ตอนที่แล้ว329 - หยินหยางพลิกกลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป331 - ความสำเร็จ

330 - ด้านมืดของวงการฟุตบอล


330 - ด้านมืดของวงการฟุตบอล

โจวเจ๋อวางบุหรี่อย่างเงียบๆ

ร้านหนังสือรายล้อมไปด้วยกระจก จึงสามารถมองเห็นชายที่มีรอยสักเดินออกจากร้านได้อย่างชัดเจน

เมื่อชายที่มีรอยสักสูดบุหรี่คำใหญ่ก็มีหญิงท้องคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี

ชายที่มีรอยสักมองไปที่ท้องใหญ่ของหญิงสาว และพยายามดับบุหรี่ของตัวเอง

หลังจากที่หญิงมีครรภ์จากไป ชายที่มีรอยสักก็ก้มลงกับพื้นและหยิบบุหรี่ของเขาขึ้นมาต่ออีกครั้ง

โจวเจ๋อและซูชิงหลางมองเห็นทุกอย่างชัดเจนดังนั้นโจวเจ๋อจึงกล่าวว่า

“ไปช่วยเขาหน่อยก็แล้วกัน” โจวเจ๋อกล่าว

ซูชิงหลางพยักหน้าแล้วเปิดประตูร้านออกไป

"ขอโทษนะครับหยุดก่อน"

ซูชิงหลางตะโกนใส่ชายที่มีรอยสัก ชายที่มีรอยสักหันกลับมามองด้วยความสงสัยแล้วกล่าวว่า

“เพื่อน มีใครบอกคุณหรือเปล่าว่าคุณดูดีมาก คุณมาจากประเทศไทยหรือเปล่า”

“…………” ซูชิงหลาง

“แล้วมีอะไรให้ฉันช่วย” คนที่มีรอยสักกล่าวด้วยรอยยิ้มกลุ้มกลิ่ม

“ไม่มีอะไรหรอกผมก็แค่มาบอกลาคุณเท่านั้น”

ซูชิงหลางส่ายหัวอย่างเป็นธรรมชาติและเดินกลับเข้าร้านโดยไม่สนใจหมอกหนาดำที่อยู่บนศีรษะของชายที่มีรอยสัก

ชายที่มีรอยสักงงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าแล้วเดินจากไป

โจวเจ๋อเห็นสีหน้าของซูชิงหลางบิดเบี้ยวจึงถามด้วยความสงสัยว่า

"เกิดอะไรขึ้น?"

"ไม่มีอะไร." ซูชิงหลาง ไปที่ด้านหลังของบาร์และผสมค็อกเทลให้ตัวเอง “ฉันขี้เกียจเกินกว่าจะช่วยเขา”

"โอ้ ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไปเถอะ"

โจวเจ๋อก็หันกลับมาสนใจหนังสือพิมพ์ของตัวเอง บางครั้งการจะลืมตาข้างหลับตาข้างก็เป็นเรื่องที่ไม่เสียหายอะไรในหน้าที่การงานของเขา

อันที่จริงในช่วงเริ่มต้น เหล่าซูยังคงเป็นคนที่มีพลังงานด้วยบวก ในตอนแรกเขาแนะนำให้โจวเจ๋อช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ในเวลานั้นโจวเจ๋อก็ดูเหมือนจะไขว้เขวไปบ้าง

ตอนนี้วิถีชีวิตของซูชิงหลางไม่เพียงแต่ขี้เกียจอย่างที่เห็นได้ชัดเจนเท่านั้น ระยะหลังมานี้แม้แต่ความเป็นความตายของคนเขาก็ไม่ค่อยสนใจแล้ว

บางทีอาจเป็นไปได้ว่าเขาพบเห็นความเป็นความตายและการพรากจากมามากเกินไป ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่ต้องการที่จะหาเรื่องใส่ตัวเองอีกแล้ว

ในครึ่งแรกของเกม ทีมตงเฉิงตามหลังอยู่ 2 ประตูทำให้ผู้คนในร้านลดลงไปมากกว่าครึ่ง ในความเป็นจริงคนส่วนใหญ่เพียงแค่ดูเกมเพราะต้องการสนับสนุนทีมบ้านเกิดตามสัญชาตญาณเท่านั้น

แต่เมื่อจบครึ่งแรกแล้วทีมตามหลัง 2 ประตู มิหนำซ้ำทีมที่ขึ้นนำนั้นยังมาจาก Chinese Super League ซึ่งเป็นลีกสูงสุดก็ทำให้คนหมดอารมณ์ที่จะดูต่อทันที

อย่างไรก็ตาม มีวัยกลางคนสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆโจวเจ๋อพวกเขาดูเกมการแข่งขันด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก

คนหนึ่งสวมเสื้อแดงนั่งดูโดยไม่พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ คนหนึ่งอยู่บนไม้ค้ำมีกระเป๋าเอกสารอยู่ในมือ พิงที่ด้านข้างของบาร์

"หมดหวังแล้วล่ะ"

ชายวัยกลางคนที่ใช้ไม้ค้ำยันถอนหายใจด้วยความเสียใจ

คนหนุ่มสาวสองคนที่อยู่ข้างๆก็ดูสีหน้าไม่ดีเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าคำพูดของชายวัยกลางคนนี้ทำให้พวกเขารำคาญ

ชายวัยกลางคนก็รู้ตัวดีดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรต่อและดื่มค็อกเทลในมือของเขาต่อไป

ค็อกเทลแก้วนี้มีราคา 98 หยวนดังนั้นการจ่ายเงิน 100 หยวนเพื่อซื้อค็อกเทลแก้วนี้จึงเป็นราคาที่ค่อนข้างคุ้มค่าสำหรับเขา

ตามปกติแล้วชายคนนี้เป็นคนที่รอบคอบในการใช้เงินมาก มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะควักเงิน 100 หยวนเพื่อมานั่งในร้านเพียงไม่กี่ชั่วโมง

แต่วันนี้ไม่รู้จิตใจของเขาเป็นอะไร เมื่อเห็นคนมากมายในร้านนี้เขาก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ไม่ได้หมดหวังไปซะหมดหรอกนะ ดูเกมครึ่งหลังให้สนุกดีกว่า” โจวเจ๋อกล่าว

โจวเจ๋อไม่ใช่แฟนของทีม แต่เกมครึ่งแรกเขาก็ดูอยู่ด้วยและทีมตงเฉิงเสียประตูจากโชคไม่ดีเท่านั้น ในความเป็นจริงรูปเกมไม่ได้เป็นรองมากนัก

"ไม่หรอก ยังไงก็ถือว่าหมดหวังแล้ว" ชายวัยกลางคนจิบไวน์และอธิบายเหมือนนักวิจารณ์ผู้เชี่ยวชาญว่า

“อันที่จริงมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ทีมระดับ Chinese Super League จะไม่สามารถปรับตัวได้ดีนักเมื่อเล่นอยู่ในสนามที่ต่ำกว่ามาตรฐานของเรา แต่สุดท้ายแล้วเมื่อพวกเขาปรับตัวได้ความดุดันของมาตรฐานทีมที่ดีกว่าก็จะถูกแสดงออกมา”

โจวเจ๋อก็รู้สึกเห็นด้วยกับเหตุผลนี้ ดังนั้นเขาจึงบอกให้ซูชิงหลาง ทำค็อกเทลมาอีกแก้วเพื่อมอบให้กับชายวัยกลางคน

ชายวัยกลางคนรับด้วยรอยยิ้มสุภาพ ดูเหมือนว่าเขาจะดื่มไวน์มากเกินไปเล็กน้อยดังนั้นหลังจากดื่มไปสักพักเขาก็ใช้มือทุบขาเพราะเหน็บชาอยู่บ่อยครั้ง

“เคยเป็นนักกีฬามาก่อนนะครับ?” โจวเจ๋อถาม

"อืม ผมเคยเล่นฟุตบอลอยู่ช่วงหนึ่ง ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรเป็นแค่ตัวสำรองในทีมเล็กๆ”

"น่าเสียดาย"

“ไม่มีอะไรน่าเสียดายหรอกครับ” ชายวัยกลางคนชี้ไปที่แก้วไวน์แล้วพูดว่า

"เถ้าแก่ถ้าวันนี้คุณไม่คิดเงินผมผมจะบอกความลับเกี่ยวกับวงการฟุตบอลให้คุณฟัง แต่ถึงคุณยังคงคิดเงินผมผมก็จะเล่าให้คุณฟังเหมือนเดิม"

ชายวัยกลางคนถอนหายใจแล้วพูดว่า

“ตอนนั้นที่ผมเล่นฟุตบอลอยู่มันไม่ได้เฟื่องฟูเหมือนกับตอนนี้ ทุกวันนี้ไม่ว่าใครเป็นเศรษฐีก็ตั้งทีมฟุตบอลขึ้นได้

พวกเขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเด็กในท้องถิ่นจะสามารถแจ้งเกิดได้ไหม สิ่งที่พวกเขาต้องการก็แค่ความสำเร็จระยะสั้นด้วยการซื้อนักเตะชื่อดังเข้ามาร่วมทีม"

โจวเจ๋อพยักหน้าว่าเขากำลังฟังอยู่

ในเวลานี้ครึ่งหลังของเกมก็เริ่มขึ้นเช่นกัน คนจำนวนเล็กน้อยในร้านหนังสือยังคงดูอยู่ ส่วนใหญ่ได้เช็คเอาต์ไปแล้วในครึ่งแรก

“ในบางครั้งพวกเราก็ต้องล้มบอลตามคำสั่งของเบื้องบน นี่เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วในวงการฟุตบอลอยู่แล้ว บางครั้งผู้จัดการทีมเป็นคนแจ้งให้พวกเราทราบล่วงหน้าในเรื่องนี้ด้วยซ้ำ”

"ที่เสียขาไปก็เพราะเรื่องนี้เหรอครับ" โจวเจ๋อถาม

ชายวัยกลางคนพยักหน้า

"ฮ่าฮ่า ในช่วงที่ผมเล่นบอลอยู่ผมปฏิเสธที่จะล้มบอล เรื่องการล้มบอลนี้ดูง่ายมาก สังเกตวิธีการที่พวกเขาส่งบอล ทีมที่ล้มบอลก็จะส่งบอลเฉพาะบอลแดนหลังและแดนกลางเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามตัดไปยิง

น่าเสียดายสำหรับเกมนั้น นักเตะต่างชาติในทีมของเราเล่นได้ดีมาก พวกเรายิงได้ 2 ประตูเพียงแค่ 10 นาทีแรกเท่านั้น

เจ้าของทีมมักกลัวนักเตะต่างชาติพวกนี้ พวกเขาควบคุมไม่ได้หากกดดันมากเกินไปเมื่อถึงเวลาที่พวกเขากลับไปประเทศตัวเองพวกเขาก็จะเปิดโปงเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในประเทศเราทุกอย่าง

ดังนั้นเรื่องพวกนี้ต้องปิดเป็นความลับจากนักเตะต่างชาติ ในเกมสุดท้ายของผม ทีมเราปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามตีเสมอได้ในนาทีที่ 80

หลังจากนั้นในช่วงท้ายเกมทีมของผมก็ต่อบอลกันไปเรื่อยๆแสร้งทำเป็นว่าจะยิงประตู แต่ใครจะรู้ว่าไอ้โง่กองหลังฝั่งตรงข้ามดันเสือกวิ่งล้มอยู่หน้าประตูแล้วบอลทะลักเข้ามาหาผม

ตอนนั้นผมรู้สึกสับสนมาก ลูกบอลมาถึงแล้วไม่มีทางที่ผมจะไม่ยิงได้ ถ้าผมไม่ยิงทุกคนจะรู้ว่าผมล้มบอล ดังนั้นผมจึงต้องยิงให้เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้

แต่แม่งผู้รักษาประตูอีกทีมดูเหมือนจะประหม่าเกินไป เขารับบอลพลาดแล้วบอลก็ทะลักเข้าประตู เมื่อผมเห็นลูกบอลกลิ้งไปที่เส้นประตูอย่างช้าๆผมก็รู้สึกสิ้นหวังจริงๆ

หลังจบเกมเจ้าของทีมมาพบผมและให้ลูกน้องของเขาๆตีขาของผมจนหัก เขาบอกว่าขาข้างนี้เหรอที่ทำให้เขาเสียเงินหลายสิบล้าน ดังนั้นผมจึงกลายเป็นคนพิการอย่างที่คุณเห็น "

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด