ตอนที่แล้วตอนที่ 79 เครื่องพิมพ์เคลื่อนที่ การยอมรับของพี่น้องตระกูลซุน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 81 งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ของเฉิงชง (ตอนฟรี)

ตอนที่ 80 ซัวเอี๋ยมและเตียวเสี้ยน (ตอนฟรี)


ตอนที่ 80 ซัวเอี๋ยมและเตียวเสี้ยน

“ฮ่าฮ่า เอาล่ะ พวกท่านคงจะเดินทางกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อย!”

เฉิงชงกล่าวเบา ๆ

“หากมีงานใหญ่ เช่นนั้นข้าค่อยพูดถึงมันในวันพรุ่งนี้”

“เฟิ้งเซียว พาพวกเขาไปพักผ่อนเถอะ!”

กุยแกพยักหน้าเล็กน้อยและพาทั้งสองจากไป

เมื่อเห็นพวกเขาจากไปแล้ว เฉิงชงก็เดินทางไปยังค่ายทหาร

แม่ทัพมารวมตัวกันที่นี่ตามคำสั่ง

เฉินชงกวาดสายตามองใบหน้าทุกคน

ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกตื่นเต้นเล็ก ๆ ในใจ

เมื่อก่อนเข้าเป็นแค่ชายที่อยู่เดียวดาย

แต่ตอนนี้เขามีที่ปรึกษาอย่างกุยแก ซุนฮก ซุนเฉิน และนักรบอย่างลิโป้ จ้าวอวิ๋น เตียวเลี้ยว โกซุ่น เตียนอุย และจิวฉอง

ถือได้ว่าเป็นพรจากสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม

นักรบมั่นคงเหมือนเมฆ ที่ปรึกษาหลักแหลมเหมือนฝน!

“นายท่าน มีเหตุอันใดถึงเรียกพวกเรามารวมตัวกันขอรับ?”

ลิโป้กล่าวเบา ๆ

เฉิงชงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นได้หรี่ตาลงพร้อมกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“วันนี้พระราชกฤษฎีกาจากลั่วหยางมาถึงแล้ว”

“จักรพรรดิให้ข้ามอบรางวัลพระราชทานสองตำแหน่งแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาตามความเหมาะสม!”

“ชัยชนะในเยี่ยนเหมินครั้งนี้มาจากกองทหารม้าเพลิงอัสนี และกองพันทะลวงพ่าย แม่ทัพของทั้งสองคือเฟิ้งเซียนและป้อผิง”

“ดังนั้นตำแหน่งพระยาทั้งสองข้าวางแผนจะมอบให้พวกเจ้า”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของลิโป้และโกซุ่นได้เผยความตื่นเต้นเล็กน้อย

ตำแหน่งพระยานั้นแบ่งออกเป็นห้าระดับ โดยระดับพระราชทานครั้งนี้เป็นระดับล่างสุด ถึงแม้พระยาที่ได้รับพระราชทานครั้งนี้จะอยู่ห่างจะตำแหน่งของเฉิงชง

แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาตื่นเต้น!

ท้ายที่สุดก็ยังเป็นถึงพระยา!

นับว่าเป็นเกียรติอย่างมากแล้ว!

พวกเขาเกิดมาเพื่อตายในสนามรบ ตำแหน่งใหญ่โตอะไรนั้นหาได้สำคัญไม่!

ในอดีตมันนับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการเลื่อนยศเพียงหนึ่งหรือสองขั้น

แต่ตอนนี้พวกเขาที่อยู่ภายใต้การดูแลของเฉิงชง เพียงไม่ถึงครึ่งปี พวกเขาก็สามารถมาถึงจุดสูงสุดได้แล้ว!

นี่คือโอกาสที่เฉิงชงให้พวกเขา!

เวลานี้ลิโป้และโกซุ่นคุกเขาลงทันทีพร้อมกล่าวเสียงลุ่มลึก

“ขอบคุณนายท่าน!”

เฉิงชงยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับ

“สำหรับชื่อหลังพระยานั้นข้าได้คิดไว้เรียบร้อย”

“เฟิ้งเซียนจะเรียกว่าพระยาเหวิน และป้อผิงเรียกพระยาติง!”

*ตรงนี้เป็นตำแหน่งจีนซึ่งหาชื่อไทยไม่ได้จริง ๆ ว่าจะใช้อะไร ดังนั้นขอทับศัพท์ไปเลยนะครับ!

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดเบื้องต้นเท่านั้น ทั้งหมดยังต้องรายงานต่อราชสำนักและแต่งตั้งอย่างเป็นทางการก่อน”

“วันพรุ่งนี้ พวกเจ้าทั้งสองไปลั่วหยางกับข้าเพื่อเข้ารับการแต่งตั้ง!”

ลิโป้และโกซุ่นพยักหน้าตกลงทันที

บรรดาแม่ทัพที่เหลือมองพวกเขาด้วยความอิจฉาเล็กน้อยในดวงตา

เฉิงชงมองพวกเขาพร้อมกล่าวเบา ๆ

“พวกเจ้าไม่คิดว่าข้าลำเอียงต่อเฟิ้งเซียนและป้อผิงเลยหรือ?”

แม่ทัพที่เหลือมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา

เตียวเลี้ยวกล่าวเสียงดัง

“นายท่านพูดอะไรเช่นนั้น! ตราบใดที่ข้าติดตามนายท่าน เช่นนั้นต้องกลัวว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในอนาคตด้วยหรือ?”

“ครั้งนี้เฟิ้งเซียนและป้อผิงได้ตำแหน่งไปแล้ว ครั้งหน้าค่อยเป็นของพวกเราก็ยังไม่สาย!”

“มีตำแหน่งมากมายสำหรับพระยา ทุกคนย่อมมีโอกาสในอนาคต!”

จ้าวอวิ๋นกล่าวเช่นกัน

“ใช่แล้วนายท่าน ครั้งนี้เป็นชัยชนะที่เขตเยี่ยนเหมิน ครั้งหน้า พวกเราจะทำลายค่ายของพวกเซียนเป่ยโดยตรง!”

เฉิงชงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นได้กล่าวอย่างหนักแน่น

“เวิ่นหยวนและจูล่งกล่าวถูกต้อง สักวันหนึ่งข้าจะให้พวกเจ้าทุกคนมีตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่!”

แม่ทัพทุกคนพยักหน้า พวกเขาเชื่อมั่นในเฉิงชงอย่างสุดหัวใจ!

วันต่อมา

กุยแกส่งมอบงานต่าง ๆ ให้ซุนฮกเป็นที่เรียบร้อย

กิจการของรัฐบาลในเขตมณฑลทั้งหมดเป็นหน้าที่ของซุนฮกแล้ว

จากนี้มันจะเป็นเวทีแสดงความสามารถทางการเมืองที่ไม่ธรรมดาของซุนฮก

สำหรับพวกตระกูลขุนนางในสี่มณฑลที่เฉิงชงได้รับหน้าที่ให้ปกครอง ทันทีที่ทราบเรื่องนี้ พวกเขาได้ทำการย้ายลงใต้ในชั่วข้ามคืน

การปฏิบัติต่อตระกูลขุนนางอันดุเดือดของเฉิงชงทำให้พวกเขากลัวจนหัวหด

ไม่มีใครกล้าต่อต้านเทพมรณะคนนี้อีกต่อไป

ซุนเฉินทำการเตรียมตัวและออกจากจงหลิงไปทางเหนือ

จากนั้นได้ออกจากชายแดนเยี่ยนเหมิน

มุ่งหน้าไปยังค่ายเซียนเป่ยเพียงลำพัง!

เขาตระหนักได้อย่างดีถึงอันตรายในภารกิจนี้ และได้เขียนจดหมายสั่งลาไว้ก่อนออกเดินทางแล้ว

ด้วยความโหดร้ายของพวกเซียนเป่ย รวมถึงความเกลียดชังที่มีต่อเฉิงชง ต่อให้ซุนเฉินจะมีวาทศิลป์ดีเพียงใด เขาก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะตายบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไร้ซึ่งที่ฝัง!

แต่เขาก็ยังจะไป

นักรบย่อมมีหนทางของนักรบ นักปราชญ์ย่อมมีความคิดแบบนักปราชญ์

เขาต้องการช่วยชาวฮั่นสามแสนคนกลับบ้าน!

เฉิงชงไม่ได้ชักช้าเช่นกัน เขาออกจากเมืองทันทีและตรงไปยังลั่วหยางพร้อมจูฮง

ลิโป้และโกซุ่นก็ติดตามมาด้วย

ลั่วหยาง

สวนหลังคฤหาสน์ตระกูลซัว

ซัวเอี๋ยมกำลังนั่งอยู่ในศาลา

ด้านข้างมีสตรีอยู่ด้วยอีกหนึ่งคน ร่างกายเพรียวบางใบหน้าคมราวกับหยก

ความงดงามนั้นหาที่เปรียบมิได้!

นางคือบุตรสาวบุญธรรมของอ้องอุ้น เตียวเสี้ยน

เนื่องจากอ้องอุ้นและซัวหยงเป็นปราชญ์อันดับต้น ๆ ของโลก พวกเขาจึงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก

นอกจากนั้นเตียวเสี้ยนและซัวเอี๋ยมก็มีการพบปะกันบ่อยครั้ง ทั้งสองจึงมีความรักกันในแบบพี่น้อง

“พี่เจาจี ฝ่าบาทได้ออกพระราชกฤษฎีกาก่อนหน้านี้ ท่านน่าจะได้ยินแล้วสินะ?”

“ด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของเจ้าพระยาแห่งหนิงกั๋วในเขตเยี่ยนเหมิน ฝ่าบาทจึงมีความสุขอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงบอกให้เจ้าพระยาเดินทางมาที่ลั่วหยางเพื่อจัดงานแต่งให้พี่เจาจีอย่างสมเกียรติ!”

“ข้ายังได้ยินจากท่านพ่ออีกว่าฝ่าบาทจะเป็นประธานเปิดงานด้วยตัวเอง!”

“การแต่งงานที่จัดขึ้นโดยจักรพรรดินับว่าเป็นเกียรติอย่างใหญ่หลวง ในประวัติศาสตร์สี่ร้อยปีของราชวงศ์ฮั่นยังไม่เคยเกิดขึ้นสักครั้ง!”

เตียวเสี้ยนกล่าวเบา ๆ นางมองดวงตาที่สดใสของซัวเอี๋ยมด้วยความอิจฉาเล็กน้อย...

พิธีแต่งงานที่จัดขึ้นโดยจักรพรรดิ ข่าวนี้สั่นสะเทือนไปทั่วลั่วหยาง มันเป็นความปรารถนาอันสูงสุดของสตรีเลยไม่ใช่หรือ?

ยิ่งกว่านั้นผู้ที่จะเป็นสามีของซัวเอี๋ยมยังเป็นบุรุษผู้มากพรสวรรค์และหล่อเหลา!

เช่นนั้นจะไม่ให้นางเกิดความอิจฉาได้อย่างไร!

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของซัวเอี๋ยมได้เกิดเมฆสีแดงขึ้นสองก้อน แววตาของนางแสดงถึงความเขินอายอย่างชัดเจน

นางทราบดีว่าเฉิงชงและบิดาของตนได้ทำการตกลงเรื่องการแต่งงานไว้แล้ว

เมื่อกลับมาลั่วหยางอีกครั้ง เช่นนั้นก็จะจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่!

แต่นางไม่เคยคิดว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วเช่นนี้

เพียงแค่ไม่กี่เดือน เฉิงชงก็กลับมาจริง ๆ !

เมื่อนึกถึงเฉิงชง ซัวเอี๋ยมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายในใจ

นางหัวเราะเบา ๆ และกล่าวปลอบโยนเตียวเสี้ยน

“น้องเตียวเสี้ยน เจ้าเองก็งดงาม อีกทั้งยังเต้นรำเก่งกว่าใคร ในอนาคตจะต้องมีสามีดี ๆ เช่นกัน!”

“ลองมองดูปราชญ์ในลั่วหยางสิ พวกเขาต่างมีพรสวรรค์กันทั้งนั้น”

“ข้าเชื่อว่าลุงอ้องอุ้นจะต้องเลือกคนที่เหมาะสมให้เจ้าแน่นอน!”

เตียวเสี้ยนส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมเผยรอยยิ้มขมขื่น

นางจะไม่ทราบได้อย่างไร?

เพราะนางเป็นแค่นางรำ ถึงแม้จะเป็นบุตรสาวบุญธรรมของอ้องอุ้น นางก็ยังเป็นแค่นางรำ!

ในยุคนี้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเบื้องหลังตระกูล มันจึงไม่มีใครต้องการแต่งกับนาง

อย่างดีที่สุดก็เป็นได้แค่นางสนมในตระกูลใหญ่เท่านั้น

ซัวเอี๋ยมเห็นความเศร้าโศกของเตียวเสี้ยน

นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นได้กัดฟันแน่นพร้อมกล่าวเสียงลุ่มลึก

“น้องเตียวเสี้ยน เจ้าเคยคิดจะออกจากลั่วหยางบ้างไหม?”

เตียวเสี้ยนรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยิน

“ออก?”

ซัวเอี๋ยมพยักหน้าอย่างจริงจัง

“ลั่วหยางถึงแม้จะรุ่งเรือง แต่ภายในนั้นเน่าเฟะเกิดนไป ช่องว่างระหว่างผู้คนก็สูง!”

“บ้านของเจ้าพระยาแห่งหนิงกั๋วคือเขตเยี่ยนเหมิน อำเภอจงหลิง ที่นั่นไม่มีตระกูลขุนนางที่เย่อหยิ่งมากมายเหมือนที่นี่!”

“ข้าเชื่อว่าน้องเตียวเสี้ยนจะต้องพบความสุขของตัวเองที่นั่นแน่นอน!”

เตียวเสี้ยนตกใจเล็กน้อย นางรู้สึกคล้อยตามอย่างอธิบายไม่ได้

“แต่พ่อบุญธรรมต้องไม่เห็นด้วยที่ข้าจากไปแน่นอน”

ซัวเอี๋ยมกล่าวเบา ๆ

“ลุงอ้องอุ้นเป็นคนหัวโบราณ แน่นอนว่าเราต้องไม่บอกเขา!”

“หลังจากข้าและเจ้าพระยาแต่งงานกัน ข้าจะไปยังจงหลิงพร้อมกับเขา!”

“เวลานั้นน้องเตียวเสี้ยนก็ปลอมเป็นสาวรับใช้ไปกับข้า”

“เมื่อไปถึงอำเภอจงหลิงแล้ว ลุงอ้องอุ้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก!”

เตียวเสี้ยนกำหมัดแน่น

นางเงียบไปนานราวกับมีความมุ่งมั่นอยู่ในใจ

จากนั้นได้พยักหน้าอย่างจริงจัง

“ตกลง! พี่เจาจี ข้าจะฟังท่าน!”

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด