ตอนที่แล้ว529 - โลหิตเซียน 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป531 - คำสาปทำลายอมตะ 

530 - ผู้อมตะของภูเขาห้าใบหน้า 


1840 - ผู้อมตะของภูเขาห้าใบหน้า

ต๋อง!

ทันใดนั้นภูเขาเซียนที่หมุนวนด้วยความสดใสห้าสีก็สั่นสะเทือนอย่างมาก เทพและปีศาจทั้งหมดหายไปหมอกสิ่งที่เหลืออยู่บนภูเขามีเพียงโครงกระดูกมากมายสุดลูกหูลูกตา

กระดูกของเทพและปีศาจ!

ภูเขาทั้งลูกถูกสร้างขึ้นมาจากกองกระดูกพวกนี้ เรื่องนี้ทำให้ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างหวาดกลัวอย่างแท้จริง

นี่เป็นเหมือนโลกทั้งใบ มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีที่สิ้นสุดทั้งหมดถูกฝังอยู่ที่นั่น

โลหิตเซียนถูกดูดซับอย่างสมบูรณ์โดยภูเขาห้าใบหน้า บนภูเขานั้นเสียงถอนหายใจดังก้อง จากนั้นสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ก็เดินออกมา

แม้ว่าใบหน้าของเขาจะไม่ชัดเจนเพราะมันถูกปกคลุมไปด้วยพลังแห่งความโกลาหล แต่รัศมีพลังที่เขาปลดปล่อยออกมาก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนแทบจะคุกเข่าทำความเคารพ

เกิดอะไรขึ้น? ทุกคนมึนงงหนาวสั่นไปถึงวิญญาณ

“สหายเต๋าเจ้าเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”

บนภูเขาห้าใบหน้าสิ่งมีชีวิตคนนั้นมองไปที่รถศึกสีเงินและกล่าวออกมาเบาๆ

สิ่งนี้ทำให้ผู้ฝึกฝนทุกคนพูดไม่ออก สิ่งมีชีวิตอมตะปรากฏออกมาอีกตัวแล้ว!

ภายในหมอกแห่งความโกลาหลพลังเซียนถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่สิ้นสุด ต่อให้เป็นคนตาบอดก็สามารถบอกได้ว่านี่คือสิ่งมีชีวิตอมตะที่แท้จริง

แม้แต่สือฮ่าวก็ตกใจ นี่คือวิญญาณที่แท้จริงของภูเขาห้าใบหน้าหรือไม่? ไม่ว่าเขาจะมองยังไงมันก็ดูมีพลังมากกว่าวิญญาณสิ่งประดิษฐ์ระดับเซียนชนิดเทียบกันไม่ติด

สิ่งประดิษฐ์ระดับเซียนที่เขาเคยพบเจอมาเป็นเด็กทารก ตอนนี้วิญญาณที่แท้จริงปรากฏขึ้นมาก็ถือได้ว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง!

เซียนอมตะฉินสามารถปลดผนึกได้จริงหรือ?

“เราทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในโลกโลกียะสหายเต๋าทำไมต้องเหยียบน้ำโคลน” หลังจากความเงียบชั่วครู่เสียงนี้ดังมาจากภายในรถศึกสีเงิน

คราวนี้ทุกคนรู้ว่าการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตบนภูเขาห้าใบหน้าไม่ใช่สิ่งที่เรียบง่าย แม้แต่ผู้อมตะที่แท้จริงก็ยังรู้สึกหวาดกลัว

ไม่เช่นนั้นไม่จำเป็นที่ผู้อมตะที่แท้จริงคนนั้นจะสนทนาให้มากความ เพียงลงมือทำลายมันไปตรงๆก็พอแล้ว

ใบหน้าของเซียนอมตะฉินซีดลงเล็กน้อย แต่ไม่ใช่เพราะมีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับร่างกายของเขา เขาถอยออกจากใจกลางสนามรบ ยิ่งไปกว่านั้นเขาร้องเรียกสือฮ่าวโดยให้เขาติดตามไป

“เขาจากไปไม่ได้” ผู้อมตะในรถศึกสีเงินกล่าว

มันยังคงสงบมาก แต่เจตนาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของเขานั้นชัดเจนนั่นคือเขากำลังจะกักขังสือฮ่าวไว้!

“เรื่องนั้นเห็นจะยอมเจ้าไม่ได้สหายเต๋า เด็กคนนี้ข้าต้องปกป้องไม่ว่าเจ้าจะพอใจหรือไม่ก็ตาม!” ผู้อมตะจากเขาห้าใบหน้ากล่าว

“เจ้าก็รู้ว่าการที่ข้ายังไม่ลงมือก็เป็นเพราะการดำรงอยู่ของเจ้า แต่เจ้าควรอธิบายเรื่องนี้ออกมาว่าเหตุไฉนเจ้าจึงต้องการปกป้องเขา” ผู้อมตะในรถศึกสีเงินกล่าว

“มีกรรมใหญ่บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา แต่ข้าไม่สามารถพูดในรายละเอียดได้” ผู้อมตะจากภูเขาห้าใบหน้ากล่าว

“เป็นอย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าตื่นขึ้นมาหลังจากผ่านไปหลายล้านปีแล้วเจ้าจะมีผลกรรมอะไรร่วมกับเขาได้?” น้ำเสียงของผู้อมตะจากตำหนักเซียนเย็นชาเล็กน้อย

หลังจากหยุดไปเล็กน้อยเขาพูดต่อ

“บางทีที่เจ้าพูดอาจเป็นความจริง แต่เขากับข้าก็มีกรรมใหญ่บางอย่างร่วมกันซึ่งข้าต้องตัดทิ้งเสียแต่เนิ่นๆ!”

“การทำเช่นนี้เท่ากับทำลายกรรมของข้า ซึ่งข้ายอมไม่ได้!” ผู้อมตะของเขาห้าใบหน้าไม่ยอมลดราวาศอกแม้แต่น้อย

“ เนื่องจากสหายเต๋ายืนยันเช่นนี้นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามข้าต้องเตือนเจ้าว่ากรรมใหญ่นี้ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับข้าเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงสหายเต๋าคนอื่นๆอีกด้วย

แม้ว่าวันนี้เจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้ แต่เจ้ากล้าคิดจะขัดขวางพวกเราทั้งหมดอย่างนั้นหรือ?” เสียงจากรถศึกสีเงินเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ

ในสถานการณ์ตอนนี้ไม่ต้องกล่าวถึงสือฮ่าวและคนอื่นๆที่อยู่ในบริเวณเลย แม้แต่ผู้อมตะที่อยู่บนภูเขาห้าใบหน้าก็ยังมีท่าทีตื่นตระหนก

มีคนอื่นๆ ? เขาพูดแบบนี้จริง!

ตามเหตุผลปกตินั่นคือผู้อมตะที่แท้จริง อย่างน้อยที่สุดคนพวกนั้นต้องไม่ด้อยกว่าตัวเขา!

จิตใจของสือฮ่าวจมดิ่งลง สิ่งที่เลวร้ายที่สุดกลายเป็นความจริงแล้ว

เขากำลังลูบสิ่งของชิ้นหนึ่งนี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสใหญ่ทิ้งเขาไว้ เขาต้องเสียมันไปที่นี่จริงๆหรือ? ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้ใช้มันในแดนรกร้าง แต่เขาจะใช้มันในสามพันแคว้น?

ดวงตาของสือฮ่าวเขารู้สึกรังเกียจผู้อมตะจากตำหนักเซียนมากขึ้นเรื่อยๆ

“คนอื่นๆก็มีปัญหาด้วยอย่างนั้นหรือ? อย่างไรก็ตามในวันนี้ข้าต้องหยุดเจ้าก่อน!” ท้ายที่สุดแล้วผู้อมตะบนภูเขาห้าใบหน้าก็ไม่ยอมถอย

“สหายเต๋าเจ้าควรลองคิดอีกครั้ง!” บนรถศึกสีเงินเสียงของผู้อมตะที่แท้จริงนั้นเย็นชาอย่างถึงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นในเวลานี้รถศึกของเขาเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้าๆ

กีบของม้าสวรรค์ทั้งแปดมีขนาดใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ พวกมันบดขยี้โดมท้องฟ้าก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ในเวลานี้หมอกรอบๆรถม้าศึกสีเงินปรากฏพลังแห่งความโกลาหลกระจัดกระจาย สิ่งต่างๆน่ากลัวมากขึ้นอย่างแท้จริง

“แม้ว่าสภาพของข้าจะไม่ดี แต่หากพูดถึงผู้อมตะด้วยกันข้าก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ให้กับใคร?” ผู้อมตะจากตำหนักเซียนยังคงเดินหน้าต่อ

บนรถศึกมีร่องรอยมากมายซึ่งแสดงถึงความรุ่งเรืองสุดขีดในอดีต

ในขณะนี้สายตาของสือฮ่าวเหลือบไปเห็นว่าด้านข้างของรถศึกมีรอยกรงเล็บขนาดใหญ่ตัดผ่านแทบจะฉีกรถศึกออกจากกัน

ในขณะเดียวกันเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเต๋าอันยิ่งใหญ่ที่คุ้นเคย

รอยกรงเล็บคุนเผิง!

ถูกต้องเขามั่นใจว่าความเสียหายที่ทิ้งไว้บนรถศึกนั้นถูกทิ้งไว้โดยกรงเล็บของคุนเผิง ในตอนนั้นการต่อสู้ที่รุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อได้เกิดขึ้น!

แน่นอนว่าผู้อมตะที่แท้จริงคนนี้เคยลอบโจมตีคุนเผิงจนบาดเจ็บสาหัสทั้งสองต่อสู้กันในการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่!

“หากสหายเต๋ายังดื้อด้านเช่นนี้ก็มีเพียงการลงมือกันเท่านั้นถึงจะยุติเรื่องต่างๆลงได้” ผู้สูงสุดของเขาห้าใบหน้าไม่หวั่นไหวทัศนคติไม่เปลี่ยนแปลง

“สหายเต๋าเจ้าดื้อด้านเกินไปแล้ว!” รถม้าศึกสีเงินสั่นสะเทือนปลดปล่อยรัศมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวกระเพื่อมออกมา

ฮัวลาล่า!

ราชโองการสีทองถูกปลดปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้า มันดุร้ายและมีรัศมีพลังที่น่ากลัว ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมาพร้อมกับอาวุธขั้นเสียงที่เก่าแก่นั่นคือขวานศึกโบราณเล่มใหญ่

อาวุธชิ้นนี้ได้รับความเสียหายเล็กน้อยจึงเป็นอาวุธขั้นเซียนที่บกพร่องไม่สมบูรณ์ แต่พลังเซียนที่มันปลดปล่อยออกมานั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คืออาวุธที่บุคคลในเต๋ามนุษย์จะไม่มีทางต้านทานได้

พลังแห่งความโกลาหลปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ขวานโบราณและพระราชโองการทองคำตกลงมาในเวลาเดียวกันราวกับว่าพวกมันกำลังจะสรรสร้างโลกขึ้นมาใหม่ทำให้สิ่งมีชีวิตทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างตกตะลึงด้วยความหวาดกลัว

ผู้ที่ไม่ได้รับการป้องกันจากเขาห้าใบหน้า ไม่ว่าระดับบ่มเพาะของพวกเขาจะสูงเพียงใดก็ต้องล้มลงกับพื้นไม่สามารถต้านทานรัศมีพลังอันน่ากลัวได้!

ยิ่งไปกว่านั้นดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาวบนท้องฟ้าก็สั่นไหวเช่นกัน ดวงดาวมากมายบนท้องฟ้าร่วงลงมาอย่างรวดเร็วแต่ก่อนที่จะถึงพื้นทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นฝุ่นไป!

สือฮ่าวกำหมัดแน่นไม่รู้ว่าควรรู้สึกโกรธหรือเศร้า สิ่งนี้พิสูจน์แล้วว่ามีผู้อมตะอย่างน้อยสองคนในสามพันแคว้น

ในสงครามที่ชายแดนรกร้างตอนนั้นหากพวกเขาเต็มใจที่จะก้าวออกไปต่อสู้ ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งจะไม่ตายในสนามรบ!

เมื่อคิดถึงผู้อาวุโสใหญ่เขาก็ยิ่งรู้สึกเศร้าโศกมากมากขึ้น การตายของผู้อาวุโสใหญ่เป็นเรื่องที่โชคร้ายเกินไป

สือฮ่าวหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นเขามีชีวิตอีกครั้งและกลับมาพร้อมด้วยพลังที่ท้าทายสวรรค์เพื่อบดขยี้สิ่งมีชีวิตอมตะเหล่านี้ให้แหลกสลาย!

“สหายเต๋าเจ้าต้องการต่อสู้จริงๆ” ผู้อมตะในรถศึกสีเงินตะโกนออกมา

“ถ้าข้าไม่ต่อสู้มันจะเป็นอันตรายต่อกรรมอันยิ่งใหญ่ของข้าในอนาคต พวกเจ้าบังคับข้าเอง!” ผู้อมตะของเขาห้าใบหน้าดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อยเสียงของเขาเย็นชามาก

“เราไม่ต้องการบังคับเจ้าเช่นกัน แต่เราไม่มีทางเลือกอื่น เอาอย่างนี้เป็นไงข้าจะปล่อยให้เขารอดชีวิตไปแต่เขาก็ต้องชดใช้ด้วยเช่นกัน” ผู้อมตะในรถศึกสีเงินกล่าว

เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างมากและไม่เต็มใจที่จะต่อสู้อย่างแท้จริง เป็นเพราะเมื่อการต่อสู้ในระดับสิ่งมีชีวิตอมตะเกิดขึ้น ด้วยสภาพปัจจุบันของเขาเขาอาจถึงขั้นเสียชีวิต

แน่นอนว่าเขาก็มีข้อได้เปรียบอยู่บ้างด้านจำนวนคน หากพวกเขาลงมืออย่างถึงที่สุดย่อมสามารถจัดการฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแน่นอน

ในราคาที่ต้องจ่ายออกไปนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจยอมรับได้

“ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำลายผลไม้เต๋าของเขา มันจะแตกต่างอย่างไรกับการที่เจ้าสังหารเขาไป?!” ผู้อมตะบนภูเขาห้าใบหน้ากล่าวอย่างเย็นชา

"เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าจะโจมตีเจ้าเด็กนี่ด้วยนิ้วเพียงข้างเดียวโดยจะอนุญาตให้เจ้าช่วยเหลือเขา หากเขาสามารถรอดชีวิตได้ข้าก็จะยอมเลิกราในเรื่องนี้!” สิ่งมีชีวิตในรถศึกกล่าว

สือฮ่าวโกรธมากเส้นผมของเขาปลิวไปมาอย่างยุ่งเหยิง อมตะในรถศึกสีเงินมองเขาเป็นตัวอะไร? หรือมันคิดว่าจะฆ่าเขาได้ด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวจริงๆหรือ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด