ตอนที่แล้วKing X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 299 ปัญหา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปKing X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 301 คาดไม่ถึง

King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 300 ครึ่งของการฝึก


กำลังโหลดไฟล์

ตอนที่ 300 ครึ่งของการฝึก

6 เดือนต่อมา

ณ สนามฝึกซ้อมส่วนกลางของประเทศทาซัส

ด้านหน้าของผมตอนนี้คือพวกแม่ทัพใหญ่ทั้ง 5 คน ที่กำลังจะเอาผลการฝึกตลอดช่วงเวลาหกเดือนที่ผ่านมารายงานกันอยู่

“ท่านดรารอนๆ ได้เวลาอาหารแล้วคะ”

“ใจเย็นก่อนฟังรายงานก่อน”

“เอ๋~”

คนที่กำลังพูดอยู่ด้านข้างผมตอนนี้ก็ไม่ใช่ใครเธอก็คือเครื่องสูบเงินทาร์เลียนั่นเอง เหตุผลที่เธอมายืนอยู่ข้างผมแล้วสวมชุดทหารที่เป็นเครื่องแบบทหารประจำทวีปเดเชีย เสื้อสีเขียวแขนยาว กางเกงสีเขียวขายาวและหมวกสีเขียว มันก็เป็นเพราะเธอได้รับตำแหน่งผู้ช่วยของผมเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

ตอนนั่นมันเป็นช่วงที่ผมไม่สามารถฝึกคนเดียวได้ พวกแม่ทัพใหญ่เองก็ต้องฝึกในส่วนของตัวเองเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางผมก็เลยเอาทาร์เลียมาจากประเทศเพื่อช่วยอย่างที่เห็น โดยแบ่งกันคนละ 12 ชั่วโมง ผมช่วงเช้าส่วนทาร์เลียช่วงกลางคืน

ในระหว่างคุยกับทาร์เลีย อากอร์ก็ยื้นเอกสารมา

“นี่เป็นเอกสารของแต่ละประเทศครับ”

“แต่ละประเทศ?”

จำได้ว่าให้แยกกันมารายงานไม่ใช่หรือไง???

“ครับ ข้ารวบรวมมาให้แล้วท่านจะได้ไม่ต้องมายืนดูทีละคน ถ้าเป็นแบบนั้นท่านที่แทบไม่ได้พักเพราะฝึกตอนเช้าแล้วก็เตรียมแผนตอนกลางคืนจะได้เหนื่อยน้อยลงเล็กน้อยก็ยังดี”

ระหว่างพูดออกมาอากอร์ก็มีสีหน้าสลดหน่อยๆ

แต่ที่หมอนี่พูดออกมามันถูกต้องแล้ว เรื่องที่ผมเอาทาร์เลียมาช่วยฝึกช่วงกลางคืนไม่ใช่เพราะผมไม่พักอะไรหรอก แต่ต้องไปเตรียมตัววางแผนในการรับมือและอะไรต่อหลายอย่าง แล้วก็ยังดีหน่อยที่ทารอนช่วยเคลียร์เรื่องเงินกับเรื่องอาหารไปได้ผมเลยง่ายน้อยลง

เฮ้อ~

อยากขอบคุณอากอร์ตอนนี้จากใจจริงๆ แต่ด้วยสถานะของผมตอนนี้คงไปทำอะไรแบบนั้นไม่ได้

ดีมาก! งั้นเจ้าก็ไปพักได้”

“ครับ”

คุยกับอากอร์จบผมก็เริ่มออกเดินเพื่อกลับไปยังเต็นท์ของตัวเอง เอกสารที่อยู่ในมือของผมตอนนี้เป็นเอกสารรายงานครึ่งของการฝึก ผมต้องตรวจอย่างละเอียดแล้วหาจุดอ่อน หรือจุดแข็งเพิ่มเติมจากมะ-

“ท่านไปผิดทางแล้วคะ”

เสียงทาร์เลียดังขึ้นพร้อมดึงชายเสื้อของผม

ลืมไปเลยว่าต้องไปกินข้าวพร้อมกับเธอ เหอะๆ

“อ่า”

ทาร์เลียเป็นฝ่ายเดินนำด้วยสีหน้าดีใจไปทันทีหลังผมตอบ ส่วนทางผมเองก็ไม่มีทางเลือกเพราะการกินข้าวกับเธอมันก็เป็นเงื่อนไขที่ผมตกลงเอาไว้ก่อนที่จะให้เธอมาช่วยฝึก แต่ว่า ตอนนี้คงถึงเวลาที่ต้องบอกความจริงกับเธอแล้วละเกี่ยวกับเรื่องที่เธอยังไม่สามารถเดินทางกลับเผ่าของเธอได้ ไม่อยากคิดเลยเมื่อรู้แล้วเธอจะทำสีหน้าแบบไหน

….

…..

ณ เต็นท์อาหารระดับสูง

เดินมาสักกพักก็มาถึงเต็นท์อาหารของทหารระดับสูง ซึ่งเต็นท์ก็ตรงตามชื่อของมันเป็นเต็นท์ที่คนระดับสูงเท่านั้นที่จะเข้ามาได้แล้วภายในเต็นท์ก็มีอาหารหรูหรามากมายนำมาวางเอาไว้ตลอดเวลา เรียกว่าเป็นสวรรค์ของทาร์เลียด้านหน้าของผมเลย

“เอ่ะ?!?!?!”

“มีอะไร?”

ผมรับถามทันทีเมื่อทาร์เลียที่เดินนำหน้าเข้าไปก่อนอุทานออกมา

“ทำไมมาอยู่ที่นี่….”

“แล้วทำไมข้าจะมาไม่ได้ เต็นท์นี่มันของเจ้าคนเดียวหรือไง”

ไม่ต้องถามอะไรต่อฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่าคนที่กำลังอยู่ในเต็นท์คือโซฟี รู้แบบนั้นผมก็เดินเข้าเต็นท์แล้วมองไปทางโซฟี

“วันนี้ก็มาอีกแล้วเหรอ”

“แน่นอน! ข้าเองก็มีหน้าที่ดูแลพวกทหารด้วยเช่นกัน”

โซฟีตอบแล้วจิ้มเสต็กเข้าปากไป

สำหรับการที่เธอเดินทางมาแบบนี้มันก็นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรแหละ เพราะทางผมก็ได้บอกไปอย่างชัดเจนแล้วว่าห้ามให้ผู้นำแต่ละประเทศเข้ามาแทรกแซงการฝึกอย่างเด็ดขาด แต่ถึงจะอยากไล่ให้เธอกลับไปมันก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเธอมาเพียงแค่กินข้าวแล้วเดินดูพวกทหารฝึกเท่านั้น ไม่ได้มาแทรกแซงอะไร

ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ผมจึงหันไปพูดกับทาร์เลีย

“นั่งกินเถอะ”

“คะ… แค่สี่คนก็ลำบากแล้วแท้ๆ”

“อะไรสีคนนะ?”

“ไม่ค่ะๆ”

ทาร์เลียตอบปฏิเสธแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ แต่เมื่อกี้ผมได้ยินว่าสี่คนแน่นอนถ้าพูดถึงสี่คนแล้วก็คงหมายถึง ลาฟเชียร์ เนสก้า เอเนเชียร์และตัวเธอ ตอนนี้ผมก็ไม่อยากจะคิดแบบเธอหรอก แต่โซฟีหมู่นี่ก็มาตรงจังหวะที่พวกเราพักตลอดเลย

อืม….

ลำบากเลยแฮะ! แต่คงไม่เป็นแบบที่คิดหรอกเธอน่าจะเข้าใจสถานะของเธอดี

เมื่อคิดหนักได้สักพักผมก็เริ่มนั่งกินโดยระหว่างกินก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทาร์เลียมองโซฟีด้วยหน้าตาไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก แต่ทางโซฟีก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับแล้วยังกินอาหารแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร

แบบนั้นแหละดีแล้ว …ละมั้ง เหอะๆ

ในระหว่างกำลังกินโซฟีก็หันมองมาทางผม

“พวกผู้นำทั้งห้าจะเดินทางมาถึงวันนี้ตอนเย็นนะ”

“มาเร็วกว่าที่คิดเอาไว้จริงๆ”

“ใช่ เพราะผู้ทำนายประเทศของข้าบอกว่าจะเกิดเรื่อง” เรื่องนะมันต้องเกิดอยู่แล้ว พวกผู้ทำนายอะไรมันก็แค่พวกบ้าบอเท่านั้นแหละ เหอะ! ถ้าเก่งจริงคงไม่ต้องมานั่งเตรียมตัวก่อนที่พวกทวีปลึกลับจะมาเก็บเกี่ยวในเวลาไม่กี่ปีแบบนี้หรอก “แต่เรื่องครั้งนี้มันแปลกๆ”

แปลก? ท่านกำลังพูดอะไรอยู่”

“ก็ผู้ทำนายที่บอกว่าจะเกิดเรื่องร้ายมันไม่ใช่แค่ประเทศทาซัสคนเดียวนะสิ แต่ผู้ทำนายทั้งห้าประเทศบอกพร้อมกันหมดเลยว่าจะเกิดเรื่องขึ้น”

โห่ว!

นี่หรือว่าพวกนั้นติดต่อกันแล้วพูดแบบนี้พร้อมกัน ช่างลงทุนอะไรขนาดนี้ คงเป็นเพราะใกล้ถึงเวลาที่ผมได้บอกเอาไว้แล้วพวกนั้นก็เลยอยากทำแต้มกันสินะ หึหึ!

อ้าปากก็เห็นลิ้นหมดแล้ว…

“ถ้างั้นก็เป็นเพราะเรื่องนี้สินะ พวกท่านเลยรวมตัวเร็วกว่ากำหนด”

“ก็ประมาณนั้น”

“งั้นเมื่อพวกผู้นำอีกสี่คนเดินทางมาถึงท่านก็ติดต่อข้ามาแล้วกัน เพราะวันนี้ข้าจะไปเจรจาเรื่องการสร้างอำนาจการตัดสินใจ”

งับ! ผมตักเนื้อเข้าปากเพราะถ้าชักช้าทาร์เลียคงกินหมดก่อน

“เห็นเจ้าบอกมานานแล้วแต่เจ้าสิ่งนั้นมันคืออะไร ไม่ใช่ว่าอำนาจการตัดสินใจทั้งหมดในการรบมันอยู่ที่เจ้าหรือไง?”

“มันก็ใช่ แต่ว่า-”

“รายงานเรื่องด่วนครับท่านดรารอน์!!!”

ยังไม่ทันได้ตอบคำถามของโซฟีเสียงตื่นของทหารก็ตะโกนดังขึ้นมา เสียงที่ดังขึ้นมาเป็นเสียงที่ดังมากแล้วตามปกติแล้วทหารไม่มีทางเอาเรื่องงานมารายงานระหว่างที่ผมกำลังกินอยู่แน่นอน

ชิ! อา หารคนนี้เอาไปขังคุกดีมะ”

ทาร์เลียพูดในระหว่างที่มีอาหารอยู่เต็มปาก

แต่ที่เธอพูดมามันก็ถูกเพราะเวลากินเขาไม่เอาเรื่องปวดหัวอะไรมาให้กันหรอก แต่ถึงจะรู้แบบนั้นผมก็ต้องพยามใจเย็นแล้วหันไปที่หน้าเต็นท์ในจุดที่เสียงทหารดังขึ้นมาเมื่อครู่

“เข้ามารายงานด้านใน”

“ครับ”

เมื่อสั่งไปทหารก็เข้ามาทันทีด้วยสีหน้าตื่น เหนื่อยหอบ เหงื่อเต็มใบหน้า

ท่าทางของทหารด้านหน้าของผมตอนนี้ไม่ต้องถามก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นแน่อีกแล้ว

“มีเรื่องอะไรทำไมมารายงานเวลานี้”

ทหารก้มหน้าลง

“ต้องขอโทษด้วยครับท่านดรารอน์ แต่เรื่องครั้งนี้มันเป็นเรื่องที่ต้องรายงานจริงๆ”

“เรื่องอะไร….”

ผมถามด้วยสีหน้าตรึงเพื่อให้รู้ว่าไม่พอใจอยู่

หลังจากที่โดนถามทหารก็เบนสายตาไปทางทาร์เลียที่กำลังกินอาหารอยู่ทันทีแบบเกร็งๆ อะไรอีกมันเกี่ยวอะไรกับยัยนั่น?

“รีบพูดออกมาสิ เจ้าจะมาสรภาพรักกับทาร์เลียหรือไง!”

“มะ ไม่ใช่ครับ”

อื้ม! ก็รู้อยู่แล้วละ

“งั้นก็รีบพูดออกมาจะไปมองทาร์เลียเพื่ออะไร!”

“ครับ …คือว่า เมื่อประมาณช่วงเช้าหน่วยล่าตะเวนเดินทางไปพบกับเผ่าราเมียหนึ่งตนที่ร่างกายบาดเจ็บครับ”

อยากจะพูดตัวแต่ก็ไม่กล้าสินะ เลยพูดตนออกมาแทน

ถึงแบบนั้นก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเจ้านี่จะมารายงานทำไม เพราะมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วก็พวกเผ่าราเมียเองก็มีอยู่อาศัยในประเทศของเอลฟ์ ในบางครั้งพวกเอลฟ์ก็จับเผ่าราเมียที่บาดเจ็บจากการต่อสู้ได้มันก็เป็นเรื่องปกติ แล้วอีกอย่าง ตั้งแต่เริ่มการอบพยบก็จับราเมียได้ตั้งหลายคนแล้วทั้งพวกปกติแล้วก็บาดเจ็บ แล้วทำไมทหารคนนี้ต้องหน้าตาตื่นมารายงานเรื่องแค่นั้นด้วย???

สงสัยสักพักผมก็เลยถามไปว่า…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด