ตอนที่แล้ว480- คำว่าเซียนอมตะที่อยู่ในชื่อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป482- คำเตือนของบรรพบุรุษ

481- หายนะของการมีชีวิตที่ยืนยาว


1792 - หายนะของการมีชีวิตที่ยืนยาว

ในสมัยโบราณเซียนอมตะฉินเป็นความภาคภูมิใจแห่งสวรรค์ของตระกูล เขาเป็นอัจฉริยะที่ท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง

แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ชะตาชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล เขาเข้าไปในพื้นที่ลึกลับแห่งหนึ่งและหลงทางอยู่เป็นเวลานาน

สถานที่แห่งนั้นอยู่ในดินแดนรกร้างใกล้ๆเมืองจักรพรรดิ์

ในเวลานั้นชะตากรรมของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง!

เขายังจำได้ว่าหลงทางอยู่ในดินแดนโบราณแห่งหนึ่ง สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยพลังเซียนที่บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่น่าเชื่อ

อย่างไรก็ตามมีเลือดปกคลุมพื้นดินอยู่เต็มไปหมด ทุกหนทุกแห่งล้วนกลายเป็นดินโคลนที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด

มีบึงเล็กๆที่มีสีแดงเข้มรวมไปถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีเลือดเดือดปุดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างในสถานที่แห่งนั้นล้วนเต็มไปด้วยเลือด

เมื่อเซียนอมตะฉินเข้าไปได้ครู่หนึ่งเขาก็รีบเดินออกมาทันที เมื่อเขาตื่นขึ้นเขาก็ออกจากพื้นที่ที่ไม่มีคนอยู่อย่างลึกลับ โดยไม่ทราบสาเหตุร่างกายของเขาก็กลับสู่สามพันแคว้น

อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาพบว่าเขากลายเป็นคนที่แตกต่างไปจากเดิม หลังจากตรวจร่างกายอย่างละเอียดเขาก็พบว่ามีกระดูกส่วนเกินถูกเพิ่มเข้ามาในร่างกายของเขา

“กระดูกเซียน?!” ดวงตาของสือฮ่าวหรี่ลงและพบว่ามันยากที่จะสงบลงได้

เขาทราบแล้วว่าฉินฮ่าวมีกระดูกเซียนอยู่ในร่างกายได้อย่างไร

มีข่าวลือว่าภูเขาอมตะมีกระดูกเซียนชิ้นหนึ่งซึ่งได้มาจากพื้นที่ลึกลับซึ่งไม่มีคนอาศัยอยู่ แม้จะผ่านไปหลายปีแต่กระดูกนั้นก็ยังคงเต็มไปด้วยพลังชีวิตอันมหาศาล

ต่อมาหลายคนรู้ว่ากระดูกชิ้นนี้ซึ่งถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีเป็นเวลาหลายแสนปี มันถูกปลูกฝังเข้าไปในร่างกายของฉินฮ่าว

"เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้ว!" เซียนอมตะฉินพยักหน้า

สือฮ่าวตกใจทันที เป็นไปได้ไหมว่ามันแตกต่างจากข่าวลือ?

“กระดูกมีคำว่า 'เซียนอมตะ' อยู่ด้วย” เซียนอมตะฉินกล่าว

เดิมทีเขาไม่มีชื่อนี้ แต่ตั้งแต่เขาได้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกๆนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนได้รับการดูแลจากสวรรค์และจากนั้นเขาก็ได้รับโชคตามธรรมชาติเช่นนี้

ในช่วงเวลานั้นมีบางอย่างในใจของเขาบอกเขาอยู่เสมอว่าการเปลี่ยนชื่อเป็นการเปลี่ยนชะตากรรมของเขา เขาต้องเปลี่ยนชื่อเป็นเซียนอมตะฉิน

“ มันเป็นเรื่องน่าหัวเราะจริงๆเมื่อข้าพูดถึงเรื่องนี้หรืออาจจะกล่าวว่ามันเป็นเรื่องน่าสยดสยองอย่างแท้จริง

ข้าถูกบางอย่างเข้าครอบงำในที่สุดก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อนี้โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว” เซียนอมตะฉินกล่าวเยาะเย้ยตัวเอง

“เปลี่ยนชื่อเพราะกระดูก…” สือฮ่าวถอนหายใจ

หากใครคิดอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้จะเห็นว่าเรื่องนี้เต็มไปด้วยความลึกลับและน่ากลัวอย่างยิ่ง

กระดูกมีชื่อ 'เซียนอมตะ' มันเข้าดลใจให้คนผู้หนึ่งเปลี่ยนชื่อของตัวเองโดยที่แม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่เข้าใจ

หนังศีรษะของสือฮ่าวเริ่มช้าด้าน ต้นกำเนิดของกระดูกนี้แตกต่างจากข่าวลือที่แพร่กระจายอยู่ในโลกภายนอก ตอนนี้มันถูกฝังเข้าไปในร่างกายน้องชายของเขานี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน

“แล้วยังไงต่อ?” สือฮ่าวถาม.

“สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างแท้จริง” เซียนอมตะฉินถอนหายใจ

เขาออกเดินทางไปเรื่อยๆโดยไม่ทราบว่ากำลังค้นหาอะไรอยู่จนในที่สุดเขาก็พบถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งสามารถใช้ในการบ่มเพาะพลังเป็นอย่างดี

เขาต้องการรู้แจ้งให้ได้ว่ากระดูกลึกลับชิ้นนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่ แต่ก่อนที่เขาจะรู้ตัวเขาก็จมดิ่งลงสู่ความรู้แจ้งที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

“นั่นเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่เหรอ” สือฮ่าวกล่าว

เซียนอมตะฉินหัวเราะอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ในการรู้แจ้งเต๋าครั้งนั้นทำให้ข้าสูญเสียเวลาไปถึงหนึ่งแสนปี เมื่อข้าปรากฏตัวอีกครั้งทุกสิ่งทุกอย่างในโลกก็เปลี่ยนไปแล้ว”

"อะไร?!" คราวนี้สือฮ่าวตะลึงจนอ้าปากค้าง

นี่คือการรู้แจ้งเต๋าแบบไหนกัน? เหตุไฉนถึงได้ใช้เวลานานถึงขนาดนี้นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป!

เป็นเพราะแม้ว่าสิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดจะทำสมาธิด้วยความสันโดษ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะใช้เวลาถึงแสนปี อย่างมากก็ไม่กี่ร้อยถึงหนึ่งพันปีเท่านั้น

หากพวกเขาตั้งใจจะอยู่อย่างสันโดษเป็นเวลาหลายหมื่นปีในระหว่างนี้พวกเขาก็ต้องตื่นขึ้นมานับร้อยครั้ง

หลังจากแสนปีผ่านไปผู้คนและสิ่งต่างๆจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน

อย่างไรก็ตามเซียนอมตะฉินพบว่าเขายังเด็กและเต็มไปด้วยพลัง นอกจากนี้ระดับบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลกลายเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในสามพันแคว้น

อย่างไรก็ตามเมื่อเขากลับบ้านเขาพบว่าคนที่เขารู้จักเสียชีวิตไปหมดแล้ว

นอกเหนือจากความภาคภูมิใจของสวรรค์เพียงไม่กี่คนจากคนรุ่นเดียวกันซึ่งพวกเขากลายเป็นผู้สูงสุดของตระกูลต่างๆแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขาล้วนหายไปหมดสิ้น

''คู่หมั้นของข้าหรอข้าหลายพันปี ในที่สุดนางถูกบังคับให้แต่งงานกับคนอื่น หลังจากผ่านไปแสนปีแม้แต่หลุมศพของนางก็ไม่เหลือแล้ว ข้าเพียงทราบตำแหน่งคร่าวๆเท่านั้น” เซียนอมตะฉินมีอารมณ์อ่อนไหวอย่างมาก

เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อเขามากเกินไป มิฉะนั้นด้วยระดับบ่มเพาะของเขาทำไมเขาถึงพูดถึงเรื่องทางโลกเมื่อนานมาแล้ว?

สือฮ่าวสามารถจินตนาการถึงฉากนั้นได้ ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนหลั่งน้ำตาอยู่ในสถานที่แห่งความทรงจำของเขาด้วยความเศร้าโศกและความหงุดหงิดใจ

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไร้สาระอย่างยิ่ง นี่เป็นถึงเซียนอมตะฉิน!

ในความเข้าใจของสือฮ่าว เซียนอมตะฉินเป็นคนที่ชั่วร้ายอย่างไม่น่าเชื่ออย่างน้อยที่สุดความประทับใจแรกของเขาที่มีต่อบุคคลนี้ก็แย่มาก เขามีด้านอ่อนไหวแบบนี้จริงเหรอ?

เป็นเพราะเขาค้นพบว่าหลังจากหลายปีผ่านไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในดวงตาของเซียนอมตะฉินนั้นยังคงมีความเสียใจและความเศร้าโศก

ร้ายกาจแต่อ่อนโยน? สือฮ่าวสามารถให้การประเมินประเภทนี้ได้เท่านั้น

คำพูดต่อไปนี้ทำให้ร่างกายของสือฮ่าวสั่นสะท้านเพราะมันเกี่ยวข้องกับมรดกทางสายเลือดของแม่ของเขา

“ตัวข้าไม่มีลูกหลาน หลังจากค้นหาเป็นเวลาหลายพันปี ในที่สุดข้าก็รับบุตรบุญธรรมคนหนึ่ง”

เมื่อสือฮ่าวได้ยินคำเหล่านี้เขาก็ตะลึงเล็กน้อย บุตรบุญธรรมที่เซียนอมตะฉินพูดถึงนั้นเป็นลูกหลานของสหายหญิงในอดีตของเขา

นี่หมายความว่าสือฮ่าวและเซียนอมตะฉินไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกัน?

“ข้ามองว่าเด็กคนนั้นคือสายเลือดของข้าหลังจากนั้นข้าจึงก่อตั้งภูเขาอมตะขึ้น” เซียนอมตะฉินกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

“แล้ว?” สือฮ่าวถาม

“ระดับบ่มเพาะของข้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะไม่ได้ทำการฝึกฝนอะไรเลย ขอเพียงแค่มีกระดูกชิ้นนั้นฝังไว้ในร่างกายก็พอ ยิ่งไปกว่านั้นข้ามักจะอยู่ในสภาพเหม่อลอยและเห็นฉากแปลกๆเป็นครั้งคราว”

เซียนอมตะฉินพูด ฉากเหล่านั้นกล่าวถึงการต่อสู้ของเซียนอมตะที่แท้จริงในทะเลเลือดที่เอ่อล้นขึ้นสู่สวรรค์ มันทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอยู่เสมอ

สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือในเวลาต่อมามีคนผู้หนึ่งมาหาเขาคนผู้นั้นมีชื่อว่าเซียนอมตะมู่ ตอนนั้นเขาอยู่ในอาณาจักรผู้สูงสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

เขาบอกกับเซียนอมตะฉินว่าในอดีตเขาเคยไปที่หนองน้ำแห่งนั้นด้วย นอกจากนี้ยังเห็นเซียนอมตะฉินนอนหมดสติอยู่ก่อนแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นคนๆนั้นเองก็หมดสติไปด้วย เมื่อเขาตื่นขึ้นมาเขาก็เห็นเด็กทารกสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะ ในเวลานั้นพวกเขาทั้งสามคนอยู่ในสถานที่เดียวกัน

เด็กทารกคนนั้นมีผิวขาวราวกับหิมะและเป็นประกายด้วยความศักดิ์สิทธิ์ แต่ข้างๆเขามีผิวหนังที่ลอกล่อนและกงเล็บสีดำสนิทซึ่งดูจากลักษณะแล้วไม่น่าจะใช่สิ่งมีชีวิตจากเก้าสวรรค์เรื่องนี้ทำให้เขาหวาดกลัวอย่างยิ่ง

หลังจากนั้นไม่นานเด็กทารกคนนั้นก็วิ่งหายไป

ต่อมาเซียนอมตะมู่ก็ออกจากดินแดนแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว

ในร่างกายของเซียนอมตะมู่ไม่ได้มีกระดูกเพิ่มเข้ามา แต่มีเลือดบางชนิดซึ่งไม่ใช่ของเขาปรากฏอยู่ในร่างกาย ในท้ายที่สุดความแข็งแกร่งของเขาก็ปะทุขึ้นกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรปลดปล่อยตนเองในเวลาไม่นาน

ในระหว่างขั้นตอนนั้นเขาเปลี่ยนชื่อเป็นเซียนอมตะมู่ แต่เดิมชื่อของเขาไม่ได้เป็นแบบนี้

“เซียนอมตะมู่บอกข้าว่าเด็กทารกคนนั้นคือเซียนอมตะหวังของเก้าสวรรค์” เซียนอมตะฉินกล่าว

สือฮ่าวตกใจ นี่เป็นเรื่องราวที่สำคัญอย่างยิ่ง ย้อนกลับไปในตอนนั้นจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? มันเป็นดินแดนโบราณแบบไหน?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด