ตอนที่แล้วบทที่ 600 ม้านั่งหิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 602 โผล่ออกมาแล้ว!

บทที่ 601 การพนัน(ตอนฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 601 การพนัน

“หยุด!”

ฉินซูเจี๋ยตะคอกอย่างเย็นชา ใบหน้าของเธอแสดงความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบัง “หวงกุ้ยหยาง ฉันคิดว่าคุณลืมสิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อกี้นี้!”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหวงกุ้ยหยางหายวับไปทันที เขากล่าวด้วยความหงุดหงิดว่า “ประธานฉิน คุณต้องการไล่ฉันออกเพียงเพราะผู้ชายหลอกลวงคนนี้น่ะเหรอ?”

“หวงกุ้ยหยาง ช่วยระวังคำพูดของคุณด้วย” หวงกุ้ยหยางพูดจาเสียดสีประชดประชันจี้เฟิงหลายต่อหลายครั้ง มันทำให้เธอใกล้จะหมดความอดทนเต็มทีแล้ว “เซียนเหมา ช่วยดูแลลูกศิษย์ของคุณด้วยนะคะ!”

อย่างไรก็ตาม เซียนเหมาหลับตาลงครึ่งหนึ่ง และพูดอย่างเฉยเมย “ประธานฉิน ชายหนุ่มผู้นี้คือเพื่อนของคุณ ฉันเลยไม่อยากจะพูดอะไรมาก แต่ยังไงก็ตาม การที่คุณเชื่อใจคนที่อาศัยแค่โชคในการเล่นพนันหิน มันแสดงว่าคุณไม่ไว้วางใจเรา...”

“เซียนเหมา คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?!” ฉินซูเจี๋ยถามด้วยใบหน้าสงบนิ่ง

“อย่าสนใจเลย ฉันก็แค่แสดงความคิดเห็นเฉยๆเท่านั้น!” เซียนเหมาถอนหายใจเบาๆก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ประธานฉิน ฉันแค่หวังว่าคุณจะเข้าใจว่าโชคสำหรับการพนันหินนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพึ่งพาสายตาและประสบการณ์!”

“เซียนเหมา ฉันรู้ดีว่าเซียนเหมามีสายตาที่ดีและผ่านประสบการณ์การดูหินมามากมาย แต่สิ่งนี้มันไม่ได้ทำให้ความเชื่อใจที่ฉันมีต่อเพื่อนของฉันลดลง!” ฉินซูเจี๋ยพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “ฉันขอพูดอีกครั้ง ฉันไม่ต้องการได้ยินคำพูดประชดประชันเกี่ยวกับเพื่อนของฉันอีก!”

“ประธานฉิน!” หวงกุ้ยหยางกล่าวด้วยความมั่นใจว่า “อาจารย์และฉันก็แค่พยายามช่วยให้ประธานฉินไม่โดนหลอก! แต่ในเมื่อประธานฉินไม่เชื่อ ดังนั้นฉันจะพิสูจน์ให้ประธานฉินเห็นเองว่าโชคมันไม่น่าเชื่อถือขนาดไหนในการพนันหิน!”

“คุณจะพิสูจน์มันยังไง?” ฉินซูเจี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามด้วยน้ำเสียงที่ล้ำลึก

หวงกุ้ยหยางเชิดหน้าและกล่าวอย่างภาคภูมิใจทันทีว่า “เนื่องจากเพื่อนของประธานฉินสามารถเดิมพันหินด้วยโชคได้ ดังนั้นฉันจะเปรียบเทียบให้ดูว่าการใช้สายตาและประสบการณ์ในการดูหินมันแตกต่างกับการใช้โชคยังไง โดยการใช้หินที่เพื่อนของประธานหินเล่นพนันนี่แหละเป็นตัวพิสูจน์ ในสายตาของฉัน มันมีความเป็นไปได้น้อยมากที่หินก้อนนี้จะมีสีเขียว หรือต่อให้มีก็คงจะมีน้ำหนักแค่ไม่กี่ปอนด์ แต่ถ้าเพื่อนของคุณแก้หินออกมาได้หยกก้อนใหญ่ ฉันจะเป็นคนจ่ายค่าหินหยาบให้ทั้งหมด แต่ถ้าผ่าแก้หินออกมาแล้วไม่เจอ...”

ฉินซูเจี๋ยกล่าวแทรกขึ้นมาทันที “ถ้าผ่าแก้หินออกมาแล้วไม่มีสีเขียวหรือมีหยกน้อยกว่าสิบปอนด์ ฉันจะเพิ่มค่าจ้างให้คุณกับเซียนเหมาเพิ่มขึ้นสามเท่า! และจะเซ็นสัญญาจ้างเป็นเวลาห้าปีทันที! นอกจากนี้ฉันจะขอลงเงินเดิมพันตามราคาของหินหยาบก้อนนี้! แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูด มันจะไม่ง่ายแค่การจ่ายค่าหิน ฉันต้องการให้พวกคุณจ่ายมาคนละสี่แสนหยวน! และในขณะเดียวกัน พวกคุณก็เตรียมตัวหาบริษัทใหม่ไว้ได้เลย เพราะพวกคุณต้องลาออกจากบริษัทของฉัน!”

จากคำพูดทั้งหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฉินซูเจี๋ยโกรธมาก แม้ว่าการมีอยู่ของเซียนเหมาจะจำเป็นต่อบริษัท แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถพูดจาดูถูกจี้เฟิงตามต้องการได้!

แม้จะต้องเสียเงินก้อนใหญ่และต้องเสียทรัพยากรบุคคลที่มีทักษะความรู้เรื่องหิน แต่ฉินซูเจี๋ยจะไม่ยอมให้ใครมาพูดจาดูถูกจี้เฟิงซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้ว่าคำพูดเยาะเย้ยถากถางเหล่านั้นของหวงกุ้ยหยางและเซียนเหมาจะพูดถึงจี้เฟิง แต่หัวใจของฉินซูเจี๋ยกลับรู้สึกอึดอัดมาก ราวกับว่าสองคนนั้นกำลังพูดถึงญาติสนิทของเธอเอง!

เซียนเหมาและหวงกุ้ยหยางอดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี ลำพังเงินจำนวนสี่แสนพวกเขาพอจะกัดฟันวางเดิมพันได้ แต่ถ้าจะให้เอาออกมาอีกสี่แสน สำหรับหวงกุ้ยหยางแล้วแม้ว่าจะรีดเค้นออกมาหมดทุกบัญชีเขาก็ไม่มีเงินมากขนาดนั้น ส่วนเรื่องที่วางเดิมพันในตอนแรก เป็นเพราะได้รับการสนับสนุนโดยอาจารย์เหมา เขาถึงได้กล้าพูดออกมา แต่ตอนนี้ฉินซูเจี๋ยกลับขึ้นราคาอีกเท่าตัวกลายเป็นแปดแสนหยวน...

เซียนเหมาก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน เงินจำนวนแปดแสนเขาก็พอมี แต่เป็นเงินที่เขาเก็บออมจากการทำงานมาตลอดชีวิต ถ้าหากเขาแพ้การเดิมพันนี้ ก็เท่ากับว่าเขาสูญเสียทุกอย่างและไม่เหลืออะไรเลย แต่ถ้าเขาผิดคำพูดไม่ยอมวางเดิมพัน เขาก็จะไม่สามารถอยู่ในวงการพนันหินหยาบได้อีกเลยเช่นกัน...

“เซียนเหมา ถ้าหากคุณมั่นใจในสายตาและประสบการณ์ของคุณในการเล่นพนันหินก้อนนี้มาก แล้วทำไมคุณถึงได้มีท่าทีลังเลและไม่ยอมรับการเดิมพันนี้เสียทีล่ะ?” ฉินซูเจี๋ยถามด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

“อะแฮ่ม!”

เซียนเหมากระแอมไอและเชิดหน้าขึ้นก่อนจะพูดเสียงเข้ม “ทำไมฉันจะไม่กล้า เอาสิ! วางเดิมพันตามที่ประธานฉินว่ามาได้เลย! ให้เด็กมาขนย้ายหินไปเครื่องตัดหินเดี๋ยวนี้ แล้วคุณจะได้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร!”

ฉินซูเจี๋ยหันหน้าไปด้านข้างและพูดขึ้นว่า “จี้เฟิง ไปที่เครื่องตัดหินกันเถอะ!”

“หืม..”

จู่ๆจี้เฟิงก็หัวเราะ “พนันกับพวกเขา ทำไมต้องใช้หินหยาบก้อนใหญ่ขนาดนี้ด้วยล่ะ ฮ่าๆๆ ใช้นี่ดีกว่า!”

เขาเตะม้านั่งหินด้วยเท้าของเขา “ใช้แค่ม้านั่งหินตัวนี้ก็พอแล้ว การพนันน่าจะสนุกขึ้นเยอะ! และฉันก็เชื่อว่าในม้านั่งหินตัวนี้จะมีหินหยกก้อนใหญ่อยู่ ดังนั้นแค่ม้านั่งหินตัวนี้ก็เพียงพอแล้ว!”

“นาย...!”

ใบหน้าของหวงกุ้ยหยางเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เขาชี้ไปที่หน้าจี้เฟิงด้วยความโมโห “นายเอาเศษหินหยาบที่ถูกตัดทิ้งแล้วมาเล่นพนันกับเราเนี่ยนะ? มันจะไม่ดูถูกกันมากเกินไปหน่อยเหรอ? นายมันก็แค่...”

“กุ้ยหยาง!” ใบหน้าของเซียนเหมามืดครึ้มลงทันที “เขาจะใช้หินหยาบก้อนไหนในการเล่นพนันมันก็เป็นสิทธิของเขา และนอกจากนี้ม้านั่งหินนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งในราคาสี่แสน เจ้าไม่ต้องไปยุ่ง!”

หวงกุ้ยหยางสะดุ้งตกใจ แต่ก็คิดได้ในทันที และความรู้สึกยินดีก็เข้ามาแทนที่ความโมโห ชิ้นส่วนหินหยาบที่คนอื่นตัดทิ้งแล้วไม่สามารถผลิตสีเขียวได้ และความเป็นไปได้ที่จะมีเนื้อหยกอยู่ภายในก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินยิ่งกว่าหินหยาบธรรมดาเสียอีก! แต่จี้เฟิงกลับใช้ม้าหินที่ทำมาจากเศษหินหยาบที่ถูกตัดทิ้งมาวางเดิมพันกับพวกเขา ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการทำร้ายตัวเองและประธานฉิน  แต่มันจะยิ่งเพิ่มอัตราความชนะให้กับพวกเขามากขึ้นด้วย!

คนโง่เท่านั้นที่จะคัดค้านเรื่องนี้!

หวงกุ้ยหยางเม้มริมฝีปากและแอบเหลือบมองไปที่อาจารย์ของเขา และเมื่อเห็นว่าอาจารย์พยักหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

หวงกุ้ยหยางเข้าใจทันทีและแอบสะใจอย่างลับๆ เขาสูดลมหายใจลึกๆก่อนจะตีหน้าขรึมและพูดว่า “ฉินซูเจี๋ย! ฉันต้องการให้คุณรู้ว่า หากซูเหยาจิวเวลรี่ของคุณขาดฉันและอาจารย์ การดำเนินงานภายในบริษัทของคุณอาจจะต้องชะลอตัวลง เพราะคงจะยากหน่อยที่คุณจะหาวัตถุดิบมาผลิตสินค้าได้ หรือถ้าได้ก็คงเป็นวัตถุดิบที่มีราคาสูงลิ่ว และเมื่อถึงตอนนั้น ก็ช่วยขอร้องอ้อนวอนให้ไพเราะหน่อยก็แล้วกัน อย่าได้มาพ่นลมเหม็นๆแบบนี้อีก!”

“ไอ้หนุ่มน้อยหน้าขาวของคุณ จะต้องล้มเหลวอย่างน่าสมเพช!” หวงกุ้ยหยางพูดด้วยความคะนองปาก เขารู้สึกดีใจมากหลังจากที่เห็นอาจารย์พยักหน้าเมื่อครู่ ซึ่งนั่นหมายความว่าอาจารย์ได้เห็นแล้วว่าไม่มีความเป็นไปได้เลยที่มันจะมีสีเขียวในม้านั่งหิน และถ้าเป็นเช่นนั้น ไม่เพียงแต่เขากับอาจารย์จะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นอีกสามเท่า แต่ยังได้เซ็นสัญญายาวถึงห้าปีและได้เงินเดิมพันอีกสี่แสน นี่มันของขวัญที่ตกลงมาจากฟ้าชัดๆ!

ที่สำคัญกว่านั้น เมื่อฉินซูเจี๋ยรู้ว่าสายตาและประสบการณ์นี่แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการพนันหินหยาบเธอจะไม่กล้าหมิ่นประมาทและมีทัศนคติแบบนี้กับเขาอีกต่อไป เมื่อถึงเวลานั้น การดำเนินธุรกิจของบริษัทจะเป็นอย่างไรต่อไป เธอจะปรึกษาใครได้นอกจากอาจารย์และตัวเขาเอง?!

“จี้เฟิง นาย...” ฉินซูเจี๋ยเองก็เริ่มใจคอไม่ดีแล้วเช่นกัน ทำไมเขาถึงใช้หินเสียมาเล่นพนันแบบนี้ล่ะ? นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะ? ที่ฉินซูเจี๋ยกังวลไม่ได้เป็นเพราะเงินเดือนสามเท่าและเงินเดิมพันอีกหลายแสน แต่เป็นเพราะเธอกลัวว่าถ้าจี้เฟิงเกิดเสียหน้าขึ้นมา เขาจะไม่โกรธไม่เกลียดเธอแย่เลยเหรอ? เพราะเงื่อนไขการวางเดิมพันทั้งหมดนี้เธอเป็นคนเริ่ม!

จี้เฟิงยิ้มและโบกมือ “ฉันไม่ได้บอกเหรอว่าฉันพึ่งพาแต่โชคเท่านั้นในการพนันหิน แล้วมันจะสำคัญตรงไหนหากฉันจะใช้หินเสียหรือหินหยาบคุณภาพดี!”

“จี้เฟิง อย่าเข้ามายุ่งเลย เซียนเหมาและลูกศิษย์ของเขาหวงกุ้ยหยางไม่ได้เป็นคนที่จิตใจโอบอ้อมอารีนักหรอกนะ เชื่อฉันเถอะว่าคำพูดของพวกเขาไม่รื่นหูอย่างแน่นอน” ฉินซูเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า “ฉันสามารถไล่พวกเขาออกได้ แต่ฉันไม่สามารถหยุดปากพวกเขาได้!”

จี้เฟิงยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า “ไม่ต้องห่วง!”

เมื่อเห็นจี้เฟิงยังคงยืนกราน ริมฝีปากสีแดงของฉินซูเจี๋ยก็เผยอออกเล็กน้อย แต่เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เธอทำได้แค่พยักหน้าเล็กน้อย ในใจแอบเสียใจ เธอไม่น่าใจร้อนและวู่วามวางเดิมพันอะไรแบบนั้นเลย ทั้งๆที่เธอสามารถไล่เซียนเหมาและลูกศิษย์ของเขาออกได้โดยตรง ทำไมเธอถึงได้ท้าพนันพวกเขาไป... ถ้าการพนันนี้ทำให้จี้เฟิงโกรธและเสียหน้า คราวนี้เธอคง...

ในความคิดของฉินซูเจี๋ย การที่จี้เฟิงถึงกับใช้ม้านั่งหินเพื่อเล่นพนัน เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมาก แต่เธอไม่รู้ว่าถ้าจี้เฟิงใช้หินหยาบอีกก้อนที่เธอซื้อ นั่นแหละถึงจะเป็นหายนะที่แท้จริง

“เถ้าแก่ บอกให้พนักงานของคุณไปเอารถเข็นมา แล้วนำหินสองก้อนนี้ไปที่จุดตัดหิน ระหว่างนั้นฉันจะได้ชำระค่าสินค้าให้เถ้าแก่เลย” จี้เฟิงพูดพร้อมกับยื่นบัตร

เถ้าแก่เจ้าของร้านยิ้มทันที “ได้เลยๆ! ไม่มีปัญหาๆ!”

แม้เถ้าแก่เจ้าของร้านจะอยู่ในวงการค้าขายพนันหินหยกมาหลายปี การต่อสู้ด้วยการวางเดิมพันหรือแข่งประมูลก็เห็นมาไม่น้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคนเอาเงินหลายแสนหยวนมาวางเดิมพันกับเศษหินเพียงชิ้นเดียว!

เถ้าแก่ก็เลยมอบหมายให้คนอื่นมาช่วยดูแลร้านให้ ส่วนตัวเขาและพนักงานอีกหลายคนก็ช่วยกันผลักหินหยาบสองก้อนขึ้นรถเข็นและเข็นมันไปที่จุดตัดแก้หิน

“ทุกท่านโปรดหลีกทาง เราจะไปจุดแก้หิน!” เจ้าของร้านยิ้มและตะโกนว่า “เรามีเกมการเดิมพันที่นี่...”

ก่อนจะเริ่มการขนย้ายเถ้าแก่เจ้าของร้านก็ป่าวประกาศถึงเกมการพนันระหว่างจี้เฟิงและเซียนเหมาอย่างคร่าวๆให้ผู้คนโดยรอบได้รับรู้  “เอาล่ะๆ ได้โปรดหลีกทางด้วย แล้วไปเจอกันที่จุดแก้หินนะทุกคน! ไปชื่นชมความสนุกกัน~!”

เมื่อคนโดยรอบได้ยินว่าจะมีการเล่นพนัน จู่ๆก็มีเสียงฮือฮาเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขารู้ว่าจี้เฟิงกำลังจะเล่นพนันกับชิ้นส่วนของหินเสียที่ถูกตัดโดยใครบางคนมาก่อนแล้ว พวกเขารู้สึกประหลาดใจ แม้ว่าพวกเขาจะเคยเห็นคนโง่ในตลาดพนันหิน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครโง่ขนาดนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าคนที่เล่นพนันหินด้วยหินเสียในครั้งนี้พร้อมที่จะยอมรับความพ่ายแพ้!

เมื่อคนงานสองสามคนเข็นรถเข็นไปถึงจุดตัดหินใกล้ๆ จากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันยกม้านั่งหินขึ้นไว้บนเครื่องตัด และผู้ชมโดยรอบก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถึงเรื่องนี้

ท่ามกลางฝูงชนเหล่านี้ มีเพียงไม่กี่คนที่ยืนอยู่บริเวณขอบรอบนอก แต่พวกเขานั้นโดดเด่นมาก และถ้าหากจี้เฟิงได้เห็นคนเหล่านี้ จี้เฟิงจะจำได้ในทันที เพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากคุณชายทั้งห้าแห่งมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียง ยกเว้นแค่โจวซื่อหลินเท่านั้นที่ไม่ได้อยู่ที่นี่

พวกเขาสี่คนมองไปยังจี้เฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆเครื่องตัดหิน ดวงตาของซ่งหมิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความไม่พอใจ เขาแค่นเสียงด่าอย่างเย็นชา “พนันด้วยเศษหินงั้นเหรอ... ช่างเป็นคนที่โง่อะไรอย่างนี้! การเอาหินขยะไปเล่นการพนัน นอกจากจะเสียเงินแล้ว ยังทำให้ตัวเองดูโง่สุดๆอีกต่างหาก ต้องโง่ขนาดไหนกันนะถึงมาทำเรื่องแบบนี้?!”

ส่วนฮูยูจินชายผู้สวมแว่นตาขอบทองกำลังจ้องมองฉินซูเจี๋ยอย่างตะกละตะกลาม ดวงตาของเขาสว่างวาบขึ้นทันที ‘ผู้หญิงคนนี้รูปร่างโคดอวบเลย นมก็ใหญ่ ตูดก็ใหญ่!’ ความปรารถนาในหัวใจของฮูยูจินเพิ่มขึ้นทันที ผู้หญิงคนนี้เซ็กซี่ไม่น้อยไปกว่าโจวเฟยเฟยเลย!

“ผู้หญิงคนนั้น... ถ้าเธอไม่ใช่ผู้หญิงของไอ้สารเลวจี้ ฉันจะต้องเอาเธอมาให้ได้!” ดวงตาของฮูยูจินฉายแววความโลภและความหื่นกระหาย “หรือต่อให้เธอเป็นผู้หญิงมัน ฉันก็ต้องได้!”

ในเวลาเดียวกัน โจวเฟยเฟยที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งของฝูงชนก็มีแสงปรากฏขึ้นในดวงตาคู่งามของเธอและอดไม่ได้ที่จะพูดเบาๆกับตัวเองว่า “ไม่แปลกใจเลยที่ว่าทำไมวันนั้นเขาถึงได้ใจแข็งนัก นอกจากถงเล่ยแล้วเขายังมีผู้หญิงอีกมากมาย และผู้หญิงคนนี้... ก็ถือว่าสวยใช้ได้! ช่างเป็นผู้ชายเจ้าชู้ที่เก็บทรงเก่งจริงๆ นับว่าเป็นเรื่องดี!”

…จบบทที่ 601~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด