ตอนที่แล้ว530 - เมล็ดพันธุ์กิเลนม่วง 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป520 -  สนทนาเรื่องการแต่งงาน 

531 - การนิพพานของยาวิเศษ 


กำลังโหลดไฟล์

531 - การนิพพานของยาวิเศษ

ยาศักดิ์สิทธิ์แทบทุกชนิดมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร เป็นการยากที่จะหาสายพันธุ์ที่สองที่เหมือนกันซึ่งสามารถบอกความมีค่าและความศักดิ์สิทธิ์ของมันได้

ยาศักดิ์สิทธิ์แต่ละสายพันธุ์แทบจะไม่สามารถทำซ้ำได้และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากถูกทำลายก็หมายความว่าจะถูกลบออกจากระหว่างสวรรค์และปัฐพีตลอดไป

และนี่คือต้นเหตุของการหายตัวไปของยาศักดิ์สิทธิ์

“ในเมื่อมันเพราะพันธุ์ไม่ได้แล้วมันจะมีเมล็ดได้อย่างไร?” บางคนยังงงงันและไม่เข้าใจ

“พวกเจ้าเข้าใจคำว่านิพพานหรือไม่”

ชายชราคนหนึ่งอธิบายอย่างคร่าวๆ

“ยาพวกนี้มีความสามารถในการบินอยู่บนฟ้า ดำลงไปใต้ดิน รวมทั้งการอาศัยอยู่ในทะเลอันยิ่งใหญ่ สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดคือพวกมันมีความสามารถในการเกิดใหม่ไม่รู้จบด้วย สิ่งนี้ถูกเรียกว่านิพพาน!”

ผู้คนมากมายที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็สูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ ความอัศจรรย์นี้จะไม่แข็งแกร่งเกินไปหรือ

“พวกมันเป็นยาระดับอมตะ แน่นอนว่าพวกมันก็มีพลังแห่งความเป็นอมตะเช่นกัน” ชายชราคนนั้นกล่าวจบก็ถอนหายใจ

ณเวลานี้ทุกคนเข้าใจแล้วว่ามันมีค่าเพียงใด

"สำหรับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ประเมินค่าไม่ได้!"

หากมันมีขนาดใหญ่มากกว่านี้บางทีทุกคนอาจจะไม่ทุ่มเทอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อแย่งชิงมัน

แต่ในเมื่อมันมีขนาดเล็กเท่ากำปั้นเด็กทารก ย่อมแสดงให้เห็นว่ามันผ่านการนิพพานมาแล้ว และสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดคือเคล็ดลับในการนิพพานของมันนั่นเอง

มรดกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นดำรงมากกว่าแสนปี แม้ว่าคนในรุ่นปัจจุบันอาจจะไม่สามารถมองเห็นตอนที่มันเจริญเติบโตได้

แต่เมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายพันปียาต้นนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ค้ำจุนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาดำรงอยู่ไปอีกหลายหมื่นปี!

“บางทีในอนาคตจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อาจจะปรากฏตัวขึ้นก็เพราะยาศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้!

เมื่อคิดถึงผลลัพธ์นี้ผู้คนมากมายจะไม่แย่งชิงมันได้อย่างไร!

ก่อนหน้านี้เย่ฟานตัดยาศักดิ์สิทธิ์ร่างมนุษย์ออกมา แม้ว่าจะมีรากของมันติดอยู่เล็กน้อย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะมีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับยากิเลนสีม่วงในปัจจุบัน

ต่อให้มันอยู่ในระดับสมบูรณ์ที่สุดมันก็ไม่มีทางเอามาเปรียบเทียบจับยากิเลนม่วงแม้แต่เศษเสี้ยว

ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจต่อศีรษะของสิ่งมีชีวิตอมตะของหนานกงจี้อีกแล้ว มูลค่าของพวกมันไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ด้วยซ้ำ

ดวงตาของทุกคนเป็นสีแดง แต่โชคดีที่นักพรตมังกรแดงยืนอยู่ข้างๆเย่ฟ่าน ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้ตลอดเวลา

“ใครให้ราคาสูงสุดก็จะได้รับมันไป!” สิ่งมีชีวิตสูงสุดของตระกูลจี้ กล่าว

คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เห็นด้วย พวกเขารู้ดีว่าไม่สามารถต่อสู้กับนักพรตมังกรแดงได้ แต่หากพูดในเรื่องความร่ำรวยพวกเขาไม่เป็นรองฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน

นักพรตมังกรแดงเห็นแบบนั้นก็ยิ้มและกล่าวว่า

"พวกเจ้าคิดจะกีดกันข้าออกไปอย่างนั้นหรือ ต่อให้พวกเจ้าเสนอราคาสูงมากแค่ไหนหากเด็กน้อยคนนี้ไม่ต้องการขายพวกเจ้ายังจะทำอะไรได้?”

คำพูดของเขาสงบนิ่ง แต่หัวใจของผู้คนตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด

นี่เป็นความจริงที่พวกเขาต่างก็หวาดกลัว จากลักษณะความสัมพันธ์ของนักพรตชรากับกู่เฟิง หากกู่เฟิงไม่ยอมขายยาศักดิ์สิทธิ์นี้พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน

"เด็กน้อย แม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณก็ไม่แน่ว่าจะมีวิธีสยบตัวยาชนิดนี้ หากเจ้าเลือกที่จะเก็บไว้บางทีอาจทำให้เจ้าพลาดโอกาสอันยิ่งใหญ่ได้!" จักรพรรดิเซี่ยพยายามหว่านล้อม

เย่ฟานถือเมล็ดพันธุ์กิเลนม่วงไว้ในมือ แสงสว่างที่ส่องออกมาจากเมล็ดพันธุ์นี้ทำให้ร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วง เขาไม่ต้องการขายยาศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากจริงๆ

“อย่าเพิ่งทะเลาะกันตอนนี้ เรามาสร้างค่ายกลเพื่อปิดผนึกเทพธิดาคนนั้นดีกว่า หากนางหลุดออกมาจากต้นกำเนิดได้ บางทีแม้แต่ชีวิตของเราทุกคนก็ยากที่จะรักษาไว้”

สิ่งมีชีวิตสูงสุดของตระกูลจี้แนะนำ โดยต้องการให้ปิดผนึกแท่นบูชาโลหิตไว้อย่างแน่นหนาเพื่อเปิดเป็นรายการสุดท้ายของการเดิมพัน

"เย่น้อย เราเก็บต้นอ่อนนี้ไว้ไม่ได้..."

หลี่เหอซุยส่งเสียงอย่างลับๆ นี่เป็นเผือกร้อนที่น่ากลัว ต่อให้เป็นกลุ่มมหาโจรผู้ยิ่งใหญ่ก็ยากที่จะปกป้องพวกเขา

ในเวลานี้ทุกคนมองไปที่เย่ฟานด้วยสายตาที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่มีโอกาสได้รับยาศักดิ์สิทธิ์กิเลสม่วง แต่ขอเพียงได้รับแมลงศักดิ์สิทธิ์โบราณสักตัวก็ยังดี

แม้แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่หยิ่งผยองก็ยังแสดงมิตรไมตรีต่อเขาอย่างชัดเจน นับประสาอะไรกับคนอื่น

กู่เฟิงจะต้องเป็นปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ในอนาคตอย่างแน่นอน!

"ตัดหินต่อไป!" หนานกงจี้กล่าวอย่างว่างเปล่า

"ต่อให้เจ้าได้รับยาศักดิ์สิทธิ์มากแค่ไหนมันก็ไม่มีทางเทียบได้กับเทพธิดาที่อยู่ในแท่นบูชาโลหิตของพวกเรา"

เด็กหนุ่มจากตระกูลขุนนางโบราณเยาะเย้ย

“รีบเปิดสุสานเซียนนี้เถอะ ข้าอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน…”

พวกเขามั่นใจว่าจะไม่มีสิ่งใดในโลกล้ำค่าเท่ากับเทพธิดาคนนั้นอีกแล้ว ดังนั้นต่อให้เย่ฟ่านเปิดอะไรขึ้นมา มันก็จะตกเป็นของพวกเขาอยู่ดี

“ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็เบิกตาให้กว้างไว้!”

ปากของหลี่เหอซุยยังคงดื้อด้าน แต่ในความเป็นจริงหัวใจของเขาเต้นระทึกเป็นอย่างมาก

เย่ฟานมาที่เดินมาที่หลุมศพเซียนและมองดูอย่างเงียบๆ เขาสัมผัสมันอย่างระมัดระวังก่อนจะเริ่มใช้กระบี่มังกรดำเฉือนลงไปทีละนิด

ทันใดนั้นความรู้สึกอันตรายก็จู่โจมเข้าหาสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขา เส้นผมของเขาตั้งตรงด้วยความกลัว มันเป็นความรู้สึกถึงวิกฤติอันร้ายแรง

แต่หลังจากที่เขาลงมืออย่างต่อเนื่องกลับไม่ได้มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น และสัมผัสอันตรายนั้นก็หายลับตัวอย่างรวดเร็ว

“เจ้าเป็นอะไรไป”

หลี่เหอซุยสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดของเย่ฟาน เขาจึงส่งสัญญาณเสียงไปอย่างลับๆ

"ไม่มีอะไร!" เย่ฟานส่ายหัวและเริ่มตัดหินอีกครั้ง

ดวงตาของเย่ฟานเป็นสีม่วง การรับรู้จากสวรรค์ส่งสัญญาณเตือนอีกครั้ง และเขาสัมผัสได้ว่ามันเป็นอันตรายที่อาจทำให้เขาเสียชีวิตได้เลย

เย่ฟานกระโดดถอยหลังอย่างรวดเร็ว เขาไม่กล้าเสี่ยงที่จะลงมืออีกต่อไป

เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นคนแก่เหล่านั้นที่ต้องการฆ่าเขา? แต่เขาไม่รู้สึกถึงพลังปราณมังกรที่พุ่งพล่าน และไม่มีความผันผวนของชีพจรปฐพีในบริเวณใกล้เคียง

“เด็กน้อยเจ้าคิดจะทำอะไร เจ้าคิดจะเต้นรำกับหลุมศพเซียนอย่างนั้นเหรอ!” เด็กหนุ่มจากตระกูลขุนนางโบราณเยาะเย้ย

“อย่าตัดหินเร็วนัก การเต้นรำของเจ้าดูน่าสนใจมากกว่าจริงๆ” เด็กหนุ่มอีกคนหัวเราะเสียงดัง

“หุบปาก! หากพวกเจ้ามีความสามารถก็มาแข่งแทนปู่ของเจ้า อย่าทำได้เพียงส่งเสียงจากด้านข้าง” หลี่เหอซุยคำรามด้วยความโกรธ!

เย่ฟานไม่ได้สนใจการรบกวนจากเด็กหนุ่มกลุ่มนั้น สายตาของเขาจับจ้องไปยังสุสานเซียนและคิดอย่างรอบคอบ เป็นไปได้ไหมว่ามีบางอย่างที่อยู่ด้านในปลดปล่อยเจตนาฆ่าออกมา

เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้แผ่นหลังของเขาก็เปียกชุ่มขึ้นมาทันที สิ่งที่มีเจตนาฆ่ารุนแรงถึงขนาดนั้นคืออะไรกันแน่?

และมันฟื้นตัวเต็มที่แล้วหรือไม่?! ถ้ามันหลุดออกจากต้นกำเนิดที่อยู่ด้านใน ผู้คนจากเมืองศักดิ์สิทธิ์จะสามารถปราบปรามมันได้หรือเปล่า?

ในขณะนี้จู่ๆเมฆสีดำก็บดบังทั่วทั้งท้องฟ้า เย่ฟานจิตใจสั่นสะท้าน อยู่ดีๆเขาก็นึกถึงเรื่องราวบางอย่างขึ้นมา!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด