ตอนที่แล้วบทที่ 593 รู้สึกผิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 595 สี่กุมาร~ หาญกล้าาา~

บทที่ 594 เจรจา(ตอนฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 594 เจรจา

งานแสดงสินค้าหินหยกหยาบหางโจวเต็มไปด้วยความคึกคัก สถานที่ของงานถูกจัดตั้งอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างชั่วคราวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบตะวันตก บริเวณโดยรอบถูกล้อมรอบด้วยกำแพง มียามคอยเดินลาดตระเวนอยู่ด้านนอกตลอดเวลา การรักษาความปลอดภัยค่อนข้างดี

ว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่สำหรับใช้ปลูกสิ่งก่อสร้างชั่วคราวโดยเฉพาะ ยกเว้นกำแพงที่ตั้งอยู่รอบๆ ก็ไม่มีอาคารอย่างอื่นเลย แม้แต่การปูพื้นก็ยังไม่มี ทุกอย่างต้องสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด แต่ที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยการกางเต็นท์อย่างง่ายๆ ดูเหมือนตลาดที่คึกคัก!

อย่างไรก็ตาม รายการซื้อขายในตลาดแห่งนี้ไม่ใช่สิ่งอื่นใด แต่เป็นชิ้นส่วนของหินหยกหยาบ หินหยาบเหล่านี้มีขนาดและราคาที่แตกต่างกันไป แต่ไม่มีข้อกำหนดราคาที่ตายตัว ขอแค่มีคุณสมบัติที่ดึงดูดสายตาผู้คนและทำให้ผู้คนอยากมีส่วนร่วมในการเล่นพนันหินด้วยความตื่นเต้นก็เพียงพอแล้ว ทุกๆคนต่างคาดหวังว่าพวกเขาจะตัดหินหยาบออกมาได้เห็นเนื้อหยกก้อนใหญ่ที่ดีที่สุดและยอดเยี่ยมที่สุด เพราะนั่นหมายถึงเขาจะกลายเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยได้ในชั่วข้ามคืน!

นอกจากนี้ ในด้านหนึ่งของพื้นที่ก่อสร้างมีอาคารก่อสร้างชั่วคราวตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดใหญ่ เป็นอาคาร 2 ชั้น และที่ด้านบนของประตู ถูกติดไว้ด้วยป้ายของแต่ละสำนักงาน และแผ่นป้ายที่ถูกติดไว้ด้านนอกสุดถูกเขียนไว้ว่า ‘สมาคมคุ้มครองหลักทรัพย์ดั้งเดิม’

เมื่อเห็นป้ายสำนักงานนี้กัวเถาซึ่งยืนอยู่ถัดจากจี้เฟิงไปข้างหลังเล็กน้อยก็หัวเราะออกมาทันที “สมาคมคุ้มครองหลักทรัพย์ดั้งเดิม?! คนพวกนี้เข้าใจตั้งชื่อดีจริงๆ แต่น่าจะเปลี่ยนเป็น ‘ศูนย์ช่วยยึดทรัพย์’ น่าจะเหมาะกว่า!”

จี้เฟิงยิ้มและส่ายหัวเล็กน้อย ‘สมาคมคุ้มครองหลักทรัพย์ดั้งเดิม’ น่าจะหมายถึง ‘คณะกรรมการกำกับการดูแลหลักทรัพย์ของจีน’ แต่เมื่อศูนย์นี้ผ่านปากของกัวเถามันกลับกลายเป็น ‘ศูนย์ช่วยยึดทรัพย์!’

มันทำให้จี้เฟิงอดนึกถึงจางเล่ยขึ้นมาไม่ได้ เพราะถ้าจางเล่ยรับรู้สถานการณ์นี้และมาเห็นชื่อของศูนย์นี้ ไม่รู้ว่าเขาจะเปลี่ยนชื่อศูนย์นี้ให้ฟังดูน่าอนาถได้ขนาดไหน!

จี้เฟิงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับปากที่ดีสุดๆและหัวสมองที่ปราดเปรื่องของจางเล่ย เมื่อคิดถึงจางเล่ยที่รักสนุกและหัวเราะคิกคักได้ตลอดทั้งวันจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม

“บอสครับ ขนาดของงานหินหยกหยาบนี่ไม่ใช่เล็กๆเลย มันใหญ่กว่าที่ผมคิดไว้เยอะมาก!” กัวเถาหันมองไปรอบๆ และอดไม่ได้ที่จะกระซิบว่า “ในตอนที่พวกเรายังเป็นทหารรับจ้าง พวกเราเคยรับหน้าที่พาบุคคลชั้นสูงบางคนไปงานหินหยกหยาบที่เมียนมาร์กับแอฟริกาใต้ และเมื่อเทียบกันแล้ว ที่นี่ใหญ่กว่ามาก ผมคิดไม่ถึงเลยจริงๆ!”

จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า “ที่นี่คือมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียง ถือเป็นหนึ่งในมณฑลที่มีการพัฒนามากที่สุดในประเทศจีน แล้วงานนี้ก็จัดขึ้นในเมืองหางโจวซึ่งเป็นเมืองหลวงด้วย จะให้จัดเล็กๆก็คงไม่เหมาะ!”

อันที่จริง จี้เฟิงได้ทำความเข้าใจมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วในระดับหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วสมาคมคุ้มครองหลักทรัพย์ดั้งเดิมที่จัดขึ้นในงานนิทรรศการหินหยกหยาบของจีนไม่ค่อยถูกจัดตั้งขึ้นในเมืองทางเหนือ ส่วนใหญ่จะถูกจัดอยู่ในเมืองทางใต้ เหตุผลหนึ่งเนื่องมาจากเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วในภาคใต้สะดวกต่อการติดต่อสื่อสารกัน ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะว่าหินหยาบของจีน โดยพื้นฐานมาจากประเทศเมียนมาร์ ถ้าอยู่ในเมืองทางใต้จะสะดวกกว่ามากในการขนหินหยาบเหล่านี้ แน่นอนว่าถ้าเป็นเมืองทางเหนือการขนส่งจะไม่สะดวก รวมถึงด้านความปลอดภัยด้วย และไม่มีการรับประกันหากทำการขนส่งไปเมืองทางเหนือ!

เมืองหางโจวนี้เป็นเมืองทางทิศใต้และเป็นเมืองหลวงของมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียง ถ้าหากอุปกรณ์เครื่องชั่งมีขนาดเล็กหรือคลังไม่สามารถกักเก็บหินหยาบได้มากพอ เกรงว่างานนี้คงจะจบลงภายในสามวัน

ตัวอย่างเช่น งานจัดแสดงเครื่องประดับหยกที่จัดขึ้นในเจียงโจวเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหินหยาบที่นำมาขายได้รวมแล้วเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ และเวลาที่เหลือคือการแลกเปลี่ยนเครื่องประดับและหินหยก ซึ่งที่จริงแล้วมันเป็นเพราะหินหยาบมีไม่เพียงพอ

แม้ว่าจี้เฟิงจะเคยเข้าร่วมนิทรรศการหินหยกหยาบมาแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่จี้เฟิงได้เข้าร่วมงานนิทรรศการแสดงสินค้าที่ใหญ่มากขนาดนี้!!

“ไปดูกันเถอะ!” จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “ใช้ประโยชน์ในตอนที่คนยังมาไม่เยอะ มาดูกันว่าเราจะได้เจอหินหยาบดีๆบ้างมั้ย!”

ตอนนี้ยังไม่ถึงแปดโมงเช้าดี และงานแสดงสินค้าก็เพิ่งเปิด ดังนั้นจึงยังมีคนไม่มากนัก แต่ถึงแม้จะมีคนมากกว่านี้อีกสักหน่อย แต่ในตลาดแสดงสินค้าที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ มีพื้นที่อีกมากให้ค่อยๆเดินดูอย่างสะดวกสบาย

“บอสครับ เราไม่ต้องไปหาคุณเซียวก่อนเหรอครับ?” กัวเถาถามขึ้น

หลังจากเสร็จธุระเมื่อวานนี้ เซียวฉางเหอและหลินเซิงผิงก็เตรียมตัวที่จะกลับเจียงโจวในเช้าวันรุ่งขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดงานอีกครั้งตั้งแต่เช้าตรู่ ผู้จัดงานขอให้พวกเขามาพบเพราะมีบางอย่างที่ต้องหารือ

ทั้งสองคนมาถึงที่งานก่อนที่จี้เฟิงและกัวเถาจะมา

จี้เฟิงยิ้มและส่ายหัว “ยังไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพวกเขาคุยธุระเสร็จก็คงจะโทรหาเราเองนั่นแหละ!”

จี้เฟิงมองไปที่ป้ายรูปลูกศรซึ่งอยู่ไม่ไกล และเดินไปยังพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งในโซนนี้ไม่จำเป็นต้องติดราคาการประมูล แต่หลังจากทำธุรกรรมการซื้อขายเสร็จแล้ว ทางร้านที่ตั้งบูธจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมบางส่วนให้กับผู้จัดงานโดยอ้างอิงตามมูลค่าการซื้อขายเป็นหลัก และดูเหมือนว่าจะมีภาษีด้วย แต่ยังไม่มีข้อกำหนดในลักษณะนี้สำหรับลูกค้าที่ซื้อหินหยาบ

ด้วยความประหลาดใจของจี้เฟิงและกัวเถา ผู้จัดงานนิทรรศการหินหยกหยาบที่นี่มีความพิถีพิถันมากทีเดียว นับตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาในงาน ลูกค้าทุกคนจะได้รับโบรชัวร์เล่มเล็ก ซึ่งก็คือแผนที่ขนาดย่อของงานนิทรรศการ ในนั้นจะมีการระบุตำแหน่งของร้านค้าประเภทต่างๆ รวมถึงจุดผ่าหินหยกและจุดบริการอื่นๆด้วย

“กัวเถา นายอยากจะลองเดินๆดูและหาพนันหินหยกซักสองสามก้อนมั้ย?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม

“บอสครับ ถ้าบอสให้ผมเล่นพนันหินหยก ก็เหมือนเอาเงินไปแจกดีๆนี่เอง ผมอยากเห็นบอสเล่นมากกว่า!” กัวเถาหัวเราะ ในฐานะทหารรับจ้าง คนส่วนใหญ่มักจะไปปลดปล่อยความเครียดความเหนื่อยล้ากับสิ่งบันเทิงต่างๆ หลังต่อสู้เสร็จ ไม่ว่าจะดื่มกิน เล่นพนัน หรือแม้กระทั่งเที่ยวผู้หญิง แต่อย่างไรก็ตาม กัวเถาและคนอื่นๆ ไม่เคยถูกล่อลวงด้วยสิ่งเหล่านี้

จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็เดินดูเฉยๆก็แล้วกัน!”

เหลือแค่เพียงรอผลการเจรจาระหว่างโจวเฟยเฟยกับครอบครัวของนักเรียนหญิง จี้เฟิงก็ไม่มีธุระอื่นใดให้ทำอีก ดังนั้นจี้เฟิงและกัวเถาจึงเดินเล่นรอบๆตลาดเพื่อฆ่าเวลา

เนื่องจากจี้เฟิงเองไม่มีความสามารถหรือประสบการณ์ใดๆในการเฟ้นหาหินหยกในก้อนหินหยาบ ดังนั้นเขาจึงเพียงแค่มองดูมันอย่างสบายๆเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ของเขา ก่อนหน้านี้เพราะเรื่องของนักเรียนหญิงทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจไม่น้อย แต่ตอนนี้อะไรหลายๆอย่างทำให้เขารู้สึกโล่งใจขึ้นมาก

“เถ้าแก่ หินหยาบพวกนี้ขายยังไง?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้มหน้าบูธหินหยาบบูธหนึ่ง

หินหยาบที่เขาถามถึง มีความสูงเพียงแค่หนึ่งเมตรกว่าๆ ถือว่าไม่ใหญ่มาก แต่ในด้านหนึ่งของมันมีสีเขียวให้เห็นอยู่เล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะเป็นสัญญาณที่ดี

จี้เฟิงไม่ได้กระตุ้นให้เกิดกระแสไฟฟ้าในร่างกาย แต่สุ่มถามราคาด้วยการมองด้วยตาเปล่าอย่างสบายๆ

“น้องชายสุดหล่อ เช้าๆแบบนี้ ฉันจะให้ราคาถูกกว่าที่ตั้งไว้ก็แล้วกัน 1.2 ล้าน!” เจ้าของร้านคนนี้เป็นผู้ชายร่างอ้วนในวัยสี่สิบ แต่เขาก็ดูภูมิฐานมาก การแต่งกายสะอาดสะอ้าน

“หนึ่งล้านสองแสน?!”

ด้วยนิสัยประหยัดและจะไม่ยอมเสียเงินหากไม่มีความจำเป็นทำให้จี้เฟิงรู้สึกตกใจเล็กน้อยในตอนแรกเมื่อได้ยินราคา แต่พอมาคิดดูดีๆ นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลย เพราะจี้เฟิงคือคนที่เคยผ่าหินหยกแล้วได้เงินมากกว่าหลายสิบล้านหยวนมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อจี้เฟิงต้องการจะซื้อมันจริงๆ เขาก็กระตุ้นกระแสไฟฟ้าชีวภาพบนดวงตาของเขาทันที เขานั่งยองๆและเพ่งมองลึกลงไปบนหินหยกหยาบที่อยู่ตรงหน้าอย่างระมัดระวัง!

เมื่อเห็นภายในของหินหยาบที่อยู่ตรงหน้าค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ตกตะลึงจนแทบจะกัดลิ้นตัวเอง

หินหยาบก้อนนี้ถือว่าไม่เล็ก แต่หยกที่อยู่ภายในมีขนาดเล็กกว่ากำปั้นและยังอยู่ในมุมแหลมของหินหยาบ ถ้ามีการทุบหรือผ่าหิน เก้าในสิบ พวกเขาจะโยนตรงส่วนนี้ทิ้งเป็นขยะ!

ภาพรวมของหินก้อนนี้ในตอนที่ยังไม่รู้ราคาก็ถือว่าพอโอเค แต่ถ้าคุณจะใช้เงิน 1.2 ล้านเพื่อซื้อและเสี่ยงดวงผ่าพิสูจน์ มันก็คงจะได้ไม่คุ้มเสีย

จี้เฟิงยืนขึ้น เขายิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ขอโทษด้วยเถ้าแก่ ไว้ผมจะมาดูอีกที!”

เมื่อทั้งสองคนเดินห่างออกมา กัวเถาก็ถามด้วยเสียงกระซิบว่า “บอสครับ หินนั้นไม่โอเคเหรอ?!”

จี้เฟิงหัวเราะและพูดว่า “ก็ไม่ถึงกับแย่ แต่ถ้าจะใช้เงิน 1.2 ล้านเพื่อซื้อ ฉันคิดว่ามันจะได้ไม่คุ้มเสีย... หินก้อนนั้นต่อให้มีหยกก็คงจะเป็นหยกที่คุณภาพไม่ดีเท่าไหร่นัก”

กัวเถาหน้าบึ้งตึงทันทีและพูดว่า “คนเรานี่รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ เถ้าแก่ร้านนั้นหน้าตาดูใจดีมาก แต่ใจดำชะมัด!”

“ฮ่าๆๆๆ~!”

จี้เฟิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที “การทำธุรกิจก็เป็นแบบนี้แหละ และสินค้าพวกนี้ก็ใช่ว่าเจ้าของร้านจะรู้ว่าข้างในมันเป็นยังไงในตอนที่เขารับมันมา...”

Rrrrr~!

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของจี้เฟิงก็ดังขึ้น เขายิ้มเป็นเชิงขอโทษให้กัวเถาและหยิบโทรศัพท์ออกมา เขากดรับและพูดขึ้นทันที “เจ๋อจุน! สถานการณ์ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?”

“บอส ทั้งสองฝ่ายได้เจรจากันแล้ว ครอบครัวของนักเรียนหญิงตกลงทำสัญญายอมรับค่าชดเชย นอกจากนี้พวกเขายังเขียนคำร้องสำหรับการพิพากษาในโทษสถานเบาด้วย...” หลิวเจ๋อจนรายงานสถานการณ์และผลลัพธ์ของการเจรจาอย่างละเอียดและรวดเร็ว “บอสครับ ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมฟังอยู่ข้างๆ นอกจากนั้นผมได้เข้าไปแอบติดตั้งอุปกรณ์ดักฟังและกล้องขนาดเล็กไว้ในห้องก่อนหน้านี้แล้ว ผมรับประกันได้ว่าครอบครัวของนักเรียนหญิงไม่ได้ถูกบังคับข่มขู่อย่างแน่นอน!”

จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามว่า “ใครเป็นคนพูดข้อเสนอเหล่านี้!”

“โจวเฟยเฟยครับ!” หลิวเจ๋อจุนกล่าวทันทีว่า “แต่หลังจากการเจรจาเสร็จสิ้น โจวเฟยเฟยและคนอื่นๆก็มาขอโทษครอบครัวของนักเรียนหญิงอีกครั้งนึงครับ และก็มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ถูกกดดันจนเขาต้องก้มหัวขอขมาครับ”

“เหอะ! จอมปลอม!” จี้เฟิงแค่นเสียงอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น นายลองไปคุยกับครอบครัวของนักเรียนหญิงและสอบถามพวกเขาว่ายินดีที่จะไปอยู่ที่เจียงโจวหรือเปล่า ถ้าพวกเขาไม่อยากไป นายก็อย่าไปบังคับพวกเขานะ แต่ให้ใช้วิธีเกลี้ยกล่อมเอา บอกพวกเขาว่าเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเอง อย่างน้อยก็เป็นการป้องกันเอาไว้ก่อน!”

“ครับบอส!” หลิวเจ๋อจุนตอบทันที

“อ้อ แล้วสรุปว่า พวกเขาจ่ายให้ครอบครัวนักเรียนหญิงไปเท่าไหร่? จะมีการนัดจ่ายกันตอนไหนยังไง?” จี้เฟิงถามอีกครั้ง

“ผมไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ โจวเฟยเฟยกล่าวว่าเธอจะอธิบายเรื่องนี้ให้บอสฟังเป็นการส่วนตัว!” หลิวเจ๋อจุนกล่าว

หลังจากวางสาย ใบหน้าของจี้เฟิงก็ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย ยังดีที่โจวเฟยเฟยเป็นคนที่มีความคิด ทำอะไรด้วยสติ แม้ว่าการกระทำส่วนใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นเพราะต้องการช่วยชีวิตน้องชายของตัวเองก็ตาม แต่อย่างน้อยเธอก็เลือกใช้วิธีที่ถูกต้อง ทำให้ครอบครัวของนักเรียนหญิงได้รับการชดใช้ที่เหมาะสมและสบายใจขึ้น ตัวจี้เฟิงเองก็สบายใจขึ้นด้วยเช่นกัน

“บางที... นี่อาจจะเป็นความสิ้นหวังของชีวิต!” จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย หลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจตจำนงของมนุษย์ ทุกคนไม่สามารถทำสิ่งต่างๆตามความชอบของตนเองได้ แม้ว่าจี้เฟิงจะเป็นหลานชายคนโตผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทายาทหลักสายตรงของตระกูลจี้ก็ไม่มีความสามารถในการทำตามใจตัวเองแบบนี้เช่นกัน!

สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วล้วนดีเสมอ...

…จบบทที่ 594~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด