ตอนที่แล้วKing X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 286 ง่ายกว่าตั้งเยอะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปKing X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 288 ทำให้มันแน่ชัด

King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 287 การปะทะกับราชาเอลฟ์


กำลังโหลดไฟล์

ตอนที่ 287  การปะทะกับราชาเอลฟ์

เคล้ง!!!!  ที่ดังขึ้นมาตอนนี้ไม่ใช้เพราะผมเอาขวานศึกมาป้องกัน หรือเกราะที่ผมใส่อยู่เพราะเกราะมันแตกเป็นชิ้นๆ ตั้งแต่ที่ผมเริ่มขยายร่างเป็นมังกรไปเมื่อกี้แล้ว แต่มันเป็นเสียงของกรงเล็กทั้งสองของราชาเอลฟ์ที่ปะทะเข้ากับร่างกายของผม

หึ! นึกว่าจะมีดีกว่านี้สะอีก

“คิดว่ากรงเล็บเด็กเล่นของเจ้ามันจะทำอะไรข้าได้หรือไง”

“แกไอ้ปีศาจ”

“เหอะ!”

หลังจากพูดเสียงเจ็บใจราชาเอลฟ์ก็เด้งออกไปเหมือนกับลูกบอลโดนเตะ แต่ทางผมยังไม่ได้ออกแรงทำอะไรเลย เมื่อเว้นระยะห่างไปได้สักพักกรงเล็บในมือทั้งสองของหมอนั่นก็ปกคลุมไปด้วยเวทย์ความมืดและพุ่งเข้ามาหาผมอีกครั้ง

เอาไงดีนะ รับ! หลบ! โจมตีกลับ!

เอาตามตรงตอนนี้เลือกไม่ถูกเลยว่าจเลือกทำอะไรก่อนกับเรื่องด้านหน้าตอนนี้ ความเร็วที่ราชาเอลฟ์กำลังพุ่งเข้ามาตอนนี้เอาตามตรงไม่ได้ต่างอะไรจากมองเด็กทารกกำลังวิ่งเข้ามาหาเลย

นี่สินะพลังของความแตกต่างระดับตำนานและระดับเทพช่วงต้นที่โอรอสให้มา

สุดยอด!

คิดได้สักพักก็ได้ผลสรุป รับดีกว่า!

เคล้ง!

เคล้ง!

เคล้ง!

กรงเล็บเคลือบพลังเวทย์ของราชาเอลฟ์โจมตีใส่ผมอย่างต่อเนื้อง แต่ถึงจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้ราชาเอลฟ์ก็ไม่แสดงท่าทางยอมแพ้ออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย แล้วยังคงโจมตีผมแบบเอาเป็นเอาตายเรื่อยๆ

สมแล้วที่ได้ชื่อราชา มันต้องแบบนี้

กรงเล็บของราชาเอลฟ์ที่ระดมโจมตีใส่ร่างกายของผมนั้นเอาตรงๆ มันก็รู้สึกถึงความเจ็บอยู่พอสมควร แต่มันก็ไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้น แล้วในระหว่างที่กำลังโดนโจมตีอยู่แบบนี้ผมก็ชุบคิดเรื่องอะไรที่มันไม่สมควรคิดขึ้นมาได้ ถ้าขนาดผมคนระดับราชาเอลฟ์ยังทำอะไรไม่ได้ แล้วพวกเผ่ามังกรละ!

ด้วยความคิดนี่แหละทำให้ผมหมดสนุกที่โดนราชาเอลฟ์โจมตีเลย

เฮ้อ~

จบเลยแล้วกัน

คิดได้แบบนั้นผมก็ชูมือขวาที่เป็นมือขนาดเล็กของมังกรขึ้นแล้วก็เล็งไปที่ราชาเอลฟ์ที่กระโดดไปมารอบตัวของผมอยู่

ตุ๊บ!!!

โห่ว! ไม่คิดเลยว่าจะรับเอาไว้ได้

ยอมรับว่าตกใจนิดหน่อยที่ราชาเอลฟ์สามารถใช้มือสองข้างรับการโจมตีของผมที่ใช้พลังไปถึง 20% เอาไว้ได้ แต่ก็นะ มันแค่ 20% จะดีใจที่รับพลังระดับนี้ได้หรือจะเสียใจดี เหอะๆ

หลังรับเอาไว้ได้ไม่นานด้วยขนาดตัวของผมที่สูงกว่า 20 เมตร และน้ำหนักที่ไม่ต่ำกว่า 10 ตัน ราชาเอลฟ์ที่ร่างกายใหญ่ราววัวหนึ่งตัวก็เริ่มรับแรงกดมือขวาของผมเอาไว้ไม่ไหว ตอนนี้ราชากำลังกัดฟันเอาไว้แน่นแต่ก็ไม่ยอมหนี… ไม่สิ! หนีไม่ได้ต่างหาก เพราะถ้าปล่อยมือเมื่อไหร่มือขวาของผมก็ทับลงไปทันที

“จะยอมแพ้ไหม”

ถึงยังโมโหกับนิสัยของเจ้านี่แต่ยังไงก็ยังมีประโยชน์ ฆ่าทิ้งไม่ได้

“ข้าเป็นราชาเอลฟ์และเป็นเกียรติของประเทศเอลฟ์แห่งนี้ ถ้าข้ายอมก้มหัวให้กับมนุษย์ก็แปลว่าเอลฟ์ทั้งหมดก็ต้องยะ-”

“ตอบ – คำ - ถาม”

ไม่รู้จะพูดอะไรให้มันยุ่งยากเพื่ออะไร แค่ตอบว่ายอมหรือไม่ยอมมันยากนักหรือไงแล้วไอ้เกียรติอะไรนั้นมายืนหยัดเพื่อมันอะไรตอนนี้ ทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังจะแบนตายคามือข้าอยู่แล้ว

“ไม่ยอม!”

“งั้นก็หมายความว่าจะตายสินะ”

เหอะ! เจ้ากล้าทำเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ อย่างที่รู้ตอนนี้พวกเรากำลังจะโดนบุกจากพวกทวีปลึกลับอะไรนั้น ตัวเจ้าที่เป็นคนไปเจอมาเองก็น่าจะรู้อยู่แล้ว”

“แล้ว”

กำลังจะพูดอะไรของมัน อยู่ๆ ก็ยกเรื่องพวกนั้นมาพูดแบบนี้ต้องการจะบอกอะไรอีก???

“ถ้าเจ้าทำอะไรข้าตอนนี้ละก็ รับรองได้เลยพวกเอลฟ์ที่เหลือไม่เข้าร่วมแน่”

“ก็ตาย!”

“เอ่ะ?!?!?”

“เจ้าจะตกใจอะไร ถ้าเอลฟ์ไม่เข้าร่วมเจ้าคิดว่าเอลฟ์ทั้งหมดในประเทศนี้จะรอดเหรอ ถ้าเจ้ามีสมองจริงก็ลองใช้สมองอันน้อยนิดนั้นคิดดู ถ้าพลังของข้าขนาดนี้ยังต้องหากำลังรบเพิ่ม แล้วเจ้าคิดว่าพวกที่มันกำลังจะเดินทางมาพลังจะขนาดไหน”

หลังพูดไปผมก็สัมผัสได้เลยว่าแรงที่ราชาเอลฟ์กำลังดันผมอยู่อ่อนแรงลง ตามจริงก็อยากเพิ่มแรงแล้วกดให้มันแบนๆ ไปสะ แต่ผมก็พยามอดใจเอาไว้แล้วเอาแขนขึ้น

ท่าทางของราชาเอลฟ์ตอนนี้คงพอเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้วแน่นอน งั้นก็เดินแผนต่อไป

“ข้าจะปล่อยเจ้าไปในครั้งนี้ แต่ว่า ถ้ายังต่อต้านอีกข้าจะไม่ไว้หน้าเจ้าอีกแน่”

“อ่า…”

เข้าใจอะไรง่ายกว่าที่คิดแฮะ! แต่ช่างมันเถอะเพราะยังไงเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้สำหรับเราก็ง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ หลังจากคุยกับราชาเอลฟ์รู้เรื่องผมก็เริ่มเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์อีกครั้ง ระหว่างเปลี่ยนร่างก็ได้มองไปยังชุดเกราะที่แตกอยู่

ใส่มาเพื่ออะไรกันนะ? เป็นสิ่งที่คิดได้เมื่อมองมัน

เมื่อจัดการเรื่องของราชาเอลฟ์เรียบร้อยผมก็เปิดประตูมิติอีกครั้งเพื่อเดินทางกลับไปที่ประเทศเมซัส แต่ก่อนที่จะเดินเข้าประตูมิติผมก็หันกลับไปหาราชาเอลฟ์อีกครั้ง

“แล้วต้องให้บอกไหมว่าห้ามเข้ามายุ่งกับเอเนเชียร์อีก”

“ไม่จำเป็น ข้าจะไม่กดดันอะไรนางอีกแล้ว”

กดดัน?

นี่เอเนเชียร์โดนมันกดดันด้วยเหรอไม่เห็นรู้เรื่องพวกนั้นเลย แต่ก็เอาเถอะ ยังไงเรื่องครั้งนี้มันก็จบแล้วจะไปพูดคุยเรื่องอดีตตอนนี้ก็รังแต่จะสร้างปัญหา

“งั้นก็ดี แล้วก็บอกลูกของเจ้าด้วย”

“อ่า”

###########

หลังจากที่ผมจัดการกับราชาเอลฟ์แล้วก็เคลียร์เรื่องของเอเนเชียร์เรียบร้อย ผมก็เดินทางกลับมาที่คฤหาสน์แบบงุนงงในใจว่าเรื่องมันจบแล้วเหรอ แต่เรื่องที่งงอยู่ก็ต้องทิ้งมันไปก่อนเพราะไม่รู้ว่าเหตุผลอะไร ทำไม ทำไม ทำไมห้องโถงของคฤหาสน์ถึงมีพวกนี้มายืนรอผมอยู่

ลาฟเชียร์

เนสก้า

เอเนเชียร์

ทาร์เลีย

ทั้งสี่คนกำลังมองผมด้วยสายตาไม่พอใจกันอยู่

หลังจากที่มองทั้งสี่คนได้สักพักสายตาของผมก็เบนไปเห็นคนที่น่าจะเป็นต้นเรื่องทั้งหมดได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นเธอคือเอรีน่าที่กำลังยิ้มแบบชอบใจนั่นเอง แถมพยามแอบหลังบันไดอยู่ด้วย

คิดอะไรอยู่นะ เฮ้อ~

แต่ถึงแบบนั้นก็เถอะ ทางผมเองก็ต้องจัดการเรื่องความสัมพันธ์กับพวกเธอให้มันแน่นอนในสักวันอยู่แล้ว ในเมื่อมีโอกาสแบบนี้ก็ต้องจัดการไปเลยแล้วกัน

“พวกเจ้ารอข้าอยู่สินะ ถ้างั้นพวกเรามาคุยกันหน่อยก็แล้วกัน”

[ค่ะ ค่ะ ค่ะ ค่ะ]

หลังจากที่สามารถตกลงกันเรียบร้อยพวกเราทั้งห้าคน… ไม่สิ! คนที่หกกำลังแอบฟังอยู่นอกห้อง แต่ช่างเถอะยังไงให้เอรีน่าได้ยินด้วยก็ดีเหมือนกัน หึหึ!

ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขกของคฤหาสน์บนเก้าอี้ที่ด้านหน้าเป็นโต๊ะวงกลม ส่วนพวกเธอทั้งสี่คนก็กำลังนั่งตามเก้าอี้ที่วางเอาไว้รอบโต๊ะพร้อมกับทำสีหน้าเอาจริงเอาจังมองมาทางผม

“ก่อนอื่นที่ข้าเรียกพวกเธอมาพร้อมกันเพราะมีเรื่องจะบอก”

….

….

ไร้เสียงตอบรับ ตอนแรกผมกะพูดเว้นช่วงแล้วให้ใครถามอะไรออกมาจะได้อธิบายอะไรง่ายๆ ตอนแรกก็หวังเอาไว้กับทาร์เลียเอาไว้มากนั่นแหละ แต่เธอกลับดูจริงจังไม่ต่างจากคนอื่นเลย

ช่วยไม่ได้เข้าเรื่องแบบตัดๆ เลยแล้วกัน-

“ข้าขอพูดอะไรก่อนได้ไหมคะ”

ลาฟเชียร์เสนอตัวออกมา

“ได้เลย!”

“อันดับแรกพวกข้าเข้าใจดีว่าท่านนั้นแข็งแกร่ง แต่ทำไมท่านถึงได้ทำแบบนี้ละคะ ท่านเอรีน่าบอกมาว่าเมื่อท่านตื่นขึ้นมาแล้วก็ไปสู้กับราชาเอลฟ์เลยนี่ท่านเป็นพวกบ้าการต่อสู้แบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ”

นี่เหรอเรื่องที่อยากพูด?

“ข้าเองก็คิดแบบลาฟเชียร์ ท่านช่างบ้าการต่อสู้จริงๆ”

คราวนี้เนสก้าพูดขึ้นมาต่อ

“เจ้าบ้าไปแล้วจริงๆ”

เอเนเชียร์พยักหน้าขึ้นลงระหว่างพูดออกมาต่ออีกคน

“ทุกคนพูดอะไรอยู่ท่านดรารอน์ไม่ได้บ้าการต่อสู้สักหน่อย” ขอบคุณมากทาร์เลียที่เธอยังยืนอยู่เคียงข้างกันแบบนี้ “ท่านดรารอน์เป็นพวกโครตบ้าการต่อสู้ต่างหาก!”

ชิ! เอาความเชื่อใจเมื่อกี้คืนมาเลยนะ

ไม่สิ! ตอนนี้จะไปเล่นตามน้ำของพวกนี้ไม่ได้ เมื่อกี้ตัดสินใจมาแล้วว่าจะทำเรื่องครั้งนี้ให้มันชัดเจนเพราะตลอดเวลาตัวผมก็รู้ตัวดีกว่าไปปักธงเอาไว้กับพวกเธอทั้งหมดพอสมควร ขนาดเอเชียร์ยังยอมยกเลิกหมั่นกับเรเดียร์เลย

เฮ้อ~

เพราะอย่างงั้นเพื่อนาคตของพวกเธอต้องรีบจบเรื่องนี่สะ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด