ตอนที่แล้วตอนที่ 5 แต้มสถานะ(อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 เจียน่าและกลุ่มผู้อพยพ(อ่านฟรี)

ตอนที่ 6 นักรบโครงกระดูก(อ่านฟรี)


ตอนที่ 6 นักรบโครงกระดูก

ลูอิสเปิดไปหน้าข้อมูลตัวละคร ก่อนจะเริ่มทำการอัพเลเวลของตัวละครพาลาดินของเขา

‘เลเวล 1 ใช้ 150 แต้มพลังงานศรัทธาในการอัพ เลเวล 2 นั้นใช้ถึง 300 แต้มพลังงานศรัทธาในการอัพสินะ พลังงานที่มีอยู่ตอนนี้เพียงพอแล้ว’

‘อัพเลเวล’ เขากล่าวในใจทันใดนั้น ค่าพลังงานศรัทธาที่พึ่งได้มา 390 ก็ลดลงเหลือ 90 ในทันที

“ติ้ง!”

“ผู้เล่นเลเวลอัพเป็น lv.2”

“+3 แต้มศักยภาพ, +3 แต้มสถานะ, +10 พลังงาน +2 พลังชีวิต”

เสียงระบบแจ้งเตือนเขา โดยไม่รอช้าลูอิสได้ลงแต้มสถานะทั้งหมดของเขาทันที นั้นก็คือ ใส่ 2 แต้มให้กับพละกำลังและ 1 แต้มให้กับความทนทาน

“ลูอิส แกริค”

“มนุษย์ (ทารก)”

“อาชีพหลัก : พาลาดิน”

“เลเวล : 2” (lv.3 ต้องการ 500 แต้มพลังงานศรัทธา)

“เกรด 0.3 ดาว”

“ค่าสถานะ : พละกำลัง 7 ,ความชำนาญ 1 ,ความทนทาน 4,สติปัญญา 10,โชค 1”

“พลังชีวิต : 6” (อ่อนแอมาก)

“พลังงาน : 20”

“แต้มสถานะ : 0”

“แต้มศักยภาพ : 4”

“พลังงานศรัทธา : 90”

“ทักษะสายอาชีพพาลาดิน : คำอธิษฐาน lv.1, ประกายแสงแห่งโชคดี lv.1”

แม้ตอนแรกเขาจะบ่นเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและควรใส่แต้มสถานะไปที่ความทนทาน แต่ตอนนี้นอกจากการปรับตัวยังมีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่าคือ การช่วยเหลือตัวเองให้ได้

นั้นทำให้ลูอิสตัดสินใจใส่แต้มสถานะไปที่พละกำลังถึง 2 แต้ม เขาต้องการให้ตัวเองมีทั้งพละกำลังและความอึดมากขึ้น ซึ่งทำให้เขาไม่ต้องนอนตลอดเหมือนเด็กทารก

‘รู้สึกดีมากเลย หลังจากที่ได้เพิ่มแต้มสถานะอีกครั้ง ตอนนี้ฉันก็น่าจะพอลุกคลานได้แล้ว และการที่ความทนทานเพิ่มอีกเล็กน้อยก็ทำให้สบายตัวมากขึ้นพอสมควรในอากาศที่เปลี่ยนไปมาแบบนี้’

‘ถ้าคิดจากความแข็งแกร่งแล้ว ผู้ใหญ่ปกติทั่วไปคงจะมีค่าสถานะพละกำลังอยู่ที่ 8-10 และถ้าผู้ชายแข็งแกร่งอาจจะถึง 15 ส่วนความทนทานนั้นก็อาจจะมากหรือน้อยลงมาอีกเล็กน้อย ซึ่งค่าสถานะด้านอื่น ๆ ก็เช่นกัน’

‘ด้วย 7 แต้มพละกำลังและ 4 แต้มความทนทาน ทำให้ฉันมีความแข็งแกร่งเท่ากับเด็ก 4-5 ขวบเลยทีเดียว บางทีค่าพวกนี้อาจจะขึ้นทีละ 0.1 อะไรแบบนี้ในคนปกติแต่เพราะฉันมีระบบช่วย จึงจัดการเพิ่มแต้มสถานะได้โดยตรง’

‘ไม่รู้ว่าพ่อบ้านชรามีพละกำลังเท่าไหร่ ถ้ามองจากการต่อสู้ที่ผ่านมา เขาอาจจะมีพละกำลังและความแข็งแกร่งมากกว่าคนธรรมเท่าตัวเลยทีเดียว’

...

เวลาบ่ายของวันแล้ว ตอนนี้สภาพของแอนเดรียและพ่อบ้านชราเริ่มมีอาการคอแห้งขึ้นมาและความอ่อนล้าแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน

“นายหญิงตอนนี้น้ำดื่มเราหมดแล้ว เราควรจะหาน้ำสะอาดที่พอดื่มได้กันก่อน เพราะกว่าจะถึงเมืองเอลดิลคงอีกหลายวัน” พ่อบ้านชรากล่าวออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง เขาเคยเป็นนักล่ามาก่อนดังนั้นจึงมีประสบการณ์ในด้านการเดินทางในพื้นที่อันตรายแบบนี้มาก และรู้ว่าถ้าร่างกายขาด้ำจะอันตรายกว่าการอดอาหารมาก

แอนเดรียที่ปากซีดใบหน้าอ่อนล้าพยักหน้าตอบรับ ที่จริงเธอหิวน้ำจนไม่มีเสียงจะตอบกลับไป

...

ใช้เวลาอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม ในที่สุดพ่อบ้านเฟรดก็หาแหล่งน้ำพบ ด้านหน้าของพวกเขานั้นเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่กว้างประมาณ 30 เมตร ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของพื้นที่รอบด้านและน้ำก็เริ่มขังในหลุมที่ยุบลงไป

น้ำในแอ่งหลุมไม่ได้ใสมากนัก ถึงอย่างนั้นก็ดูไม่สกปรก ซึ่งน่าจะสามารถนำมาดื่มได้ แถมสถานที่บริเวณนี้เย็นสบายก็ตรงอื่นมาก เนื่องจากใกล้แหล่งน้ำ ทำให้ทุกคนนั้นรู้สึกสบายมาก

‘เย็นสบายมากเลย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้ทั้งสองหยุดพักที่นี่ไปเลยหลังจากดื่มน้ำ หือ...ท่าทางของพ่อบ้านเฟรดระวังมากเป็นพิเศษแฮะ...หรือที่นี่ไม่ปลอดภัยกัน’ ลูอิสทารกมองพ่อบ้านชราและกวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างละเอียด แต่ทุกอย่างนั้นก็เงียบมากจนไม่พบอะไร

“นายหญิงที่นี่เงียบเกินไป เราควรจะสำรวจดูรอบ ๆ ก่อน อาจจะมีอันตรายซ่อนอยู่” พ่อบ้านเฟรดกล่าว ก่อนจะเดินไปแอบยังมุมหนึ่งของซากกำแพงเก่า ๆ

แอนเดรียเองก็คิดว่ามันเงียบจนเกินไปเช่นกัน

‘เงียบเกินไปอย่างนั้นเหรอ จริงด้วยสิ ทั้งที่ตรงนี้มีแอ่งน้ำและยังเย็นสบายก็กว่าจุดอื่น แต่กลับไม่มีพวกสัตว์อยู่แถวนี้เลย ทั้งที่ผ่านมาก็ยังพอจะเห็นนกรูปร่างแปลก ๆ บินอยู่บ้าง แต่ที่นี่ไม่มีแม้แต่เงาของพวกมัน’ ลูอิสเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา ก่อนจะรีบซ่อนมันอย่างรวดเร็วเขายังเป็นเด็กทารกอยู่ จึงต้องทำตัวให้สมกับเด็กทารก

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมองดูรอบตัวอย่างกังวล

“มีคนมาหลบเร็ว” พ่อบ้านเฟรดรีบบอกให้นายหญิงหลบ

แอนเดรียรีบหลบหลังกำแพงหินก่อนจะสังเกตเห็นว่ามีกลุ่มคนมาที่แอ่งน้ำนี้เหมือนกัน และไม่ได้มาแค่หนึ่งหรือสองคน แต่พวกเขามากันมากถึง 7 คน

ทั้งแอนเดรียและพ่อบ้านต่างก็เฝ้าดูอยู่อย่างเงียบ ๆ และระวังตัวมากเป็นพิเศษ

‘โอ๊ะ! ในที่สุดก็เจอคนอื่นบ้างแล้ว แต่ดูจากการแต่งตัวแล้ว เสื้อผ้าพวกเขาดูสภาพเก่ามาก แถมยังเย็บแล้วเย็บอีก ไม่สิเราจะเอาเสื้อผ้าของแอนเดรียและพ่อบ้านชรามาเป็นมาตราฐานไม่ได้ ทั้งสองมาจากปราสาทขุนนางคงจะใช้ชีวิตที่ดีกว่าคนปกติอยู่แล้ว แต่ดูแล้วแม้เสื้อผ้าจะเก่า แต่ก็ไม่ถึงกับสกปรกเกินไป บางทีอาจจะใช้พวกเขาช่วยรวบรวมพลังงานศรัทธาได้ไวขึ้นก็ได้’

‘พวกเขาลงไปที่แอ่งน้ำแล้ว ผู้ชาย 4 คน ผู้หญิง 2 คนและในกลุ่มมีเด็กอยู่ด้วยอีกหนึ่ง’

ทารกน้อยในอ้อมกอดของแอนเดรียพยายามเงยหน้ามองดู แอนเดรียที่ตอนนี้ก็จ้องมองดูคนแปลกหน้าสังเกตเห็นลูกเธอขยับตัวไปมาจึงหันมากระซิบเบา ๆ ว่า “ลูอิสอยู่เงียบ ๆ ก่อนจะ เดี๋ยวหลังจากนี้ค่อยดื่มนมนะ”

‘ดูเหมือนเธอจะเข้าใจผิวว่าฉันอยากดื่มนะไปซะได้’ ลูอิสหยุดขยับตัวไปมา

“นายหญิงดูเหมือนคนพวกนั้นจะเป็นพวกอพยพ ในกลุ่มมีนักล่าระดับ ครึ่งดาวอยู่ เรารอให้พวกเขาไปตักกน้ำก่อนก็ได้ ถ้าไม่เกิดเรื่องอะไรเราค่อยไปตักน้ำก็แล้วกัน” พ่อบ้านเฟรดกล่าว

“อืม” แอนเดรียยิ้มรับ และถอนหายใจเบา ๆ เนื่องจากพวกเธอไม่ต้องไปเสี่ยงเจออันตรายเอง

...

กลุ่มผู้อพยพทั้ง 7 ลงไปที่แอ่งน้ำ ก่อนจะช่วยกันกรอกน้ำใส่ถุงน้ำและบางส่วนก็ตักน้ำใส่ถังน้ำกันอย่างขยันขันแข็ง โดยมีชายคนหนึ่งคอยเฝ้าระวังให้

“แปลกมา น้ำตรงนั้นเคลื่อนไหว รีบหนีเร็ว” แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงอยู่ ๆ ก็มีบางสิ่งกระโดดออกมาจากแอ่งน้ำพร้อมกับดาบผ่าร่างของชายที่เท้าเหยียบลงไปในน้ำ เพราะกำลังตักน้ำส่งให้คนอื่น

ร่างของชายคนนั้นถูกผ่าแยกออกจากกัน เลือดเนื้อและเครื่องในไหลหล่นลงสู้น้ำที่เท้าก่อนร่างแยกหล่นไปสองข้าง บริเวณที่ศพนอนตายอยู่นั้นพื้นน้ำเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน กลิ่นเลือดกระจายออกมาฟุ้งไปทั่วบริเวณ

ขณะที่คนอื่น ๆ นั้นต่างก็ตกใจจนหน้าซีด ไม่มีใครขยับตัวเพราะยังช็อกอยู่

สายตาของทุกคนหันกลับไปมองสิ่งที่กระโดดขึ้นจากน้ำเมื่อครู่ มันเป็นโครงกระดูกมนุษย์ตนหนึ่งที่มีตะไคร่น้ำเกาะตามตัว ดวงตากลวงโบ๋ ท่อนล่างสวมใส่กางเกง ส่วนในมือนั้นถือดาบยาวเมตรครึ่งไว้หนึ่งเล่ม

“นักรบโครงกระดูก!”

“เจียน่าวิ่ง” ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า หันไปกล่าวกับเด็กเพียงคนเดียวในกลุ่ม โดยไม่สนใจคนอื่น ๆ ถึงอย่างนั้นเสียงของชายคนนี้ก็ปลุกให้ทุกคนได้สติ

ทันทีที่ได้สติพวกเขาก็แหกปากร้องออกมา ก่อนจะโยนของในมือทิ้งและวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว โดยไม่สนใจใครทั้งนั้น

แต่นักรบโครงกระดูกนั้นแข็งแกร่งมาก มันเลือกเป้าหมายแรกก่อนเลยนั้นก็คือ ชายหัวหน้ากลุ่ม

“บัดซบ” ชายหัวหน้ากลุ่มสบถด่าออกมาด้วยสีหน้าที่น่าเกลียด ดึงดาบของตนเองออกมาก่อนจะเตรียมรับป้องกัน

ปัง!

นักรบโครงกระดูกโจมตีใส่ชายคนนั้นไปหนึ่งทีดาบในมือของชายคนนั้นถึงกับกระเด็นหลุดมือ พร้อมกับตัวที่กระเด็นไปตามแรงกระแทกของการโจมตี

“อั๊ก!” ชายหัวหน้ากลุ่มไอออกมาอย่างรุนแรงและรู้สึกจุกมาก แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นมาก็สายไปเสียแล้ว นักรบโครงกระดูกเข้ามาประชิดตัวเขาแล้วพร้อมกับดาบที่ตัดหัวของชายผู้นำกลุ่ม

“ไม่...” ชายผู้นำกลุ่มพูดออกมาได้คำเดียวก่อนศีรษะของเขานั้นลอยหมุนและตกลงพื้นและภาพดับมืดไป

ขณะเดียวกันในกลุ่มที่วิ่งหนีขึ้นไปด้านบนขอบของแอ่งน้ำนั้น เด็กสาวก็หันมากรีดร้องด้วยความเสียใจ

“พ่อ!!!”

ไม่มีใครสนใจเด็กสาวที่กำลังกรีดร้องราวกับขาดใจตาย เพราะพวกเขามัวแต่วิ่งหนีตายกันอยู่

นักรบโครงกระดูกหันกลับมาด้วยสภาพที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด ในดวงตาที่กลวงโบ๋กำลังจ้องมองไปยังคนที่วิ่งหนีอยู่ ก่อนจะวิ่งด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้ พื้นดินที่ยืนก่อนหน้าระเบิดกระจายจากแรงถีบของเท้ามัน ก่อนจะไล่สังหารกลุ่มคนอพยพอย่างไร้ความปรานี

เด็กสาวที่ร้องอยู่รีบตั้งสติก่อนจะออกตัววิ่งอย่างสุดกำลังเช่นกัน ทุกคนนั้นแยกกันวิ่งไปคนละทิศละทาง ใครที่ช้าสุดหรือสะดุดล้มจะโดนนักรบโครงกระดูกตามทัน จากนั้นก็โดนสังหารอย่างโหดเหี้ยม ทุกการฆ่าของมันไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

...

“มันคือนักรบโครงกระดูก อันตรายเกินไป ระดับของมันแข็งแกร่งกว่าครึ่งดาวมากนัก” พ่อบ้านชราเฟรดที่เห็นก็ยังแสดงความกลัวออกมาอย่างชัดเจน

แอนเดรียนั้นกอดลูอิสแน่น เพราะกลัวเขาจะเป็นอันตราย

‘บ้าน่านี่มันอันเดดนี่ นักรบโครงกระดูก ในโลกนี้มีของแบบนี้ด้วย แถมดูแล้วยังฆ่าไม่เลือกด้วย’ ลูอิสไม่กล้าแม้แต่หายใจ เจอซอมบี้ยังอันตรายแล้ว มาเจอเจ้าตัวนี้ยิ่งอันตรายเข้าไปอีก

“นายหญิง เราควรจะรีบหนีไปจากตรงนี้ เจ้านั่นอาจจะหาเราเจอก็ได้” พ่อบ้านชรากล่าวเตือนแอนเดรีย

“อืม...” แอนเดรียพยักตอบ

ก่อนที่พวกเขาจะถอยกันออกมาอย่างระวัง เพราะกลัวนักรบโครงกระดูกจะสังเกตเห็น แต่ตอนนั้นเองก็มีเด็กสาววิ่งหนีมาด้วยสภาพที่ขาเจ็บหนึ่งข้าง เนื่องจากตอนหนีเธอวิ่งล้มและข้อเท้าพลิก

ใบหน้าของเด็กสาวนั้นยังเต็มไปด้วยน้ำตาและความเสียใจ ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามไม่สงเสียงดังออกมา ก่อนจะกัดฟันวิ่งไปทั้งที่ยังเจ็บขา

เด็กสาวเงยหน้ามองมาในตอนนั้นก็เห็นว่าด้านหน้าของเธอนั้นมีคนอยู่สองคนและหนึ่งในนั้นอุ้มเด็กทารกอยู่

เธอสะอื้นออกมาเบา ๆ เพราะไม่คิดว่าจะยังเจอคนอื่นอยู่ที่นี่อีก

“ช่วยหนูด้วย” เด็กสาวพูดออกมาด้วยเสียงสะอื้น

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด