ตอนที่แล้วตอนที่ 129 โยนแม่ลูกคู่นี้ออกไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 131 เปลี่ยนเส้นทางไปบ้านเก่าตระกูลเซียว

ตอนที่ 130 ไม่จำเป็นต้องสงสัยคนที่จ้าง


กำลังโหลดไฟล์

หลังจากคณบดีถานลาออกกับเย่เทียน ก่อนที่เย่เทียนจะได้พูดอะไรหมอและพยาบาลรุ่นเยาว์จำนวนมากที่ตามหลังคณบดีถานก็มาขอลาออกกับเย่เทียนในเวลาเดียวกัน

หมอหลิวจากแผนกฉุกเฉิน “ศาสตราจารย์ คลาสแรกของพวกเราเป็นการฟังบรรยายของคุณในมหาวิทยาลัยการแพทย์จนตอนนี้พวกเราก็ได้เข้าโรงพยาบาลแห่งแรกนี้ด้วย ทั้งหมดเป็นการเดินตามรอยเท้าของคุณและเรียนรู้ประสบการณ์จริงกับคุณ ถ้าศาสตราจารย์จะลาออกงั้นพวกเราขอลาออกด้วย ไม่ว่าศาสตราจารย์จะไปโรงพยาบาลไหนลูกศิษย์อย่างเราจะขอตามไป”

หมองซ่งแผนกฉุกเฉิน “ใช่แล้ว ที่หมอหลิวพูดมาเป็นสิ่งที่ศิษย์อย่างพวกเราจะพูดเหมือนกัน ไม่ว่าอาจารย์จะไปไหนเราก็ขอตามไปด้วย”

นางพยาบาลหลี่กะกลางคืน “คุณคือคุณเย่? พวกเราต้องการยื่นใบลาออก”

นางพยาบาลหลิวกะกลางคืน “ถ้าลาออกไม่ได้ ขอแค่ไล่พวกเราออกก็พอ”

เมื่อพยาบาลประจำการได้รู้ว่าคณบดีถานลาออก เธอก็ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลจนไม่เหลือความสวยของนางพยาบาลเลย

เย่เทียนตั้งใจฟังคำขอลาออกของคณบดีถานและหมอกับพยาบาลคนอื่นๆ เขาหันไปบอกทนายความชั้นนำสองคนให้เป็นตัวแทนไปลงบันทึกที่สถานีตำรวจพร้อมกับตำรวจสองคนที่อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน

และยังสั่งพวกเขาว่าถ้าต่อจากนี้คุณนายหวังกับหวังเหว่ยไห่เลิกสร้างปัญหาต่อ เขาจะทำเหมือนคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่ถ้าคุณนายหวังกับหวังเหว่ยไห่ต้องการทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่และไม่ยอมจบ เขาก็ไม่กลัวที่จะมีปัญหาใหญ่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม!

หลังจากทนายชั้นนำทั้งสองได้รับคำสั่งให้ออกไป เย่เทียนก็หันหน้าไปหาคณบดีถานและยื่นมือขวาให้เขาด้วยความชื่นชม “สวัสดี คณบดีถาน”

เย่เทียนไม่รีบร้อน เขารอประมาณสองนาทีจากนั้นจึงไปจับมือของคณบดีถานเอง “นี่เป็นครั้งแรกที่เราเจอกันดังนั้นไม่พูดเรื่องไร้สาระแล้วกัน โปรดชี้แนะฉันทีเพราะฉันไม่เคยทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลมาฉันไม่มีความรู้เรื่องยาเลยแม้แต่น้อย ถ้าคณบดีถานลาออกเพราะอายุมากขึ้นฉันคงยอมรับคำขอของคุณในนามของโรงพยาบาล แต่ถ้าเป็นเพราะไม่สบายใจที่เห็นโรงพยาบาลแห่งแรกที่ตระกูลถานบริหารมาหลายปีถูกเปลี่ยนมือ ฉันคงยอมให้ออกไม่ได้”

“คุณ...”

เย่เทียนสังเกตเห็นว่าคณบดีถานพยายามดึงมือกลับเขาจึงจับไว้ให้แน่นขึ้นเพื่อกันไม่ให้เขาจากไป อย่างน้อยก็รอให้เขาพูดจบก่อน ถ้าคณบดีถานยังต้องการลาออกอีกเขาก็จะจัดงานเลี้ยงอำลาที่ยิ่งใหญ่ให้และส่งคณบดีถานกลับบ้านเป็นการส่วนตัว

“คณบดีถาน บอกตามตรงเลยว่าฉันเป็นแค่คนธรรมดาในด้านการแพทย์และการบริหารโรงพยาบาล ถ้าไม่ได้บรรพบุรุษตระกูลถานของพวกคุณโรงพยาบาลแห่งแรกคงไม่ได้เป็นอยู่ในแบบทุกวันนี้และเครดิตนี้ต้องยกให้คณบดีอย่างคุณด้วย

ถึงจะซื้อโรงพยาบาลแห่งแรกนี้มาแต่ฉันก็ไม่อายที่จะยึดหลักไม่จำเป็นต้องสงสัยคนที่จ้าง คุณสามารถควบคุมโรงพยาบาลได้อย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นซื้อเครื่องมือการแพทย์ การย้ายบุคลการภายในโรงพยาบาล แม้แต่การตัดสินใจเล็กน้อยก็ขึ้นอยู่กับคุณ

แม้กระทั่งทฤษฎีความเท่าเทียมทางการแพทย์ที่คุณนำเสนอในวารสารการแพทย์สุดสัปดาห์ก็สามารถเริ่มได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปจะให้หลักประกันทั้งห้าสามฟรีวันต่อเดือน ให้คำปรึกษาฟรีสำหรับครอบครัวและคนยากจน หากผู้ป่วยจากครอบครัวพิเศษเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเย่เทียนคนนี้จะเป็นคนจ่ายเองและจะไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทางการเงินของโรงพยาบาลเด็ดขาด

ส่วนโรงพยาบาลจะทำกำไรหรือขาดทุนนั้นไม่ใช่เรื่องที่คณบดีถานต้องกังวล คุณมีความเชี่ยวชาญด้านศัลยแพทย์ดังนั้นจำไว้แค่ว่างานของหมอคือการรักษาและช่วยชีวิตก็พอ!”

ในการพูดของเย่เทียน คณบดีถานก็จับมือเย่เทียนแน่นด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ...

ต้องรู้ว่าการสัมภาษณ์วารสารการแพทย์สุดสัปดาห์ครั้งก่อนเขาถูกผู้สนับสนุนถามถึงความปราถนาที่ซ่อนไว้ในใจมาหลายปีนั่นคือทุกคนเท่าเทียมกันในการเผชิญโรค

แต่ในสังคมปัจจุบันคนรวยครอบครองมากกว่า85%ของทรัพยากรชั้นนำทางการแพทย์และสามารถเสนอชื่อให้เป็นแพทย์มารักษาได้

คนจนต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากก้นบึ้งของสังคม หลายคนเป็นแรงงานต่างด้าวไม่มีประกันสุขภาพจึงไม่กล้าไปโรงพยาบาลเวลาป่วย เมื่อพูดถึงค่าใช้จ่ายในการติดตามการักษาคนกลุ่มนี้จะเลือกหนีออกจากโรงพยาบาลทันที พวกเขาจะไปซื้อยาแก้ปวดสองสามกล่องที่ร้านขายยาข้างถนนแล้วตายจากไป

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคุยกับตระกูลถานมาก่อน แต่เมื่อเขาได้ยินว่าเขาจะใช้กำลังคนและเวชภัณฑ์ของโรงพยาบาลแห่งแรกทุกเดือนเพื่อให้การปรึกษาฟรีแก่ครอบครัวและคนยากจนในไห่จิง คำขอของเขาก็ถูกปฎิเสธทันที

โดยให้เหตุผลว่าเขาทำหน้าที่คณบดีของโรงพยาบาลนานเกินไปจนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสังคมปัจจุบัน

ในฐานะที่โรงพยาบาลแห่งแรกเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในไห่จิง แล้วจะให้ใช้เตียงมากมายรักษาและให้คำปรึกษาแก่ครอบครัวกับคนยากจนฟรีได้ยังไง?

ไม่ว่าเขาจะพูดจนปากแห้งมากเท่าไหร่ คนในตระกูลถานต่างไม่ยอมปล่อยโครงการใหญ่ที่ทำประโยชน์แก่ประชาชน

สุดท้ายก็ทำได้แค่ร่วมมือกับรัฐบาลและเลือกผู้ป่วยหนักหนึ่งถึงสองรายจากครอบครัวที่ยากจนเข้ารับการรักษาด้วยการจับฉลากทุกปี

แต่ผู้ป่วยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้เข้ารับการรักษาน้อยกว่าหนึ่งเดือนในโรงพยาบาลแห่งแรกเนื่องจากอาการรุนแรงเกินไปและการรักษาไม่เกิดผล

พูดตามตรงคือผู้ป่วยเหล่านี้ได้รับการรักษานานเกินไปจนทำให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญรู้สึกว่าไม่มีทางรักษาหายจึงต้องขอโทษและส่งพวกเขากลับไป...

แต่สุภาพบุรุษหนุ่มตรงหน้าเขาไม่เพียงแต่อ่านบทความความเท่าเทียมทางการแพทย์ในวารสารการแพทย์สุดสัปดาห์ที่เป็นความฝันของเขา แต่ยังเสนอต่อสาธารณชนว่าจะปล่อยให้เขาดูแลโรงพยาบาลแห่งแรกได้อย่างเต็มที่และยังตกลงเป็นการส่วนตัวโดยให้หลักประกันทั้งห้าสำหรับคนไห่จิงเป็นเวลาสามวันต่อเดือน แถมยังให้คำปรึกษาฟรีสำหรับครอบครัวและคนยากจน?

ในช่วงเวลาให้คำปรึกษาฟรีตราบใดที่มีการวินิจฉัยผู้ป่วยต้องผ่าตัด เขาสามารถไปที่ห้องผ่าตัดได้ทันทีหลังจากตรวจร่างกายเสร็จ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเย่เทียนจะเป็นคนจ่ายเอง?

เย่เทียนคือใคร?

เขาคิดว่าตระกูลถานของเขาเป็นตระกูลมีชื่อเสียงมากว่าศตวรรษในไห่จิง แม้ลูกหลานจะไม่เจริญรุ่งเรืองเหมือนเมื่อก่อนแต่ตระกูลก็ยังมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่เขาไม่เคยได้ยินชื่อของเย่เทียนในด้านการเมืองและวงการธุรกิจมาก่อน

แต่ไม่ว่าคณบดีถานจะตื่นเต้นจนเกือบจะน้ำตาไหลแค่ไหน เมื่อเขามองขึ้นลงซ้ายขวาก็ไม่เห็นว่าชายหนุ่มที่ชื่อเย่เทียนตรงหน้าจะสูงส่งตรงไหน

แต่เนื่องจากเขาสามารถซื้อโรงพยาบาลแห่งแรกแห่งได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ทรัพย์สินส่วนตัวของเขาต้องมีมากมายแน่นอน

และในขณะนี้หลิวหรูเยียน ฉินเยี่ยน และผางเหว่ยที่เดินตามหลังเขามา พวกเขาทั้งสามต่างรู้จักกับคณบดีถานและผู้อาวุโสของตระกูลถานเป็นอย่างดี

คนสามคนนี้เปรียบเสมือนผู้พิทักษ์ทั้งสามที่ล้อมรอบเย่เทียนเหมือนกับดวงดาวและดวงจันทร์ เย่เทียนต้องมีบางอย่างที่พิเศษมากแน่

เขาสามารถทำให้ลูกหลานของตระกูลแวดวงธุรกิจในไห่จิงเชื่อฟังเขาได้ ยังไงก็ตามมหาเทพเย่เทียนคนนี้ไม่ได้ถ่อมตัวอีกแล้ว ถ้าเขาทำตามอย่างที่พูดได้จริงต่อให้ถานซินเหยียนคนนี้ต้องตาย เขาก็จะตายบนโต๊ะผ่าตัดของโรงพยาบาลแห่งแรก

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้คณบดีถานจึงกำมือขวาของเย่เทียนด้วยตาแดงและเขย่าขึ้นลงโดยไม่พูดอะไรเลย ทุกสิ่งที่เขาต้องการจะกล่าวขอบคุณเย่เทียนดูเหมือนจะติดอยู่ในลำคอของเขาด้วยความตื่นเต้น อ้าปากอยู่หลายครั้งแต่ไม่สามารถออกเสียงพูดที่สมบูรณ์ได้