ตอนที่แล้วKing X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 302 เดินทางไปตรวจสอบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปKing X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 304 ของขวัญ

King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 303 ดรารอน์อธิปไตย


กำลังโหลดไฟล์

ตอนที่ 303  ดรารอน์อธิปไตย

ณ ห้องประชุม

เมื่อเดินตามชายด้านหน้ามาได้สักพักผมก็เข้ามาในห้องประชุมที่ทั้งห้าคนกำลังนั่งจับกลุ่มกันอยู่ ชุดโต๊ะก็เป็นแบบมาตรฐานเกี่ยวกับการประชุมทุกครั้งเป็นโต๊ะวงกลมขนาดใหญ่ที่ทั้งห้าคนกำลังนั่งอยู่คนละทิศคนละทาง และมองผมด้วยสีหน้าซีเรียสกันอยู่

แต่ว่า

เก้าอี้ที่ตั้งรอบโต๊ะตอนนี้มีเพียงห้าตัวเท่านั้น เหอะๆ

แบบนี้พวกนี้ก็กำลังจะบอกว่า [เจ้ายืนสะ] เป็นนัยๆ เลยชัดๆ แต่ก็เอาเถอะ การยืนมันก็ไม่ได้ถึงกับตายสักหน่อยถึงจะรู้สึกขัดใจกับการต้อนรับแบบนี้อยู่ก็เถอะ

“อันดับแรกข้าคิดว่าพวกท่านคงได้ยินเรื่องที่ข้าส่งคนตรวจสอบกันแล้ว”

“ใช่เมื่อครู่พึ่งมีทหารมารายงาน”

โซฟีตอบทันทีหลังผมพูดออกไป

“ครับ ถ้างั้นแผนที่ข้าจะสร้างสภาอำนาจเพื่อเพิ่มอำนาจการตัดสินใจก็คงมาเร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้เช่นกัน” ระหว่างพูดผมก็เปิดเวทย์มิติด้านข้าง แล้วเอากระดาษ 1 ม้วนออกมา “นี่เป็นรายละเอียดที่ข้าได้เขียนเอาไว้เกี่ยวกับการสร้างสภาอำนาจ แต่ด้วยระยะเวลามันเร็วกว่ากำหนดข้าเลยยังไม่ได้เพิ่มจำนวนของมันให้เท่ากับพวกท่านเพราะอย่างงั้นพวกท่านต้องวนกันอ่านเอา”

หลังพูดจบผมก็เดินไปด้านหน้าแล้วส่งม้วนกระดาษให้โซฟีที่อยู่ใกล้ที่สุด

โซฟีรีบรับไปทันทีแล้วเปิดอ่านมันแบบไม่รอช้า ในระหว่างที่เธอกำลังอ่านอยู่สายตาของทั้งสี่คนที่นั่งอยู่ต่างก็จ้องมองเธอด้วยสีหน้าจริงจัง เมื่อกี้ราชินีภูติก็สบตากับผมอยู่บ้างแต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรกันเพราะทางนั้นน่าจะรู้ถึงสถานะของตัวเองดีเลยไม่พูดอะไร

หลังจากที่โซฟีอ่านจบเธอก็ส่งมันให้ราชาเอลฟ์ด้านข้าง

“ข้าไม่อ่าน ให้คนอื่นเลย”

“อ่า”

กระดาษถูกส่งผ่านราชาเอลฟ์ไปอย่างที่บอกไปยังมือของราชาประเทศทอซัส ในระหว่างกระดาษโดนส่งไปราชาเอลฟ์ก็ใช้หางตามองผมเล็กน้อย

หมอนี่ต้องโกรธเรื่องนั้นอยู่แน่

….

…..

เมื่อเห็นดิวนีสันต์ที่เป็นคนสุดท้ายอ่านจบผมจึงพูดไป

“พวกท่านยอมรับกันไหม?”

“ไม่มีเหตุผลปฏิเสธ!”

โซฟีเอ่ยขึ้นมาต่อทันที

“ทางประเทศเมซัสก็ไม่ปฏิเสธ”

“ประเทศทอซัสเองก็เห็นด้วยกับสิ่งนี้”

“ประเทศภูติเองก็เห็นด้วย การที่จะให้อำนาจการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่เจ้าคนเดียวมันอันตรายจริงๆ เพราะงั้นทางเลือกที่เจ้าเสนอมาจึงเป็นทางเลือกที่ดี”

เมื่อทั้งสี่คนเห็นด้วยผมก็มองไปที่ราชาเอลฟ์ที่นั่งกอดอกเก๊กท่าอยู่

ที่มองไปตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ผมคนเดียวแต่คนอื่นก็กำลังมองหมอนั่นอยูด้วย ไม่ต้องถามก็รู้ว่าทุกคนกำลังรออะไรอยู่

เฮ้อ~ เจ้านี่จะทำตัวมีปัญหาไปถึงนะ-

“ข้าเองก็เห็นด้วย”

ยังคิดได้ไม่เท่าไหร่ราชาเอลฟ์ก็ตอบออกมา

น้ำเสียงที่ตอบออกมาเพียงฟังก็เข้าใจดีว่าตัวหมอนั่นไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่แล้วมันทำไม ยังไงตอนนี้ต่อให้เป็นราชาเอลฟ์ก็คงไม่โง่ปฏิเสธหรอกเพราะประเทศทั้งสี่เห็นด้วยไปแล้ว หึหึ!

สำหรับเรื่องที่ทั้งห้าคนยอมรับนั้นก็ตรงตามชื่อของมัน สภาห้าอำนาจ! ที่ตั้งชื่อตรงตัวแบบนี้เพราะไม่รู้จะใช้ชื่อไหนเอาไว้หลังสงครามค่อยไปแก้ชื่อใหม่ก็แล้วกันเพราะชื่อแบบนี้ใครได้ยินมีหวังหัวเราะกันแน่

ในส่วนของเรื่องหน้าที่ก็เป็นตรงตามชื่อเช่นเดียวกัน นั่นก็คือ 5 อำนาจ

สภานี้จะทำหน้าที่เป็นสิ่งตัดสินใจทุกอย่างแทนที่จะเป็นราชาเพียงคนเดียวซึ่งอำนาจผู้นำทั้งห้าประเทศในสภาที่ผมเสนอไปจะมีอำนาจเทียบเท่ากันหมด แล้วด้วยจำนวนเลขเป็นเลขขี่ทำให้การตัดสินใจยังไงก็ต้องตัดสินใจได้แน่นอน

แต่ว่า

มันก็อาจมีบางกรณีที่งดออกเสียงได้ผมเลยกำหนดไปอีกกฎนั่นก็คือ [ห้ามงดออกเสียง]

ซึ่งเมื่อทุกคนออกเสียงพร้อมกันเสียงที่เห็นด้วยเป็นส่วนมากก็จะได้รับการอนุมัติ ซึ่งไอ้วิธีแบบนี้ผมเคยใช้อยู่เมื่อชาติที่แล้วช่วงบันปลายชีวิตเพราะช่วงนั้นผมทำงานไม่ไหวเลยให้พวกองค์ชายและองค์หญิงที่มีจำนวนมากรับหน้าที่ตรงนี้ไป โดยแต่ละคนมีสิทธิ์มีเสียงเท่ากันในการตัดสินใจแล้ววิธีแบบนี้มีนก็เป็นเรื่องที่ดีเกินคาด เพราะงั้นการเอามาใช้กับที่นี่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี

“ว่าแต่ว่า….”

“ครับ”

ผมตอบรับดิวนีสันต์ทันทีที่เสียงเอ่ยขึ้น

“เรื่องสร้างสภามันก็ดี แต่ช่วงสงครามถ้าไม่มีอำนาจสิทธิ์ขาดคงไม่ดีหรอก”

“ข้าเองก็เห็นด้วย!”

ราชินีภูติเอ่ยตามโดยท่าทางพยักหน้าขึ้นลง

แต่เรื่องนี้ทั้งสองคนก็พูดไม่ผิด ในช่วงสงครามการกำหนดตัวผู้ตัดสินใจให้มีสิทธิ์ขาดทั้งหมดเป็นเรื่องที่สมควรทำและเพราะแบบนี้ถึงผมจะไม่อยากทำแต่มันก็ไม่มีทางเลือก เลยต้องตอบไปว่า

“เรื่องนั้นข้าจะรับหน้าที่เอง หวังว่าพวกท่านทั้งห้าคนจะไม่ขัดข้อง”

…. หลังพูดไปทั้งห้าคนต่างก็เงียบไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ทางดิวนีสันต์อาจเป็นแบบที่ต้องการเลยก็ได้ที่ผมรับหน้าที่แบบนี้เพราะงั้นหมอนี่ก็เลยพูดขึ้นมา แถมตอนนี้ยังยิ้มอ่อนๆ มองมาทางผมอยู่อีกด้วย

ชิ! ดันไปพูดตามที่หมอนี่ต้องการสะได้

แต่ว่า มันก็ไม่มีทางเลือกเท่าไหร่หรอกเพราะทางผมเองก็คิดเอาไว้แล้ววว่าต้องรับหน้าที่ตรงนี้ไม่งั้นผมคงไม่พูดกับพวกทหารเมื่อหกเดือนก่อนแบบนั้นไปหรอก

“ถ้าเรื่องนั้นจบแล้วเราก็มาเข้าเรื่องตรวจสอบทวีปลึกลับต่อเลยแล้วกัน”

ราชินีภูติเอ่ยขึ้นมาในช่วงที่บรรยากาศกำลังตรึง

เมื่อสบโอกาสผมจึงพยักหน้าขึ้นลงเพื่อเป็นการตอบไปรับกลับไป

“ถ้างั้นข้าของถามเลยแล้วกันว่าเจ้าทำไมถึงได้ส่งแม่ทัพใหญ่ประเทศเมซัสไปเพียงคนเดียวแบบนั้น ทั้งๆ ที่ประเทศภูติของช้า ประเทศทอซัส ประเทศทาซัสและประเทศเอลฟ์ต่างก็มีคนอยู่”

หลังเธอพูดจบแววตาที่เต็มไปด้วยความแคลงใจก็มองมาทางผม

ที่มองมาไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียวแต่พวกผู้นำประเทศคนอื่นก็มองมาด้วยเช่นกัน

“ไม่มีเหตุผล”

“เอ่ะ?!?!?!” ราชินีภูตอุทานเสียงตกใจ “เจ้าหมายความว่ายังไงที่บอกว่าไม่มีเหตุผล”

“ก็ตรงตามที่ข้าบอกไปว่าไม่มีเหตุผล …แต่ก่อนอื่นข้าคงต้องพูดให้พวกท่านทั้งหมดเข้าใจก่อนว่าที่ข้าทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะอากอร์เป็นแม่ทัพประเทศตัวเอง แต่เพราะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะเอาคนมีความสามารถไปตรวจสอบ”

“ก็ถึงได้ถามไงว่าทะ-”

“ข้าถึงได้บอกไปว่าท่านกำลังเข้าใจผิด!” ผมเสียงแข็งก่อนที่จะโดนถามอีก แล้วได้ชูนิ้วชี้ขึ้นไปหนึ่งนิ้วไปทางราชินีภูติ “ข้าจะบอกท่านเพียงข้อเดียวเท่านั้นคือตอนนี้ทหารของพวกเราไม่แยกประเทศ ท่านคิดว่าข้าอบพยบผู้คนมาที่ประเทศทาซัสเพียงเพราะกลัวงั้นเหรอ? แล้วท่านคิดว่าข้าสร้างสภาห้าอำนาจรวมอำนาจพวกท่านทั้งห้าคนเพื่ออะไร?”

ราชินีภูติไม่ได้ตอบอะไรกลับได้แต่มองหน้าของผมอยู่ด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ

ถ้าเป็นเมื่อสองปีก่อนผมคงไม่กล้าพูดอะไรกับเธอหรอกเพราะผมเองก็ห่วงชีวิตของตัวเองเหมือนกัน แต่ตอนนี้มันต่างออกไปเพราะพลังของผมไม่ได้เป็นรองของเธออีกแล้ว เรื่องอำนาจการต่อรองหรืออำนาจการพูดคุยของผมก็เหนือกว่าเธอเช่นกัน แล้วไอ้การเงียบแบบนั้นเป็นสัญญาณที่ดีที่เธอรู้ตัวว่าไม่สมควรเถียงอะไรออกมา หึหึ!

หลังจากที่ในห้องเงียบสักพักผมก็มองไปทางโซฟี

“ท่านช่วยเล่าเรื่องที่ท่านลุงบอกกับท่านด้วย”

“ตอนนี้เหรอ!”

แล้วเธอจะเล่าตอนไหนละ เฮ้อ~ ไม่เข้าใจสถานการณ์หรือไง?

“ครับ ตอนนี้เป็นโอกาสแล้วในตอนแรกข้าว่าจะบอกหลังที่จบสงคราม แต่ในเมื่อพวกท่านยังสงสัยในตัวของข้าเรื่องกองทัพแบบนี้ก็ไม่มีทางเลือก อีกอย่างเมื่อฟังไปแล้วพวกท่านมีแต่ต้องยอมรับเท่านั้นไม่มีสิทธิปฏิเสธ เพราะถ้าใครทำแบบนั้นก็เหมือนกันขุดหลุมฝังตัวเอง…”

ทั้งหมดที่ตอนแรกมองผมแบบแคลงใจตอนนี้ก็มองแบบกังวลแทน

แต่มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วก็การพูดอะไรแบบนั้นมันก็เหมือนกับบอกว่า [ไม่ยอมก็ต้องยอม] ก็ต้องไม่พอใจอยู่แล้วเป็นธรรมดา แต่ที่พูดไปก็เพราะมันไม่มีทางเลือกแล้วสิ่งที่ผมพูดไปมันก็เหมือนกับผมใช้สิ่งที่เรียกว่าเผด็จกะ… ไม่สิ! ถ้าเรียกแบบนั้นมันดูไม่ดีเอาเป็นว่า ดรารอน์อธิปไตยก็แล้วกัน เหอะๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด