ตอนที่ 80 ซัวเอี๋ยมและเตียวเสี้ยน (ตอนฟรี)
ตอนที่ 80 ซัวเอี๋ยมและเตียวเสี้ยน
“ฮ่าฮ่า เอาล่ะ พวกท่านคงจะเดินทางกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อย!”
เฉิงชงกล่าวเบา ๆ
“หากมีงานใหญ่ เช่นนั้นข้าค่อยพูดถึงมันในวันพรุ่งนี้”
“เฟิ้งเซียว พาพวกเขาไปพักผ่อนเถอะ!”
กุยแกพยักหน้าเล็กน้อยและพาทั้งสองจากไป
เมื่อเห็นพวกเขาจากไปแล้ว เฉิงชงก็เดินทางไปยังค่ายทหาร
แม่ทัพมารวมตัวกันที่นี่ตามคำสั่ง
เฉินชงกวาดสายตามองใบหน้าทุกคน
ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกตื่นเต้นเล็ก ๆ ในใจ
เมื่อก่อนเข้าเป็นแค่ชายที่อยู่เดียวดาย
แต่ตอนนี้เขามีที่ปรึกษาอย่างกุยแก ซุนฮก ซุนเฉิน และนักรบอย่างลิโป้ จ้าวอวิ๋น เตียวเลี้ยว โกซุ่น เตียนอุย และจิวฉอง
ถือได้ว่าเป็นพรจากสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม
นักรบมั่นคงเหมือนเมฆ ที่ปรึกษาหลักแหลมเหมือนฝน!
“นายท่าน มีเหตุอันใดถึงเรียกพวกเรามารวมตัวกันขอรับ?”
ลิโป้กล่าวเบา ๆ
เฉิงชงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นได้หรี่ตาลงพร้อมกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“วันนี้พระราชกฤษฎีกาจากลั่วหยางมาถึงแล้ว”
“จักรพรรดิให้ข้ามอบรางวัลพระราชทานสองตำแหน่งแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาตามความเหมาะสม!”
“ชัยชนะในเยี่ยนเหมินครั้งนี้มาจากกองทหารม้าเพลิงอัสนี และกองพันทะลวงพ่าย แม่ทัพของทั้งสองคือเฟิ้งเซียนและป้อผิง”
“ดังนั้นตำแหน่งพระยาทั้งสองข้าวางแผนจะมอบให้พวกเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของลิโป้และโกซุ่นได้เผยความตื่นเต้นเล็กน้อย
ตำแหน่งพระยานั้นแบ่งออกเป็นห้าระดับ โดยระดับพระราชทานครั้งนี้เป็นระดับล่างสุด ถึงแม้พระยาที่ได้รับพระราชทานครั้งนี้จะอยู่ห่างจะตำแหน่งของเฉิงชง
แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาตื่นเต้น!
ท้ายที่สุดก็ยังเป็นถึงพระยา!
นับว่าเป็นเกียรติอย่างมากแล้ว!
พวกเขาเกิดมาเพื่อตายในสนามรบ ตำแหน่งใหญ่โตอะไรนั้นหาได้สำคัญไม่!
ในอดีตมันนับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการเลื่อนยศเพียงหนึ่งหรือสองขั้น
แต่ตอนนี้พวกเขาที่อยู่ภายใต้การดูแลของเฉิงชง เพียงไม่ถึงครึ่งปี พวกเขาก็สามารถมาถึงจุดสูงสุดได้แล้ว!
นี่คือโอกาสที่เฉิงชงให้พวกเขา!
เวลานี้ลิโป้และโกซุ่นคุกเขาลงทันทีพร้อมกล่าวเสียงลุ่มลึก
“ขอบคุณนายท่าน!”
เฉิงชงยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับ
“สำหรับชื่อหลังพระยานั้นข้าได้คิดไว้เรียบร้อย”
“เฟิ้งเซียนจะเรียกว่าพระยาเหวิน และป้อผิงเรียกพระยาติง!”
*ตรงนี้เป็นตำแหน่งจีนซึ่งหาชื่อไทยไม่ได้จริง ๆ ว่าจะใช้อะไร ดังนั้นขอทับศัพท์ไปเลยนะครับ!
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดเบื้องต้นเท่านั้น ทั้งหมดยังต้องรายงานต่อราชสำนักและแต่งตั้งอย่างเป็นทางการก่อน”
“วันพรุ่งนี้ พวกเจ้าทั้งสองไปลั่วหยางกับข้าเพื่อเข้ารับการแต่งตั้ง!”
ลิโป้และโกซุ่นพยักหน้าตกลงทันที
บรรดาแม่ทัพที่เหลือมองพวกเขาด้วยความอิจฉาเล็กน้อยในดวงตา
เฉิงชงมองพวกเขาพร้อมกล่าวเบา ๆ
“พวกเจ้าไม่คิดว่าข้าลำเอียงต่อเฟิ้งเซียนและป้อผิงเลยหรือ?”
แม่ทัพที่เหลือมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา
เตียวเลี้ยวกล่าวเสียงดัง
“นายท่านพูดอะไรเช่นนั้น! ตราบใดที่ข้าติดตามนายท่าน เช่นนั้นต้องกลัวว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในอนาคตด้วยหรือ?”
“ครั้งนี้เฟิ้งเซียนและป้อผิงได้ตำแหน่งไปแล้ว ครั้งหน้าค่อยเป็นของพวกเราก็ยังไม่สาย!”
“มีตำแหน่งมากมายสำหรับพระยา ทุกคนย่อมมีโอกาสในอนาคต!”
จ้าวอวิ๋นกล่าวเช่นกัน
“ใช่แล้วนายท่าน ครั้งนี้เป็นชัยชนะที่เขตเยี่ยนเหมิน ครั้งหน้า พวกเราจะทำลายค่ายของพวกเซียนเป่ยโดยตรง!”
เฉิงชงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นได้กล่าวอย่างหนักแน่น
“เวิ่นหยวนและจูล่งกล่าวถูกต้อง สักวันหนึ่งข้าจะให้พวกเจ้าทุกคนมีตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่!”
แม่ทัพทุกคนพยักหน้า พวกเขาเชื่อมั่นในเฉิงชงอย่างสุดหัวใจ!
วันต่อมา
กุยแกส่งมอบงานต่าง ๆ ให้ซุนฮกเป็นที่เรียบร้อย
กิจการของรัฐบาลในเขตมณฑลทั้งหมดเป็นหน้าที่ของซุนฮกแล้ว
จากนี้มันจะเป็นเวทีแสดงความสามารถทางการเมืองที่ไม่ธรรมดาของซุนฮก
สำหรับพวกตระกูลขุนนางในสี่มณฑลที่เฉิงชงได้รับหน้าที่ให้ปกครอง ทันทีที่ทราบเรื่องนี้ พวกเขาได้ทำการย้ายลงใต้ในชั่วข้ามคืน
การปฏิบัติต่อตระกูลขุนนางอันดุเดือดของเฉิงชงทำให้พวกเขากลัวจนหัวหด
ไม่มีใครกล้าต่อต้านเทพมรณะคนนี้อีกต่อไป
ซุนเฉินทำการเตรียมตัวและออกจากจงหลิงไปทางเหนือ
จากนั้นได้ออกจากชายแดนเยี่ยนเหมิน
มุ่งหน้าไปยังค่ายเซียนเป่ยเพียงลำพัง!
เขาตระหนักได้อย่างดีถึงอันตรายในภารกิจนี้ และได้เขียนจดหมายสั่งลาไว้ก่อนออกเดินทางแล้ว
ด้วยความโหดร้ายของพวกเซียนเป่ย รวมถึงความเกลียดชังที่มีต่อเฉิงชง ต่อให้ซุนเฉินจะมีวาทศิลป์ดีเพียงใด เขาก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะตายบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไร้ซึ่งที่ฝัง!
แต่เขาก็ยังจะไป
นักรบย่อมมีหนทางของนักรบ นักปราชญ์ย่อมมีความคิดแบบนักปราชญ์
เขาต้องการช่วยชาวฮั่นสามแสนคนกลับบ้าน!
เฉิงชงไม่ได้ชักช้าเช่นกัน เขาออกจากเมืองทันทีและตรงไปยังลั่วหยางพร้อมจูฮง
ลิโป้และโกซุ่นก็ติดตามมาด้วย
ลั่วหยาง
สวนหลังคฤหาสน์ตระกูลซัว
ซัวเอี๋ยมกำลังนั่งอยู่ในศาลา
ด้านข้างมีสตรีอยู่ด้วยอีกหนึ่งคน ร่างกายเพรียวบางใบหน้าคมราวกับหยก
ความงดงามนั้นหาที่เปรียบมิได้!
นางคือบุตรสาวบุญธรรมของอ้องอุ้น เตียวเสี้ยน
เนื่องจากอ้องอุ้นและซัวหยงเป็นปราชญ์อันดับต้น ๆ ของโลก พวกเขาจึงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก
นอกจากนั้นเตียวเสี้ยนและซัวเอี๋ยมก็มีการพบปะกันบ่อยครั้ง ทั้งสองจึงมีความรักกันในแบบพี่น้อง
“พี่เจาจี ฝ่าบาทได้ออกพระราชกฤษฎีกาก่อนหน้านี้ ท่านน่าจะได้ยินแล้วสินะ?”
“ด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของเจ้าพระยาแห่งหนิงกั๋วในเขตเยี่ยนเหมิน ฝ่าบาทจึงมีความสุขอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงบอกให้เจ้าพระยาเดินทางมาที่ลั่วหยางเพื่อจัดงานแต่งให้พี่เจาจีอย่างสมเกียรติ!”
“ข้ายังได้ยินจากท่านพ่ออีกว่าฝ่าบาทจะเป็นประธานเปิดงานด้วยตัวเอง!”
“การแต่งงานที่จัดขึ้นโดยจักรพรรดินับว่าเป็นเกียรติอย่างใหญ่หลวง ในประวัติศาสตร์สี่ร้อยปีของราชวงศ์ฮั่นยังไม่เคยเกิดขึ้นสักครั้ง!”
เตียวเสี้ยนกล่าวเบา ๆ นางมองดวงตาที่สดใสของซัวเอี๋ยมด้วยความอิจฉาเล็กน้อย...
พิธีแต่งงานที่จัดขึ้นโดยจักรพรรดิ ข่าวนี้สั่นสะเทือนไปทั่วลั่วหยาง มันเป็นความปรารถนาอันสูงสุดของสตรีเลยไม่ใช่หรือ?
ยิ่งกว่านั้นผู้ที่จะเป็นสามีของซัวเอี๋ยมยังเป็นบุรุษผู้มากพรสวรรค์และหล่อเหลา!
เช่นนั้นจะไม่ให้นางเกิดความอิจฉาได้อย่างไร!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของซัวเอี๋ยมได้เกิดเมฆสีแดงขึ้นสองก้อน แววตาของนางแสดงถึงความเขินอายอย่างชัดเจน
นางทราบดีว่าเฉิงชงและบิดาของตนได้ทำการตกลงเรื่องการแต่งงานไว้แล้ว
เมื่อกลับมาลั่วหยางอีกครั้ง เช่นนั้นก็จะจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่!
แต่นางไม่เคยคิดว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วเช่นนี้
เพียงแค่ไม่กี่เดือน เฉิงชงก็กลับมาจริง ๆ !
เมื่อนึกถึงเฉิงชง ซัวเอี๋ยมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายในใจ
นางหัวเราะเบา ๆ และกล่าวปลอบโยนเตียวเสี้ยน
“น้องเตียวเสี้ยน เจ้าเองก็งดงาม อีกทั้งยังเต้นรำเก่งกว่าใคร ในอนาคตจะต้องมีสามีดี ๆ เช่นกัน!”
“ลองมองดูปราชญ์ในลั่วหยางสิ พวกเขาต่างมีพรสวรรค์กันทั้งนั้น”
“ข้าเชื่อว่าลุงอ้องอุ้นจะต้องเลือกคนที่เหมาะสมให้เจ้าแน่นอน!”
เตียวเสี้ยนส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมเผยรอยยิ้มขมขื่น
นางจะไม่ทราบได้อย่างไร?
เพราะนางเป็นแค่นางรำ ถึงแม้จะเป็นบุตรสาวบุญธรรมของอ้องอุ้น นางก็ยังเป็นแค่นางรำ!
ในยุคนี้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเบื้องหลังตระกูล มันจึงไม่มีใครต้องการแต่งกับนาง
อย่างดีที่สุดก็เป็นได้แค่นางสนมในตระกูลใหญ่เท่านั้น
ซัวเอี๋ยมเห็นความเศร้าโศกของเตียวเสี้ยน
นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นได้กัดฟันแน่นพร้อมกล่าวเสียงลุ่มลึก
“น้องเตียวเสี้ยน เจ้าเคยคิดจะออกจากลั่วหยางบ้างไหม?”
เตียวเสี้ยนรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยิน
“ออก?”
ซัวเอี๋ยมพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ลั่วหยางถึงแม้จะรุ่งเรือง แต่ภายในนั้นเน่าเฟะเกิดนไป ช่องว่างระหว่างผู้คนก็สูง!”
“บ้านของเจ้าพระยาแห่งหนิงกั๋วคือเขตเยี่ยนเหมิน อำเภอจงหลิง ที่นั่นไม่มีตระกูลขุนนางที่เย่อหยิ่งมากมายเหมือนที่นี่!”
“ข้าเชื่อว่าน้องเตียวเสี้ยนจะต้องพบความสุขของตัวเองที่นั่นแน่นอน!”
เตียวเสี้ยนตกใจเล็กน้อย นางรู้สึกคล้อยตามอย่างอธิบายไม่ได้
“แต่พ่อบุญธรรมต้องไม่เห็นด้วยที่ข้าจากไปแน่นอน”
ซัวเอี๋ยมกล่าวเบา ๆ
“ลุงอ้องอุ้นเป็นคนหัวโบราณ แน่นอนว่าเราต้องไม่บอกเขา!”
“หลังจากข้าและเจ้าพระยาแต่งงานกัน ข้าจะไปยังจงหลิงพร้อมกับเขา!”
“เวลานั้นน้องเตียวเสี้ยนก็ปลอมเป็นสาวรับใช้ไปกับข้า”
“เมื่อไปถึงอำเภอจงหลิงแล้ว ลุงอ้องอุ้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก!”
เตียวเสี้ยนกำหมัดแน่น
นางเงียบไปนานราวกับมีความมุ่งมั่นอยู่ในใจ
จากนั้นได้พยักหน้าอย่างจริงจัง
“ตกลง! พี่เจาจี ข้าจะฟังท่าน!”