ตอนที่แล้วระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 12 ถูกปลุกพลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 14 ผู้ตรวจการ

ระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 13 ความฝัน


“ว่าแต่ เรามาที่นี่ทำไม ผมต้องการที่จะฝึกต่อ แม่ทำผมเสียเวลานะ”

วาเรี้ยนในวัยเด็กเหลือบมองเด็กๆที่กำลังเล่นอยู่ในสนามเด็กเล่นด้วยความรังเกียจ

และถามอแมนด้าด้วยท่าทีที่แสดงออกถึงความรำคาญ

'สมัยฉันยังเด็กยังงั้นหรอ ... ?'วาเรี้ยนสมเพศตัวเองที่ทำพฤติกรรมแบบนั้นสมัยเด็ก

เขาหมกมุ่นอยู่กับการฝึกเป็นอย่างมากหลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิต

เขายอมเสียชีวิตทางสังคมทั้งหมดมาระยะหนึ่งแล้วและเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แต่ในช่วงวัยรุ่นเขาไม่ใช่คนที่ต่อต้านสังคมอีกต่อไป

'แต่ฉันจำไม่ได้ว่าเคยมาที่นี่ ฉันลืมไปเพราะฉันยังเด็กอยู่หรือเปล่านะ'

วาเรี้ยนสังเกตป้ายของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและหุ่นยนต์ดูแลเด็ก

เด็กๆ สนุกสนานกับการเล่นเกม VR มันคล้ายกับเกมของโลกเก่า ที่เขาจะจับสัตว์ในจินตนาการบนเครื่องของเขาเอง

"วาเรี้ยนแม่ไม่สามารถอยู่กับลูกได้ตลอดเวลานะ ดังนั้นแม่อยากหาใครสักคนที่จะเป็นจะสามารถอยู่กับลูกได้ วันนี้ลูกจะเลือกใครซักคนและจะต้องดูแลพวกเขาอย่างดี เข้าใจไหม" อแมนด้าก้มลงมาขยี้ผมของวาเรี้ยนแต่เขากลับส่ายหน้า

“ผมดูแลตัวเองได้ ผมจะเป็นผู้กอบกู้ทำไมผมยังต้องการใครสักคนด้วยหรอ?”

วาเรี้ยนรู้สึกหงุดหงิดเพราะคิดว่าจะต้องมีใครสักคนมาอยู่กับเขาและเขาต้องปกป้องคนคนนั้นตลอดเวลา

'ไม่นะ. นี่คือจริงงั้นหรอ? บางทีแม่อาจจะไม่ได้พาใครกลับไปนะ ฉันโตมาคนเดียวนี่' วาเรี้ยนคิด

'แต่... นี่อาจจะเป็นความฝันมากกว่าความทรงจำก็ได้ อันที่จริงมันน่าจะเป็นความฝัน' เขาส่ายหัวและไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร

“ลูกต้องจำสิ่งนี้ไว้ วาเรี้ยนลูกไม่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างเพียงลำพัง จะมีคนมาแบ่งเบาภาระของลูกและในทางกลับกัน ลูกควรแบ่งปันภาระของพวกเขาเข้าใจไหม?”

อแมนด้านั่งบนม้านั่งและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

'ลูกยังจำพ่อได้อยู่สินะ' วาเรี้ยนจำพ่อได้ไม่มาก

เขาเป็นผู้พิทักษ์ดาวเคราะห์แต่ด้วยการทำหน้าที่ที่ดีเยี่ยมของเขาทำให้เขาได้เลื่อนขั้นไปอยู่กับกองกำลังหลัก

เขาจำได้ว่าแม่ของเขาบอกว่าพ่อของเขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ เขาไม่เคยยอมแพ้

“งะง...งั้น แต่ผมจะทำหน้าที่เป็นผู้กอบกู้เอง คนอื่นรับหน้าที่อื่นของผมแทนก็ได้ เช่น ไปโรงเรียน ใช้ชีวิตในสังคมและนอนหลับ” ดวงตาของวาเรี้ยนเป็นประกาย และเขาก็เห็นด้วย

“จริงเหรอ...” อแมนด้าและวาเรี้ยนต่างพยักหน้าและถอนหายใจ

วาเรี้ยนรู้สึกประหม่าและเขินอายอย่างไม่น่าเชื่อ เขามีวิธีคิดที่แปลกจริงๆ

วาเรี้ยนวัยเด็กมองไปรอบๆ และเดินผ่านเด็กๆ เด็กเหล่านี้รู้ว่าครอบครัวของวาเรี้ยนมารับเลี้ยงบุตรบุญธรรมและทุกคนก็ร้องเรียกเขาอย่างไม่ขาดสาย

แต่เขาเพิกเฉยต่อเด็กที่ชื่นชอบทั้งหมดและเขาหยุดเดินเมื่อเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ

อายุเท่าเขาเธอมีผมสั้นสีน้ำตาลและตาสีทอง ไม่มีใครอยู่รอบตัวเธอ เธอดูน่ารักมากอันที่จริงวาเรี้ยนไม่เคยเจอเด็กผู้หญิงที่น่ารักขนาดนี้มาก่อน

'ฉันตอนเด็กคงจะไม่ใช่พวกที่เข้าไปบอกว่าฉันจะปกป้องเธอเองหรอกนะ ใช่ไหม? ไม่หรอก เด็กอายุ 11 ขวบจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง' วาเรี้ยนสงสัย

“เธอมากับฉันสิ ฉันจะปกป้องเธอตลอดไป”

'พรื้ดดด'วาเรี้ยนเกือบสำลักน้ำลายในขณะที่เขารู้สึกว่าใบหน้าของเขาตอนเด็กนั้นไม่มีความรู้สึกเขิลหรืออายอยู่เลย

'มีคำพูดมากมายที่พูดแล้วจะดีกว่านี้ ทำไมฉันถึงพูดแบบนั้น? ฉันเป็นไอ้พวกโรคจิตติดการ์ตูนหรือเปล่านะตอนเด็ก?' วาเรี้ยนอยากให้เรื่องนี้เป็นความฝัน

เด็กหญิงตัวเล็กๆ มองเขาอย่างสงสัยและไม่ตอบ

"มาคุยกันเถอะ" วาเรี้ยนวัยเด็กพูดแล้วเดินตื้อตามเธอ

วาเรี้ยนยังอยากรู้ว่าตัวเองในตอนเด็กจะทำอะไรต่อไป

ต่อให้เรื่องนี้จะเป็นความฝัน แต่เขาก็อยากรู้ว่าตัวเองจะทำอะไรต่อไป

“เลิกเมินฉันเถอะมาคุยกัน แม่ขอให้ฉันเลือกใครซักคนมาอยู่กับฉัน ถ้าหากว่าเธออยู่ที่นี่ต่อไปเธอจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวต่อไปนะเพราะผู้หญิงทุกคนคิดว่าเธอน่ารักเกินไปและไม่อยากยุ่งกับเธอและพวกนั้นจะปล่อยเรื่องเสียๆหายๆของเธอกับพวกคนที่จะมารับเลี้ยงเธอนะ เธออาจจะไม่มีใครมารับเลี้ยงเธอนะ”

แต่สิ่งนี้ยังหมายความว่าเธอจะรู้คุณค่าของความเป็นเพื่อนมากกว่าใครๆ ถ้าฉันต้องใช้เวลากับใครสักคนฉันจะใช้เวลากับใครสักคนที่รู้คุณค่าของมัน” วาเรี้ยนพูดอย่างจริงจัง

'โว้ว! ฉันตอนเด็กฉลาดจริงๆ ไม่ตอนนี้ฉันก็ฉลาดอยู๋ แต่ตอนนี้ฉันตายแล้ว'

วาเรี้ยนไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไรเกี่ยวกับตัวเองที่ตอนเด็กที่อายุเท่านี้ในความฝันนี้ แต่เขาเข้าใจกับอดีตของวาเรี้ยนวัยเด็กได้อย่างดีแล้วตอนนี้

“ถ้าเราทะเลาะกันล่ะ เธอจะขอให้แม่ปฏิเสธฉันไหม” เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ พูดคำแรกของเธอด้วยเสียงสั่นกลัวของเธอ

"ไม่แน่นอน! แม่ของฉันคิดว่าฉันต้องการใครสักคนที่ทำให้ฉันไม่เหงา แต่ฉันคิดว่าเธอต้องการใครสักคนเหมือนกันเพราะฉันใช้เวลาทั้งวันเพื่อการฝึก"

'ตอนนี้ฉันดูเป็นผู้ใหญ่มาก ฉันภูมิใจในรอยยิ้มของตัวเอง' วาเรี้ยนหยุดนิ่งเมื่อได้ยินคำพูดถัดไป

“นอกจากนี้ การปฏิเสธไม่ยอมรับเธอจะทิ้งรอยเปื้อนไว้ในอัตชีวประวัติของฉัน ผู้คนจะพูดอะไรเมื่อพวกเขาอ่านประวัติของจักรพรรดิผู้กอบกู้และไร้เทียมทาน และตระหนักว่าเขาบังคับให้แม่ของเขาให้ปฏิเสธเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ฉันจะไม่เสี่ยงต่อชื่อเสียงของฉัน” วาเรี้ยนวัยเด็กดูเร่าร้อนและตบหน้าอกของเขาอย่างมั่นใจ

“ฮะฮ่า... ฮ่าๆๆๆ” เธอขำจนน้ำตาเล็ด เสียงหัวเราะของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ

"ไร้เทียมทาน ผู้กอบกู้ และจักรพรรดิ ทั้งสามตำแหน่งมีไว้สำหรับวีรบุรุษแห่งยุคนี้ไม่มีใครเคยได้ชื่อแบบนั้นพร้อมกันทั้งสามอันหรอกนะ แต่เธอต้องการเสียงนั้นทั้งหมดยังงั้นหรอ"

เธอปาดน้ำตาจากหางตาและมองมาที่เขาด้วยความอยากรู้และสนุกสนาน

'ให้ตายเถอะ แต่ว่าตอนนี้ฉันนะตายไปแล้วหน่ะสิ' วาเ้รียนเหน็บและกัดฟัน

แต่เขารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่เขาเชื่ออย่างแท้จริงในวัยเด็กของเขา เขายังมีวิดีโอเพื่อฝึกพูดบทในวันที่เขาจะได้รับชื่อทั้งสามชื่อต่อหน้าผู้คนอีกด้วย

'ให้ตายสิความฝันนี้ ขนาดหลังความตายฉันยังต้องเผชิญกับความฝันอันเลวร้ายนี้' เขาถอนหายใจ

“เมื่อฉันได้รับชื่อเสียงทั้งหมดนั้น ฉันจะมีเธออยู่เคียงข้างและให้เธอเป็นพยานในทุกสิ่ง มาดูกันว่าตอนนั้นเธอจะหัวเราะได้อยู่ไหม”

วาเรี้ยนวัยเด็กหันหน้าไปหาเธอและยิ้มอย่างพอใจ ราวกับว่าเขาพบวิธีที่จะทำให้เสียงขำของเธอหายไป

'ดีมาก ไม่ ฉันหมายความว่าโง่ วาเรี้ยนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่เขาก็ชอบฉากประหลาดๆ นี้

“ตกลง ฉันเชื่อในตัวเธอ แล้วถ้าหากเราทะเลาะกันเราจะทำอย่างไงกันละ” เด็กหญิงตัวน้อยเดินไปหาวาเรี้ยนในวัยเด็กและเอียงหันถาม

“งั้นฉันให้สัญญา ไม่ว่าเหตุผลที่เราทะเลาะกันจะเป็นยังไง เราต้องเข้าใจเหตุผลของอีกฝ่ายพูดคุยกันอย่างเปิดใจ” เสียงที่แผ่วเบาดังขึ้น และอแมนด้าก็สังเกตเห็นเด็กสาวคนนั้น

"แม่! เรากำลังคุยกันอยู่" วาเรี้ยนวัยเด็กร้องไห้และปกป้องเด็กสาวจากการจ้องมองของแม่

“แม่ไม่คิดว่าลูกจะมีเพื่อนไวขนาดนี้นะเนี้ย แม่ไม่จับเธอกินหรอก ไอ้หนู” อแมนด้าหัวเราะคิกคัก

"แม่อาจจะทำให้เธอกลัวก็ได้" วาเรี้ยนวัยเด็กพึมพำและแม่ก็เดินไปข้างเธอ

“เอาล่ะสาวน้อย เธอสัญญาได้ไหม” อแมนด้าตบผมสีน้ำตาลของเธอเบาๆแล้วถามว่า

“แม่ครับ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างเพื่อน แม่อย่าเข้ามายุ่งมันน่าอายมาก”

วาเรี้ยนผลักแม่ของเขาเบาๆ และขอให้เธอออกไปก่อน อแมนด้าเดินออกไปพร้อมกับทำหน้ามุ๋ย

'สิ่งที่เธอพูดก่อนหน้านี้ไม่อายเลยเหรอ' วาเรี้ยนส่ายหัวและหันความสนใจไปที่เด็กหญิงตัวน้อย

“งั้นเรามาทำตามสัญญากัน” วาเรี้ยนขยายนิ้วก้อยซ้ายของเขา

เธอยื่นมือออกไปและก็เกี่ยวก้อยกัน

“เราสัญญาว่าถ้าเราทะเลาะกัน เราจะเข้าใจเหตุผลของอีกฝ่ายและหาทางออกที่ดีที่สุดให้กันเท่านั้น” พวกเขาพูดออกมาพร้อมกัน

วาเรี้ยนเริ่มรู้สึกว่าหญิงสาวดูคุ้นเคยเล็กน้อย แม้แต่เสียงของเธอก็ชวนให้คิดถึงเรื่องราวในอดีตบางอย่าง

“ฉันลืมไปซะสนิทเลย ฉันชื่อวาเรี้ยนเธอละ?” วาเรี้ยนลูบหลังคอของเขาและพยายามจะถามชื่อเธอแบบเขินๆ

"ฉันเซีย" เด็กสาวยิ้ม

'เซีย!' ดวงตาของวาเรี้ยนก็เบิกกว้าง และเขายื่นมือไปหาเธอ

วินาทีถัดมา ภาพทั้งหมดก็กลายเป็นมืดไปหมด

วาเรี้ยนพยายามจะลืมตาขึ้นมาแต่เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าง ... เสียงกรน?

เขาลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบากและเห็นไคล์หลับไปบนเก้าอี้พร้อมกับมายา

เขามองไปรอบๆ และรู้ว่าเขารอดมาได้

'เซีย? เธอเหรอ? แล้วทำไมฉันถึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอเลย? ทำไมฉันโตมาคนเดียวไม่ใช่หรอ?'

วาเรี้ยนพยายามคิดถึงเรื่องราวในอดีต

'มันเป็นแค่ความฝันหรือว่า...ความทรงจำกันแน่?'

'มันมีวิธีพิสูจน์อยู่นี่! สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า! วาเรี้ยนยังจำชื่อสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ เราต้องไปหาคำตอบที่นั้น

พร้อมกันนั้น ระบบก็แจ้งว่า

[เส้นทางร่างกาย: ระดับ 1 (Xp): 0/100

สถิติ: 3% มหามนุษย์]

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด