ตอนที่แล้วชีวิตของสาวน้อยในโลกออนไลน์ ตอนที่4: Little Guardian
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปชีวิตของสาวน้อยในโลกออนไลน์ ตอนที่6: สองปี

ชีวิตของสาวน้อยในโลกออนไลน์ ตอนที่5: คาถายับยั้งความทรงจำ


ตอนที่5: คาถายับยั้งความทรงจำ

วันเวลาผ่านไป มนุษยชาติได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างเดิมอีกครั้ง หลังจากที่รอดชีวิตจากการพิพากษาของพระเจ้าและได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน

ก่อนการสร้างประเทศใหม่ ผู้คนพยายามหาผู้พิทักษ์คนสุดท้ายเพื่อให้เกียรติแก่เขาหรือเธอ แต่ไม่มีใครเปิดเผยตัวว่าเป็นผู้กอบกู้มนุษยชาติ ทุกๆคนต่างประหลาดใจว่าทำไมฮีโร่ของพวกเขาถึงไม่เปิดเผยตัวตนให้แก่โลก คนอื่นๆเริ่มคิดว่าอาจจะไม่มีใครอยู่รอดจนถึงจุดสิ้นสุด และพระเจ้าได้ให้โอกาสที่สองแก่มนุษย์

ไม่มีใครคิดที่จะอ้างตัวว่าเป็นฮีโร่เพื่อรับเกียรติยศจากการกอบกู้โลก ไม่มีใครอยากได้รับประสบการณ์การโดนพระเจ้าพิพากษาอีกเพราะความโลภของพวกเขา ทุกคนคิดที่จะถามกับบริษัทอาร์ชิออน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงนิ่งเงียบกับเรื่องนี้ เพราะพวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าใครคือผู้กอบกู้โลกและพิชิตเกมนี้

...

ในขณะที่หลายๆคนต่างหาตัวผู้กอบกู้โลกอย่างขยันขันแข็ง อเล็กซานเดรีย อาธีน่า ผู้ที่ทุกคนกำลังตามหา ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว

“อ่าาาา” เธอลุกขึ้นมาจากเตียง รู้สึกเวียนหัวเหมือนกับเมาค้าง อเล็กซานเดรียนวดหัวตัวเองเพื่อให้หายปวด แต่ในวินาทีต่อมาความเจ็บปวดของเธอกลับหายไปเหมือนกับฟองอากาศ

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” อเล็กซานเดรียพึมพำในขณะที่รู้สึกถึงความรู้สึกแปลกๆที่ค่อยๆจางหายเข้าไปในตัวเธอ

ในขณะที่เธอประหลาดใจอยู่กับอะไรบางอย่างที่หายเข้าไปในตัวของเธอ เธอก็รู้สึกถึงหัวใจของเธอที่เริ่มร้อนขึ้นและเต้นเร็วขึ้น เร็วขึ้น เหมือนกับมีบางสิ่งเผาไหม้หัวใจเธออยู่ ใช่แล้ว เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย แม้จะรู้สึกร้อนภายในอกก็ตาม ในทางตรงกันข้าม มันให้ความรู้สึกที่เบาสบาย

“ฉันอาจจะคิดไปเอง” เธอไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อเล็กซานเดรียเลือกที่จะปล่อยมันไปจากความคิด

“หิวข้าวจัง” ได้ยินเสียงท้องร้อง อเล็กซานเดรียเดินลงไปชั้นล่างเพื่อหาอะไรกิน

“อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่ อรุณสวัสดิ์ค่ะพ่อ” อเล็กซานเดรียเดินไปยังโต๊ะกินข้าวและทักทายพ่อแม่ของเธอ สังเกตเห็นข้าวเช้าที่กำลังเตรียมอยู่

“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ หลับสบายไหมลูกรัก” แม่ของเธอ ไอรีนถามขณะกำลังเสิร์ฟอาหารเช้าให้

“แน่นอน”

“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นหรอพ่อ” อเล็กซานเดรียถาม

พ่อของเธอ แซค และไอรีนหันมามองอเล็กซานเดรีย พวกเขาสงสัยกับคำถามของลูกสาว

“ลูกหมายความว่ายังไง เกิดอะไรขึ้นกับเมื่อวานอย่างงั้นหรอ” แซคถามอเล็กซานเดรีย

“ไม่ใช่เมื่อวานเป็นวันสิ้นโลกหรอ ทำไมพวกเราถึงยังรอดอยู่ มันหมายความว่ามีใครบางคนช่วยโลกไว้ หนูสงสัยจังว่าใครคือคนช่วยโลกของเรา?” อเล็กซานเดรียถามขณะค่อยๆกินอาหารเช้า

“ไม่ใช่ลูกหรอที่เป็นคนช่วยโลก?” ไอรีนงงกับคำถามของลูกสาวเธอ

“หือ? ไม่มีทางที่หนูจะช่วยโลก ถ้าจำไม่ผิด หนูกำลังกำจัดมอนสเตอร์อยู่ เหลือเวลาอีกแค่ 30นาทีกว่าเกมจะจบ แล้วจากนั้น…” อเล็กซานเดรียนิ่งเงียบ

“จากนั้น…” ทำไมเธอถึงจำเรื่องราวหลังจากกำจัดปีศาจไม่ได้นะ อเล็กซานเดรียหยุดกินแล้วพยายามรื้อฟื้นความทรงจำช่วงเวลา30นาทีสุดท้ายในเกมของตัวเองอย่างหนัก

“ทำไม? ทำไมฉันถึงจำอะไรไม่ได้เลย” อเล็กซานเดรียพึมพำในขณะที่กำลังพยายามรื้อฟื้นความทรงจำ

“มีเพียงอย่างเดียวที่หนูจำได้คือกองซากศพของเหล่ามอนสเตอร์ที่หนูฆ่าไปข้างหลัง และสิ่งเดียวที่หนูเห็นข้างหน้าคือหมอกหนาทึบที่บดบังความทรงจำของหนูไว้”

เมื่อมองลึกลงไปในหมอก อเล็กซานเดรียสังเกตเห็นเงาและดวงตาสีแดงคู่หนึ่งกำลังมองมาที่เธอ

จากนั้น มีบางอย่างกระซิบอยู่ข้างหูเธอ “เจ้าเป็นมอนสเตอร์จริงๆด้วย”

“ใครน่ะ?” มองไปรอบๆตัว อเล็กซานเดรียพยายามมองหาคนที่มากระซิบเธอ

“ข้าคงประเมินเจ้าต่ำเกินไปสินะ คิดไม่ถึงเลยว่าความสามารถของเจ้าจะยอดเยี่ยมขนาดมองเห็นเงาของข้าได้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ข้าคาดหวังว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่ในเร็วๆนี้ อืมมม ข้าเดาว่าเราคงต้องใช้คาถายับยั้งความทรงจำกับเจ้า” เงาตัวนั้นพูด

“นายเป็นใคร!” อเล็กซานเดรียตะโกนใส่

“มันจะเจ็บนิดหน่อยนะ” เงาตัวนั้นวาดสัญลักษณ์สามอันบนอากาศด้วยพลังของเขา จากนั้นก็ส่งมันบินมาทางอเล็กซานเดรีย

“มันเร็วเกินไปสำหรับเจ้าที่จะเห็นสถานที่นี้” เงาตัวนั้นพูดแล้วโบกมือของมันทำให้อเล็กซานเดรียหลุดออกไป

“อ้าาาาา!!!” อเล็กซานเดรียตะโกน เธอจับหัวตัวเอง พยายามบรรเทาความเจ็บปวดที่เธอประสบ

“มันเจ็บนะ!!!” ตะโกนสุดเสียง

“เกิดอะไรขึ้น อเล็กซานเดรีย?” เห็นลูกสาวของพวกเขาร้องด้วยความเจ็บปวด ไอรีนและแซครีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเข้ามาดูเธอ แต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าถึงเธอ อเล็กซานเดรียสลบลง และร่างของเธอก็เริ่มร่วงลงมาที่พื้น

เมื่อเห็นลูกของพวกเขากำลังตกลงมา ไอรีนตกใจและตะโกนเร่งแซค “เร็วๆหน่อยที่รัก!”

แซครีบวิ่งไปหาลูกสาวของเขา เกือบจะรับร่างของเธอไว้ไม่ทัน

“รับได้แล้ว”

“เธอโอเคไหม?” ไอรีนถามด้วยความกังวล ขณะมองสภาพของลูก

“เธอไม่เป็นไร อย่างกังวลเกินไป มันอาจจะกระทบกับเด็กในครรภ์ของคุณได้” แซครีบปลอบใจไอรีน เขากังวลต่อลูกในครรภ์ของภรรยา

“ไปกินน้ำสักหน่อยแล้วทานข้าวเช้าให้เสร็จเถอะ ผมจะพาอเล็กซานเดรียเข้าไปให้ห้อง แล้วเราค่อยมาคุยกัน” แซคอุ้มอเล็กซานเดรียด้วยท่าเจ้าหญิง เขาขึ้นไปยังชั้นบนแล้ววางอเล็กซานเดรียลงบนเตียงของเธอ

ค่อยๆวางอเล็กซานเดรียลงบนเตียงของเธอ แซคพึมพำ “เกิดอะไรบ้าๆขึ้นในเกมที่ทำให้ลูกทุกข์ทรมานขนาดนี้นะ” มองอเล็กซานเดรียครั้งสุดท้าย แซคค่อยๆเดินออกมาจากห้องแล้วลงไปยังชั้นล่าง

เมื่อมองเห็นแซคกำลังเดินลงมา ไอรีนถาม “ลูกเป็นอย่างไรบ้าง?”

“เธอกำลังหลับอย่างสบายใจในห้องของเธอ” แซคตอบ

“คุณคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับอเล็กซานเดรีย?” ไอรีนถาม

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอคงสูญเสียความทรงจำบางอย่างในเกมไป แต่จากที่เธอพูดไปก่อนหน้านี้ เธอคงได้รับประสบการณ์มากมายในเกมเพราะผมโดนฝูงของมอนสเตอร์จัดการในเวลาที่เหลืออยู่1ชั่วโมง แล้วอเล็กซานเดรียจะฆ่ามอนสเตอร์ไปได้มากแค่ไหนกัน” แซคอธิบาย

“ที่รัก ฉันคิดว่าเราไม่ควรพูดเกี่ยวกับเรื่องที่เธอเป็นผู้กอบกู้โลกอีก ฉันกลัว ฉันไม่อยากเห็นลูกของเราต้องทรมานแบบเมื่อกี้อีกครั้ง ฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถใจเย็นและอาจจะรับไม่ไหวถ้าลูกสาวของเราต้องเจอกับความทรมานอีกครั้ง” ไอรียพูด เธอพยายามกลั้นน้ำตา

เมื่อเขาเห็นภรรยากำลังใจสลาย แซคเดินเข้าไปโอบกอดเธอไว้ “มันจะไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เราจะไม่พูดเรื่องนี้กับอเล็กซานเดรียอีก โอเคไหม? คุณไม่ต้องกังวลไปนะ ผมจะรับมือกับทุกอย่างเอง อย่าไปคิดถึงมันมากเกินไป คุณหมอบอกว่ายิ่งเครียดมากจะยิ่งส่งผลกระทบต่อเด็กในครรภ์ของคุณนะ”

เมื่อได้รับอ้อมกอดอันอบอุ่นของสามี ไอรีนก็เริ่มร้องไห้ออกมา “ฮึก ฮึก แต่เมื่อนึกถึงตอนที่ลูกร้องอย่างเจ็บปวดก็ทำให้ฉันเจ็บไปหมดทั้งใจ ฉันต้องเห็นลูกเจ็บปวดอีกสักเท่าไหร่”

แซคปลอบโยนไอรีนไปเกือบ20นาทีกว่าเธอจะหยุดร้อง

“เฮ้อ เหมือนกันเลยทั้งแม่และลูก ชอบสลบไปและถูกอุ้มเป็นเจ้าหญิงตลอดเวลาจริงๆ” แซคถอนหายใจ เขาอุ้มไอรีนขึ้นแล้วพาไปยังห้องของเธอ

หลังจากวางไอรีนลงบนเตียงของเธอแล้ว แซคก็เดินพึมพำออกจากห้องไป “จากการยกของหนักทั้งหมดในบ้าน ฉันคงต้องไปยิมตอนที่มันสร้างเสร็จ อยู่แต่ในบ้านมาสามปีกล้ามเนื้ออ่อนแรงไปหมด ไม่ไหวๆ”

...

ณ ที่ใดสักแห่งในจักรวาล มีคนสองคนกำลังสู้กับมังกรพายุอย่างสบายอารมณ์ สู้ไปคุยไป

“เจ้าไม่คิดหรือว่า การที่เจ้าเสริมความแข็งแกร่งของคาถายับยั้งความทรงจำห้าครั้งนั้นมันเยอะเกินไป” เอวาถามอาดัม

“ไม่เป็นไรหรอก อเล็กซานเดรียนางสามารถทนได้ มันก็เหมือนๆกัน อย่างไรก็ตาม การอดทนต่อความทรมานหนึ่งครั้งและอดทนต่อความเจ็บปวดเล็กๆน้อยๆตลอดเวลามันก็เท่าๆกัน นางก็ต้องเจ็บปวดอยู่ดี ความแตกต่างอย่างเดียวก็คือความสะดวกของข้า ก็ข้าต้องการทำครั้งเดียวให้จบๆไปแทนที่จะต้องทำหลายๆครั้งนี่นา” อาดัมอธิบายขณะที่เขากำลังเคลือบดาบด้วยเปลวไฟ

จากนั้น อาดัมกำดาบแน่น แล้วขว้างมันออกไปเหมือนกับขว้างหอกด้วยความไวเสียงไปที่มังกรพายุ

“เรามาจบที่นี่กันเถอะ” อาดัมพูดขณะกำลังดึงดาบที่ปักอยู่บนหัวของศพมังกรพายุออก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด