ตอนที่แล้วKing X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 274 ไข่นกเพลิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปKing X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 276 ตกลง

King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 275 ผลการรายงาน


กำลังโหลดไฟล์

ตอนที่ 275 ผลการรายงาน

เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องของลาฟเชียร์ก็เห็นว่าประตูห้องไม่ได้ผิดอยู่ผมก็เดินเข้าไปแบบไม่ได้เคาะประตู แล้วเมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นลาฟเชียร์กำลังยืนมองมาทางผมอยู่ด้วยใบหน้าแบบเดิม และเอเนเชียร์ที่อยู่ในเวทย์ติดต่อที่เป็นเหมือนกับกระจกกลางอากาศที่ให้เพียงใบหน้าของเธอเท่านั้น เห็นแบบนั้นผมก็เดินไปยังเวทย์ติดต่อแล้วเริ่มถามเอเนเชียร์ทันที

"เป็นยังไงบ้าง?"

"จะว่าเรียบร้อยมันก็เรียบร้อยแหละ แต่ทางข้าเองก็ลำบากเหมือนกัน"

ใบหน้าของเอเนเชียร์ระหว่างตอบดูเศร้ามาก ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเธอต้องกำลังหนักใจอะไรอยู่

"ลำบากยังไง"

"ก็ทางราชาเอลฟ์เสนอเงื่อนไขมานะสิ ว่าให้ข้าหมั้นกับองค์ชายเรเดียร์..."

"ดีจัง!"

เสียงลาฟเชียร์ดังขึ้นมาแบบดีใจ ได้ยินแบบนั้นผมก็หันหลังไปมองเธอก็พบว่ากำลังยิ้มอย่างชอบใจอยู่ เหอะๆ สำหรับเธอมันอาจจะเป็นเรื่องดีแต่ถ้าสำหรับเอเนเชียร์มันคนละเรื่องเลยนะ อยากจะพูดกับเธอแบบนี้จริงๆ แต่ก็ไม่ได้พูดไปแล้วหันไปหาเอเนเชียร์อีกครั้ง

"เธอต้องการแบบนั้นไหมละ"

ถึงถามไปแบบนั้นก็เถอะแต่ผมก็รู้คำตอบอยู่แล้ว

"ไม่เลย!"

"ถ้างั้นก็ไม่ต้องไปทำอะไรแบบนั้นหรอก แล้วก็เดินทางมาที่ประเทศเมซัสได้เลยเพราะทางข้ามีงานใหม่ให้ทำ"

"แต่ถ้าทำแบบนั้น..."

เอเนเชียร์พูดเสียงอ่อนเพราะตัวเธอรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ดีเลยแสดงท่าทางแบบนั้นออกมา แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอก กะแค่ราชาเอลฟ์คนเดียวยังไงก็ต้องยอมตกลงด้วยในการเข้าร่วมแน่ถ้าทั้งสี่ประเทศยอมตกลง หึ!

หลังจากที่พูดไปผมก็อธิบายเหตุผลต่างๆ ให้กับเอเนเชียร์ฟังอีกครั้ง โดยครั้งนี้ผมได้วางแผนเอาไว้แล้วเลยสามารถทำให้เธอเชื่อได้ว่าผมพูดเป็นเรื่องจริง ร่วมถึงเรื่องที่เรียกตัวเธอมาประเทศเมซัสด้วยเช่นกัน เพราะผมรู้ดีว่าถ้าขุนนางต่อต้านราชวงศ์ภายในประเทศแล้วมันจะเป็นยังไง เพราะในซาติก่อนผมได้เจอมาเยอะมากกับจุดจบพวกขุนนางแบบนั้น และถึงแม้ว่าเอเนเชียร์จะเป็นหลานของแลนด์กรีสแล้วทำให้พวกราชวงศ์เอลฟ์ไม่สามารถทำอะไรเธอได้ก็จริง

แต่ว่า

ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเล่นงานอย่างอื่นไม่ได้อย่างเช่นการกดดันทางงานสังคม หรือกดดันทางด้านต่างๆ จนทำให้เอเชียร์รับไม่ไหว เพราะแบบนี้การให้เธอมาประเทศเมซัสแล้วช่วยเหลือทาร์เลียในการกวาดล้างองค์กรฮาเดสจึงเป็นทางเลือกที่ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก

เมื่อคุยเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเอเนเชียร์ตัดการสื่อสารไป ส่วนผมก็หันไปหาลาฟเชียร์ต่อ

"ลาฟเชียร์!"

"ค่ะ?"

"ข้าได้ยินมาแล้วนะเกี่ยวกับเรื่องการดูตัว แต่ก่อนจะพูดต่อจากนี้ขอถามก่อนเลยก็แล้วกันเพราะยังไงตอนนี้เธอก็ไม่ใช่เด็กแล้วจริงไหม"

"แล้วมันยังไงคะ..."

"หมั้นกับข้าแทนดีกว่า!"

"เอ่ะ?!?!?"

ใบหน้าของเอเนเชียร์เต็มไปด้วยความแปลกใจ และสงสัยมองมาที่ผม ผ่านไปสักพักเธอก็ร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัวน้ำตาที่ไหลออกมาค่อยๆ ตกลงพื้นด้านหน้าช้าๆ ทีละหยดสองหยด เอาตามตรงตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูกเลยจริงๆ ปกติแล้วมันไม่น่าจะเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือไง เธอต้องดีใจแล้วตอบตกลงมาสิ ทำไมร้องไห้ออกมาแบบนั้น???

"ปะ เป็นอะไรไป ขะ ข้าไม่ได้บังคับนะถ้า-"

"ค่ะ"

เอเนเชียร์ตอบขณะที่เอามือทั้งสองข้างปาดน้ำตาอยู่ แต่คำตอบของเธอมันก็ยังยืนยันไม่ได้อยู่ดีว่าสรุปแล้วจะตกลงหรือไม่ตกลงกันแน่ เฮ้อ~

"สรุปคือตกลงใช่ไหม"

"อื้ม..."

เอเนเชียร์พยักหน้าขึ้นลงด้วยระหว่างตอบ

หลังจากนั้นผมก็เริ่มอธิบายเรื่องที่ต้องทำให้กับเธอฟังเพราะถึงบอกไปแบบนั้นก็ตามแต่ตอนนี้ผมก็ยังทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะยังมีเรื่องของพวกทวีปลึกลับที่ต้องจัดการอีกจึงให้เธอรอเวลาอีก 3 ปี หลังจากเรื่องทั้งหมดจบเรียบร้อยจึงจะเริ่มดำเนินการต่อ ส่วนเหตุผลก็เป็นเพราะว่าสำหรับขุนนางผู้หญิงแล้วการหมั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการแต่งงานกันหรอก เพราะผู้ชายกับผู้หญิงสามารถมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันได้[ตามกฎของประเทศ] แล้วก็เพราะเหตุผลแบบนั้นแหละผมเลยไม่ประกาศออกไป เพราะถ้าทำสงครามกับพวกทวีปลึกลับแล้วเกิดผมเป็นอะไรไปลาฟเชียร์ก็จะไม่มีคู่หมั้น พอเป็นแบบนั้นต่อให้เธอสวยขนาดไหนแต่ถูกมองว่าเป็นของมือสองพวกขุนนางก็ไม่มีใครสนใจเธอกันหรอก ด้วยเหตุผลนี้ผมก็เลยต้องอดใจเอาไว้อีก 3 ปี

เฮ้อ~

เสียดายเหมือนกันนะ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด