ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 48 : เซียวซุ่ยกระอักเลือดอีกครั้ง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 50 : สิ่งนี้ควรสาบสูญไปนานแล้วมิใช่หรือ...

เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 49 : อสูรโบราณซวนหนี!


ตอนที่ 49 : อสูรโบราณซวนหนี!

เป็นคนแซ่หลินแน่นอน? เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวซุ่ย สีหน้าของเหล่าอสูรปิศาจก็แปลกประหลาดยิ่ง พวกมันจับผิดตัวหรือ? ตกลงแล้วมิใช่ตระกูลเซียวเป็นผู้เอาแท่นบูชาไป?

เซียวซุ่ยซึ่งมองเห็นใบหน้าอันโง่งมของเหล่าอสูร ในใจมีเพียงความโกรธปะทุขึ้น แต่เขาก็ทำได้เพียงหลั่งน้ำตาเท่านั้น ใจเขาเจ็บปวดแล้วดวงตาเกรี้ยวกราด ก่อนเขาจะเอ่ยบางอย่างออกมา

“หากพวกท่านมิเชื่อข้า ท่านก็ลองค้นหาในเมืองอู๋ตันดูเถิด!”

“เจ้าเด็กนี่มิได้โกหก” วานรตัวเท่าภูเขากล่าวขึ้นพลางเปิดตาที่สามของมัน

สีหน้าของมันช่างดูย่ำแย่ยิ่ง ในฐานะราชาผู้หนึ่งของแดนรกร้าง ดวงตาของมันสามารถมองทะลุหลายสิ่งหลายอย่างได้ เป็นไปมิได้เลยที่มนุษย์ระดับลมปราณเพียงแดนปรับปรุงกายจะปลิดพลิ้ววาจาได้โดยที่มันไม่สังเกตเห็น ใบของอสูรโดยรอบน่าเกลียดขึ้นเรื่อยๆ

…….

ใต้หุบเหวลึกที่มืดมน เหล่าอสูรทั้งหลายที่ได้รับคำสั่งให้ตามหาสมบัติของเขา บัดนี้หมอบคลานแทบพื้น ก่อนจะอธิบายสิ่งที่พบให้เขาได้รับฟัง

“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ แท่นบูชาของท่านถูกขโมยไปโดยตระกูลผู้บ่มเพาะของอาณาจักรฉีซาน มิใช่ตระกูลเซียว แต่เป็นสกุลหลินที่นำมันไป”

“ใครบางคนจากสกุลหลินมาที่ตระกูลเซียวเพื่อยกเลิกสัญญาหมั้นหมายของพวกมัน จากนั้นทักษะเนตรของมันก็ตื่นขึ้นและจากไป ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นถูกทิ้งไว้โดนมนุษย์แซ่หลิน!”

“พวกเราได้ตามรอยของพวกมัน จนไปสุดที่ชายขอบรอยต่อของแดนรกร้าง ก่อนจะพบกับหลุมขนาดใหญ่ กลิ่นอายที่หลงเหลือทิ้งไว้ย่อมเป็นของตระกูลหลินอย่างแน่นอน!”

หมอกทมิฬกระจายออกมาอย่างเงียบงันจากร่างของเขาบนบัลลังก์ สายตาที่มองลงเบื้องล่างแหลมคมราวกับกระบี่ ช่างน่าหวั่นเกรงและเย็นยะเยือก เหล่าอสูรทำได้เพียงสั่นกลัวมิกล้าแม้จะหายใจ! เพียงครู่เดียว ทั่วร่างของพวกมันก็อาบไปด้วยหยาดเหงื่อ!

เวลาผ่านพ้นไปราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์ เขาเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า

“ตระกูลหลิน?”

แรงกดดันมหาศาลเพิ่มขึ้นอย่างไร้การแจ้งเตือน อสูรเบื้องล่างรู้สึกราวกับร่างกายพวกมันจะแตกเป็นเสี่ยง ช่างน่าอึดอัดยิ่ง พวกมันทำได้เพียงคุกเข่าอย่างไร้หนทางต่อต้าน ก่อนจะเริ่มอธิบายสถานการณ์ของสกุลหลินออกมาอย่างลนลาน เขาเพียงรับฟังอย่างเฉยชา ดวงตาดำมืดเฉกเช่นหลุมดำ เยียบเย็น ไร้ก้นบึ้ง

หลังจากนั่งฟังพวกอสูรอธิบายเรื่องต่างๆ อยู่พักใหญ่ เขาค่อยๆ กล่าว

“จงไปดูให้แก่ข้า”

คราแรก พวกอสูรตัวจ้อยคิดว่าเขากำลังออกคำสั่งกับพวกมัน แต่ก่อนที่จะได้พยักหน้ารับคำ แรงสั่นสะเทือนประหลาดก็ส่งออกมาจากส่วนลึกของก้นเหว จากนั้น ปรากฏร่างผู้รับใช้ของเขาเดินออกมาจากความมืดมิด

ข้ารับใช้ตนนี้มิได้มีร่างกายใหญ่โตนัก รูปร่างของมันดูคล้ายกับสิงโต หากแต่มีเปลวไฟทมิฬเผาไหม้และเคลื่อนไหวคล้ายกับสิ่งมีชีวิตอยู่โดยรอบร่างกาย

แต่ก็เอ่ยได้ยากเช่นกันว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่ เนื่องจากเนื้อตัวที่เปื่อยเน่าและผุพัง ไอแห่งความตายแผ่กระจายไปทั่ว ช่างคล้ายกับร่างของเขายิ่งนัก

“ขอรับนายท่าน”

อสูรรับใช้ของเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพนอบน้อม และปรายตาไปมองพวกอสูรเล็กน้อย ในวินาทีนั้น อสูรที่หมอบกราบอยู่ก็มองเห็นดวงตาของมัน ช่างดำมืดยิ่งนัก!

“นายท่าน แล้วพวกมันเล่า?”

“พวกมันยังมีประโยชน์อยู่ เจ้ามิต้องใส่ใจ จงไปนำแท่นบูชาและมนุษย์ที่เป็นต้นเหตุของปรากฏการณ์นั้นจากตระกูลหลินกลับมาให้ข้า ต้นกำเนิดของมันมิสามัญ หากข้าได้กลืนกินมัน ควรจะช่วยให้ข้าได้รับการรักษาและบรรลุขั้นลมปราณบ้าง”

ก่อนเขาจะเอ่ยต่ออีกเล็กน้อย

“แต่ถ้ามันขัดขืน ก็สังหารมันซะ”

“ขอรับ ทาสรับใช้เก่าแก่ของท่านย่อมมิทำให้ท่านผิดหวัง” มันกล่าวก่อนจะก้มหัวรับคำสั่งอย่างนบนอบ

จากนั้น อสูรรับใช้ก็กลายร่างเป็นกลุ่มก้อนหมอกสีดำก่อนจากไป

เมื่อดูจากรูปร่างที่ปรากฏก่อนหน้า เหล่าอสูรที่เหลืออยู่ก็สั่นสะท้าน! พวกมันมิได้ตาฝาด นั่นคือปิศาจซวนหนีเลือดบริสุทธิ์!

มิใช่ว่าเผ่าพันธุ์เลือดบริสุทธิ์นี้สาบสูญไปจนหมดตั้งแต่ยุคบรรพกาลแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงยังมีพวกมันหลงเหลืออยู่อีก!

ต้องรู้ก่อนว่าอสูรซวนหนีนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความเย่อหยิ่งและความศักดิ์สิทธิ์ แต่มันถึงกับยอมเป็นข้ารับใช้ให้แก่เขา? ยิ่งกว่านั้น ร่างของมันกลับปกคลุมด้วยไฟทมิฬ เกิดสิ่งใดขึ้นกัน?

เหล่าอสูรจากแดนรกร้างทำได้แค่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเท่านั้น จากกลิ่นไอสะกดข่มของเขาแล้ว หรือที่นี่จะเป็นเขตต้องห้ามจากในตำนาน? เพียงผู้รับใช้ของเขาก็สามารถจะบดขยี้พวกมันเป็นเศษเนื้อได้โดยง่าย!

ความตื่นตระหนกในใจของพวกมันมิอาจเพื่อขึ้นไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

ทางด้านอสูรรับใช้ซวนหนีนั้น บัดนี้มันปรากฏที่ด้านนอกของห้วงเหว

“นี่หรือโลกภายนอก?”

“นานเพียงใดแล้วที่ข้ามิได้ออกมาจากสมรภูมิโบราณนั้น หมื่นปี? หรือแสนปี?”

โลกกลับกลายเป็นดำทะมึนเช่นเดียวกับเปลวไฟของมัน ปราณวิญญาณฟ้าดินนับไม่ถ้วนกำลังหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย มิจำเป็นต้องใช้ความพยายามใด สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะการหายใจตามปกติของมันเท่านั้น เพียงหายใจ ประกายแสงมากมายก็ลอยเข้ามาวนเวียนอยู่โดยรอบ นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่ามันนั้นน่าเกรงขามเพียงใด

ซวนหนีเยื้องย่างอย่างเชื่องช้าเข้าสู้ห้วงมิติ ปากและจมูกมีแสงเลือนรางลอยเข้าสู่ร่างไปตามทาง

แต่ละก้าวที่เดิน ทิ้งรอยเท้าลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงทมิฬไว้ด้านหลัง แม้ดูเหมือนมันจะเดินอย่างอืดอาด แต่ในทุกก้าวที่ย่างเหยียบ ร่างกายของมันกะพริบไหวก่อนจางหาย และไปโผล่ในระยะด้านหน้าถึงพันลี้

เพียงไม่กี่ชั่วยาม มันก็มาถึงด้านนอกของเมืองต้าหยานแล้ว เมื่อมองเห็นความใหญ่โตของนครนี้ ซวนหนีหยุดฝีเท้าลงและเงยหน้าขึ้นมอง ในดวงตามีเพียงความเย็นชา

“ผู้นำตระกูลหลินอยู่ที่ใด?”

“นายท่านของข้ามีบัญชาแก่เจ้า!”

“จงออกมาและคุกเข่าสิโรราบ!”

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด