ ได้รับการเลี้ยงดูให้เป็นพาหนะในการขนส่ง

เจ้าตัวนี้สามารถวิ่งในทะเลทรายได้ดีมาก มีทั้งความเร็ว และ ร่างกายที่ทนสภาพต่อความแห้งแล้ง อีกทั้งยังเหมาะใช้เป็นพาหนะสำหรับเหล่านักพรตเต๋า

หลังจากเตรียมชุดอุปกรณ์แล้ว ไป๋ตงหลิน ก็เข้าไปในร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหารดี ๆ จากนั้นก็เข้านอนเพื่อพักผ่อน

เขาเพียงแค่รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า จากนั้นก็จะเข้าสู่ดินแดนทะเลทรายโม่หยาน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด