ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 33 ระดับสาม!?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 35 จัดฉากสร้างแพะ

MDB ตอนที่ 34 เผือกร้อน


กำลังโหลดไฟล์

ภายในห้องประเมินของเกาเจียง สมาคมประเมินสัตว์วิเศษ

"เจ้าว่าอะไรนะ!?" เกาเจียงลุกขึ้นจากเก้าอี้และสอบปากคำจางเฮอที่มารายงานกับเขาว่า “สิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริงงั้นหรือ? แม้แต่คนอย่างหลู่หยุนเหอก็ยังทำอะไรหลินจินไม่ได้!”

"มันเป็นความจริงขอรับ ข้าเห็นกับตา!“จางเฮอมั่นใจ”ผู้ประเมินเกา ข้าเองก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน หลู่หยุนเหอมาอย่างดุดัน กระทั่งเตะประตูห้องปรึกษาของหลินจินเข้าไปแต่ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แต่เมื่อเขากลับออกมา ไม่เพียงแต่เขาจะไม่โกรธหลินจินเท่านั้น แต่เขายังเรียกหลินจินว่า 'ผู้ประเมินหลิน' อย่างเคารพอีกด้วย แม้แต่ข้าเองก็ยังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน”

เกาเจียงครุ่นคิดก่อนที่จะโบกมือ "ไม่เป็นไร หลู่หยุนเหอเป็นคนใจร้อนและโง่งม เขาต้องถูกหลอกโดยคำพูดที่หวานหูของหลินจินแต่ทักษะการโน้มน้าวใจไม่สามารถเทียบได้กับทักษะการประเมินที่แท้จริงได้ หลินจินจะต้องถึงจุดจบไม่ช้าก็เร็ว”

จางเฮอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่เขาไม่กล้าพูดเพิ่มเติม

“จางเฮอ เจ้าเคยเป็นลูกศิษย์ของหลินจิน ดังนั้นเจ้าควรจะรู้ถึงความสามารถของเขาดีที่สุด ถ้าเขาเก่งจริง เจ้าคงไม่เปลี่ยนอาจารย์หรอกใช่ไหม?” เกาเจียงกล่าว

จางเฮอพยักหน้าอย่างรวดเร็วและเห็นด้วยกับสิ่งที่เกาเจียงกล่าวมา บางทีอาจเป็นคำถามที่ช่วยให้เขาฟื้นคืนความมั่นใจ เขาเคยเป็นลูกศิษย์ของหลิน หลังจากติดตามหลินจินไปทุกหนทุกแห่ง จางเฮอจึงรู้ความสามารถของชายคนนี้ดีที่สุด

พูดง่าย ๆ ก็คือ ผู้ชายตรงหน้าเป็นคนขี้ระแวงจึงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

“หัวหน้าหวังจีได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อคณะกรรมการ โดยขอให้เพิกถอนหลินจินจากตำแหน่งผู้ประเมินสัตว์วิเศษอย่างเป็นทางการ ผลลัพธ์ควรจะออกในไม่ช้า เมื่อถึงเวลานั้น แกะดำอย่างหลินจิน จะต้องเก็บกระเป๋าและหายตัวไป” จางเฮอกล่าว

ดวงตาของเกาเจียงเป็นประกาย นี่เป็นข้อมูลที่เป็นความลับอย่างชัดเจน ถ้านี่เป็นเรื่องจริง ช่วงเวลาสุดท้ายของหลินจินกำลังจะมาถึงแล้ว

ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นนอกประตู

“ผู้ประเมินเกา หัวหน้าหวังจีต้องการพบท่าน หัวหน้าหวังบอกว่ามีเรื่องเร่งด่วน!”

...

ภายในห้องประเมินของหัวหน้าสมาคมประเมินสัตว์วิเศษ ชายที่มีหนวดเล็ก ๆ หวังจี เขากำลังสนทนาอย่างเป็นมิตรกับชายสูงอายุ

“พ่อบ้านจั่ว ท่านยังแข็งแกร่งเหมือนเคย ตอนนี้ท่านเจ้าเมืองเต็มไปด้วยเกียรติที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อชื่อเสียงของท่านเจ้าเมืองเพิ่มสูงขึ้น ท่านก็ต้องได้ดีไปพร้อมกับท่านเจ้าเมืองอย่างแน่นอน”

หวังจีให้ความสำคัญกับชายชราคนนี้เป็นอย่างมาก

ชื่อของเขาคือจั่วเหวินถัง หลังจากรับใช้กองทัพเป็นนายทหารในสมัยที่เขายังเด็ก ตอนนี้เขาเป็นเสนาบดีหลักและพ่อบ้านของเจ้าเมืองเมเปิ้ลทำให้สถานะของเขาอยู่เป็นอันดับสองรองจากเจ้าเมือง

ที่นั่งข้าง ๆ จั่วเหวินถังเป็นเสือโคร่งสีรุ้งที่เกือบสูงพอ ๆ กับมนุษย์ มันมีกลิ่นอายของราชาอสูรผู้ยิ่งใหญ่

“ข้าขอรับคำพูดของหัวหน้าหวังอย่างจริงใจ ที่ข้ามาเยี่ยมท่านอย่างกะทันหันเพราะว่าท่านเจ้าเมืองได้ค้นพบไข่สัตว์อายุหลายศตวรรษเมื่อเช้านี้ที่โบราณสถาน เราต้องการให้หัวหน้าหวังประเมินพวกมันเพราะท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้”

แม้ว่าเขาจะอายุมากแล้วแต่จั่วเหวินถังก็ยังเต็มไปด้วยพละกำลังวังชาและมีออร่าที่ท่วมท้น

เขากำลังพูดถึงไข่หลายสิบฟองที่วางอยู่ตรงหน้าเขา

ไข่เหล่านี้มีขนาดแตกต่างกันทั้งหมด โดยขนาดใหญ่สุดมีขนาดเท่าลูกแตง ส่วนขนาดเล็กที่สุดเทียบได้กับกำปั้น เมื่อแสงสาดส่องมาที่พวกมัน เราอาจมองเห็นของเหลวที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในได้อย่างชัดเจน

เห็นได้ชัดว่าไข่ยังมีชีวิตอยู่

สำหรับพันธสัญญาโลหิตของโลกนี้ ถ้าพันธสัญญาโลหิตเกิดขึ้นก่อนการฟักไข่ของสัตว์ ระดับของสัญญาและศักยภาพของสัตว์วิเศษจะแข็งแกร่งขึ้น

แต่เห็นได้ชัดว่า เราต้องประเมินก่อนว่าในไข่นั้นเป็นสัตว์ชนิดใด

บางคนก็บอกว่านี่ไม่ใช่ไข่สัตว์วิเศษ เนื่องจากรูปร่างหน้าตาที่ผิดปกติ การประกาศนี้เป็นไปตามข้อกำหนดภายนอกและรายละเอียดปลีกย่อยบางส่วน อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ใช่ไข่สัตว์วิเศษทั่วไป

ในฐานะหัวหน้าสมาคมประเมินสัตว์วิเศษของเมืองเมเปิ้ล หวังจีเป็นคนที่มีประสบการณ์มากอย่างยาวนาน เขาเปิดปากพูดขึ้นว่า

“ในการศึกษาสัตว์วิเศษ ด้วยการมีอยู่ของธาตุทั้งห้าบนโลก ร่วมกับความมืดและแสงสว่าง เมื่อผสมกับไข่ มันจะสร้างสายพันธุ์ที่หลากหลาย ขนาดที่นี่แตกต่างกันทั้งหมดและยากที่จะบอกได้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พวกมันดูดซับพลังจิตวิญญาณของโลกและแก่นแท้ของแสงจันทร์แล้ว ด้วยพลังงานต่าง ๆ ที่ผสมเข้าด้วยกัน…พ่อบ้านจั่ว ท่านมอบหมายงานที่ยากลำบากให้แก่ข้า”

ในขณะที่เขาพูดอย่างมีคารมคมคาย หวังจีก็สบถอยู่ในใจของเขา

'ไข่ที่กลายพันธุ์แบบนี้ประเมินยากชะมัด และไม่ใช่ว่าพวกแกก็ไม่รู้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ แต่เจ้าเอามันมาที่นี่อยู่แล้วขอให้ข้าประเมินมัน จะให้ข้าทำอย่างไร? แกทำให้ข้าลำบากไม่รู้ตัวบ้างหรือไง?'

แต่หวางจีไม่สามารถพูดแบบนั้นได้เพราะแขกของเขาเป็นตัวแทนของท่านเมืองแห่งเมืองเมเปิ้ล

จั่วเหวินถังเป็นคนฉลาด เขาหัวเราะและตอบว่า “แน่นอน เพราะมันยากที่ฉันจะหาได้เพียงท่านเท่านั้น ท่านควรรู้ว่าท่านเจ้าเมืองไม่ได้วางแผนที่จะจับไข่กลายพันธุ์เหล่านี้โดยเฉพาะ อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของเจ้าชายหรง เจ้าเมืองวางแผนที่จะนำไข่พวกนี้ให้เป็นของขวัญ แต่เราไม่สามารถส่งพวกมันไปทั้งอย่างนี้ได้ พวกมันจะต้องมีรายงานการประเมินไปกับมันด้วยเท่านั้น”

เขาเพียงแต่กล่าวถึงความสำคัญของเรื่องนี้ หากแปลงสิ่งที่เขาพูดตรง ๆ เขาจะพูดว่า

'ข้ารู้ว่ามันยากเหมือนกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ามาหาเจ้าเพราะเจ้าเป็นหัวหน้าสมาคมประเมินสัตว์วิเศษแห่งเมืองเมเปิ้ล'

หวังจีหัวเราะในการตอบสนอง แต่สาปแช่งภายในอย่างบ้าคลั่ง

อย่างไรก็ตาม เขาลุกขึ้นและไปดู บางทีเขาอาจจะแค่พบร่องรอยของเบาะแส เขาใช้เครื่องราง ตราประทับหรือแม้กระทั่งนำเครื่องมือพิเศษออกมาเพื่อประเมินสัตว์วิเศษ

หลังจากนั้นไม่นาน หน้าผากของหวังจีก็เต็มไปด้วยเหงื่อ

เมื่อจั่วเหวินถังสังเกตเห็น เขาก็ตระหนักดีว่างานนี้ยากเพียงใด อย่างไรก็ตาม เขามีงานสำคัญที่ต้องดูแล ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถอยู่ดูหวังจีในขณะที่ประเมินไข่กลายพันธุ์ได้

“หัวหน้าหวัง ข้าจะทิ้งไข่ที่กลายพันธุ์ทั้ง 11 ฟองไว้ที่นี่และมาหาท่านอีกครั้งในเช้าวันพรุ่งนี้ ถึงตอนนั้นท่านจะต้องให้รายงานการกับข้า ข้าคาดหวังกับท่านมาก หวังว่าท่านจะทำสำเร็จ” จั่วเหวินถังกล่าวอย่างยินดีและกำลังจะจากไป

ในขณะเดียวกัน หวังจียังคงสาปแช่งเขาอยู่ภายใน

หลังจากที่เห็นจั่วเหวินถังออกไปแล้ว หวังจีก็หยุดบริการให้คำปรึกษาของเขาในวันนี้เพราะเรื่องนี้มันสำคัญกว่าอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม เขาตระหนักได้ว่าความรู้ของเขาไม่เพียงพอสำหรับงานนี้

หวังจีรีบเช็ดเหงื่อให้เกาเจียงอย่างรวดเร็ว ความคิดของเขาเรียบง่าย แม้ว่าเขาจะต้องแบกรับความรับผิดชอบ เขาก็จะไม่แบกรับมันเพียงลำพัง

ดังนั้น เกาเจียงจึงถูกเรียกตัวมาอย่างเร่งด่วน

หลังจากชี้แจงสถานการณ์แล้ว เกาเจียงก็สาปแช่งในใจขึ้นมาทันที

‘หนอย ไอ้แก่! นี่มันเผือกร้อนชัด ๆ ไม่ว่าใครก็รู้ว่าไข่กลายพันธุ์ประเมินยากที่สุดและลูกค้าจะกลับมาฟังผลในวันรุ่งขึ้นด้วย นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่นะ?’

อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางเลือก เกาเจียงไม่สามารถหลบหนีได้เมื่อหวังจีเป็นคนลากเขาเข้ามา ท้ายที่สุดเขาก็เป็นผู้ประเมินทางการของสมาคม

“ไปเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์มาให้ข้า!”

“ไปเอากระจกวิญญาณมาและถือมันมาอย่างระวังด้วย!”

เพื่อไม่ให้เสียเวลาอีกต่อไป หวังจีกับเกาเจียงต่างทำงานร่วมกัน ระดับความยากของการประเมินนี้อยู่ในขั้นสูงสุด พวกเขาทำได้เพียงทุ่มสุดตัวและพยายามอย่างเต็มที่

ชายทั้งสองมีเครื่องมือและวัสดุหายากหลายอย่างสำหรับการประเมินสัตว์วิเศษ

ตัวอย่างเช่น น้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งมีค่า เกาเจียงมีเพียงเล็กน้อยและถูกบังคับให้ใช้ในสถานการณ์นี้

ในขณะเดียวกัน กระจกวิญญาณเป็นเครื่องมือที่มีค่าที่สุดของหวังจี สมบัติชิ้นนี้ประเมินค่าไม่ได้ มันเป็นของขวัญจากอาจารย์ของเขาเมื่อหลายปีก่อน กระจกขนาดเล็กนี้สามารถสะท้อนถึงคุณสมบัติที่แท้จริงได้ ทำให้มีประโยชน์มากในการประเมินสัตว์วิเศษ

เมื่อสิ่งของมาถึงแล้ว พวกเขาก็เริ่มการประเมินในขณะที่พูดคุยกันถึงข้อมูลต่าง ๆ

ทว่าในยามพลบค่ำ พวกเขาสามารถประเมินไข่ได้เพียงสองในสิบเอ็ดฟองเท่านั้น พวกเขาเหนื่อยจนเหงื่อท่วมหน้าผากทั้งสองข้าง

ไม่ต้องสงสัยเลย แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้กินหรือนอนแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะประเมินไข่ที่กลายพันธุ์อีกเก้าฟองที่เหลือให้เสร็จในวันรุ่งขึ้น งานนี้ถูกกำหนดให้ล้มเหลว

แม้ว่าเจ้าเมืองจะไม่ลงโทษพวกเขาสำหรับความล้มเหลวนี้ เขาจะไม่พอใจอย่างแน่นอนและเจ้าเมืองก็มีอิทธิพลมากกว่าใครในเมืองเมเปิ้ล ดังนั้นหวังจีจึงอารมณ์ไม่ดีด้วยเหตุนี้

“หัวหน้า เราไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้ ผู้ประเมินทุกคนรู้ดีว่าการประเมินไข่กลายพันธุ์เป็นเรื่องยาก งานนี้ต้องใช้เวลาและประสบการณ์ มันยากพอสำหรับเราที่จะประเมินสองคน อย่างน้อยเราก็ควรมีอะไรให้พวกเขา” เกาเจียงกล่าวอย่างอ่อนแรง

'แม้ว่านี่จะล้มเหลวแต่เจ้า หวังจี ผู้เป็นหัวหน้าสมาคมประเมินสัตว์วิเศษจะต้องรับผิดชอบส่วนใหญ่'

หวังจีปาดเหงื่อบนหน้าผากของเขา สีหน้าของเขามืดมน “แม้ว่าจะเป็นความจริงแต่เราก็ยังทำงานไม่เสร็จ หากเราสามารถประเมินได้อีกสักสองสามใบ นั่นจะช่วยเราเผชิญหน้ากับพวกเขาได้ จริงสิ ข้าจะใส่ชื่อของเราทั้งสองในรายงานการประเมินทั้งสองนี้”

เกาเจียงสาปแช่งอยู่ข้างใน หากการประเมินไม่ถูกต้อง เขาก็ต้องรับผิดชอบด้วยแต่ถ้ามันถูกต้อง เขาก็สามารถรับความดีความชอบแทนได้

อย่างไรก็ตาม การบรรลุความรุ่งโรจน์ยังไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ ท้ายที่สุด การประเมินเพียงสองในสิบเอ็ดยังคงเป็นผลลัพธ์ที่น่าอับอาย

‘ตอนนี้ไม่ควรมองหาผลประโยชน์ ควรจะทำอะไรก็ได้ให้รอดจากสถานการณ์นี้’ เกาเจียงคิด จากนั้นเขาก็มองไปที่ไข่ที่กลายพันธุ์ที่เหลืออยู่

“แล้วไข่พวกนี้ล่ะ? เราไม่สามารถส่งคืนได้หากไม่มีรายงานการประเมิน เราจะทำอย่างไรกับพวกมันดี?”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด