ตอนที่แล้ว50 - เพื่อนทางจดหมายของผู้ป่วยทางจิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป52 - เหล่าจางคุณเป็นคนดีจริงๆ!

51 - อามิตตาพุทธ


กำลังโหลดไฟล์

51 - อามิตตาพุทธ

ในแผนกพิเศษของเมืองเอี๋ยนไห่ กลุ่มคนนั่งสูบบุหรี่ในห้องชั้นบนสุด

ชายตาเดียวนั่งในตำแหน่งประธานและมองหน้าจอบนผนังด้วยท่าทางเคร่งขรึม

ผู้หญิงผมยาวสวมกระโปรงรัดรูปสีดำเป็นคนบรรยายเหตุการณ์ทางหน้าจอ

"นี่คือภาพที่กล้องถ่ายไว้บนสะพานข้ามแม่น้ำ เพราะสิ่งชั่วร้าย ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน กล้องจำนวนมากจึงได้รับความเสียหาย และกล้องที่สามารถถ่ายเหตุการณ์ได้ก็มีบางส่วนเท่านั้น"

“ไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าสิ่งชั่วร้าย แต่แน่นอนว่าไม่ใช่รองผอ.หลี่ ไหลฟู่”

ผู้หญิงคนนี้เป็นหัวหน้ากลุ่มวิเคราะห์สิ่งชั่วร้ายในแผนกพิเศษ

จินเหอลี่

เธอสูง 1.72 เมตร หุ่นเพรียวบาง โค้งมน รองเท้าส้นสูงที่เธอสวมใส่ทำให้ความสูงของเธอเพิ่มขึ้นประมาณ 1.78 เมตร

เธอเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถมาก แต่หากมองเพียงภายนอกพวกเขาอาจจะคิดว่าเธอเป็นเลขาตัวเล็กๆเท่านั้น

ชายตาเดียวเอนหลังพิงเก้าอี้หนัง มือซ้ายวางอยู่บนโต๊ะ และมือขวาของเขาจับมวนบุหรี่โดยไม่พูดอะไร

เขาเห็นคนรู้จักสองคนในภาพ

ไม่ผิด เขาไม่มีวันลืมการมีอยู่ของคนพวกนี้ ผู้ป่วยในโรงพยาบาลจิตเวชชิงซาน พวกเขาปรากฏตัวที่นั่นและรอดชีวิตในขณะที่สิ่งชั่วร้ายหายไปอย่างลึกลับ

เมื่อคนของเขาสำรวจที่เกิดเหตุเห็นได้ชัดว่าสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายนั้นมีสภาพที่เลวร้ายอย่างแน่นอน เพราะเลือดของมันกระจายอยู่ทุกที่

คนอื่นๆอาจจะคิดว่าสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายถูกบังคับให้หนีไป แต่สำหรับชายตาเดียวเขารู้ว่าสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายกลายเป็นอาหารของคนบ้าทั้งสองไปแล้ว

เขานึกถึงสิ่งที่ผอ.ฮ่าวพูด

คนพวกนี้กินสุนัขคร่ำครวญจนเหลือเพียงฟันซี่เดียว

ในตอนนี้ผู้คนจากกลุ่มยอดฝีมือทั้งสี่ต่างก็ปรึกษากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น กล้องไม่สามารถถ่ายเหตุการณ์นั้นได้อย่างชัดเจน

หรือบางทีสิ่งชั่วร้ายอาจหลงทางและจากไปหลังจากที่ไม่รู้ว่าพ่อของมันหายไปไหน

มีความเป็นไปได้หลายอย่างมากเกินไปในเรื่องนี้ มันทำให้พวกเขาไม่กล้าฟันธงเลยจริงๆ

"เงียบ!"

“ผมอาจจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

ชายตาเดียวพูด น้ำเสียงของเขาแหบเล็กน้อย และเหลือเพียงดวงตาข้างเดียวของเขาเท่านั้นที่จดจ้องไปยังหน้าจอ

ทุกคนมองชายตาเดียวอย่างสงสัย

พวกเขาอยากรู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น

แค่……

“แต่ผมพูดไม่ได้” ชายตาเดียวพูดช้าๆ

ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระเหรอ?

หากคนที่พูดไม่ใช่ชายตาเดียวทุกคนจะต้องคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระอย่างแน่นอน

ชายตาเดียวมีความคิดเป็นของตัวเอง เขาถูกส่งไปที่โรงพยาบาลกลางพร้อมกับผู้ป่วยจิตเวชทั้งสอง เขารู้ว่าคนผู้นั้นมีความสามารถมากแค่ไหน และตอนที่สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายหายไปคนทั้งสองก็อยู่ด้วย

เหตุผลนี้เพียงพอที่จะอธิบายแล้ว

คนบ้าทั้งสองนั้นแข็งแรงมาก. พวกเขามีความสามารถที่จะทำให้คนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเอี๋ยนให้กลายเป็นอัมพาตอยู่ครึ่งวัน คนพวกนี้มีคุณค่าให้เฝ้าติดตาม

ในขณะที่อีกคนเซลล์ต้นกำเนิดของเขาก็มหัศจรรย์จนน่าเหลือเชื่อ นี่จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร

ในมุมมองของหมอพวกเขาคิดว่าเซลล์เม็ดเลือดของหลินฟ่านคือปาฏิหาริย์ แต่ในความคิดของชายตาเดียว นี่คือคนที่เกิดมาเพื่อเป็นยอดมนุษย์อย่างชัดเจน

แต่เขาจะบอกทุกคนที่อยู่ในห้องว่ายังไง คนบ้าสองคนกินสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายระดับสามไปแล้ว?

“ไม่จำเป็นต้องติดตามเรื่องนี้ สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายตัวนั้นตายไปแล้ว ขอให้พวกคุณเฝ้าระวังสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายระดับสูงตัวอื่นที่อาจหลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองเอี๋ยนไห่แทน”

ชายตาเดียวพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น สิ่งที่ทำให้เขากังวลมากที่สุดคือสิ่งชั่วร้ายระดับ 7 ที่หลุดออกมาจากภูเขาไท่ซาน สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายระดับต่ำที่ปรากฏตัวออกมา อาจจะเป็นแผนเรียกร้องความสนใจของมันก็ได้

ผู้นำของกลุ่มยอดฝีมือทั้งสี่มองไปที่ชายตาเดียวอย่างหนักแน่น พวกเขารู้ความหมายของคำพูดนี้

จินเหอหลี่ขยับแว่นตาเล็กน้อยก่อนจะกล้าว่า

“ขั้นตอนต่อไปคือการพานักเรียนที่จบการศึกษาในปีนี้ไปสักการะศาลวีรบุรุษ จากนั้นพวกเขาจะถูกส่งตัวไปฝึกงานที่โรงพยาบาลจิตเวชชิงซาน”

ชายตาเดียวได้ยินคำว่า "โรงพยาบาลจิตชิงซาน" ดวงตาของเขาก็กระตุกเล็กน้อย

เขาค่อนข้างอ่อนไหวกับสถานที่แห่งนั้น

ความกดดันทางจิตใจที่เกิดจากผู้ป่วยทางจิตทั้งสองยังไม่หายไป

หลินเต้าหมิงปรมาจารย์เหมาซานสูบบุหรี่แห้งกล่าวอย่างสบาย ๆ ว่า

"นี่เป็นการจัดการที่ดี ข้าคิดว่าหลังจากที่พวกเขาเรียนรู้สิ่งต่างๆจากโรงพยาบาลจิตเวชแล้ว มันจะทำให้จิตใจของพวกเขามั่นคงขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้าย"

หลิวไห่ชานจากวิทยาลัยลัทธิเต๋าเหลือบมองอีกฝ่ายหนึ่งแล้วพูดว่า

"ผายลม ในเมื่อเจ้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็อย่าพูดดีกว่า ลูกศิษย์ของเจ้าก็เหมือนเจ้านั่นแหละ ถ้าส่งพวกเขาออกไปต่อสู้จริงๆพวกเขาคงวิ่งหางจุกตูดกลับมาแน่นอน"

“ไอ้เฒ่าสาระเลว ข้าทนกับเจ้ามานานแล้ว ถ้าไม่พอใจก็เข้ามาเลย”

หลินเต้าหมิงคำรามด้วยความโกรธ ในชีวิตของเขาเคยหลบหนีจากการโจมตีของสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายครั้งหนึ่ง และนั่นเป็นแผลในหัวใจของเขาที่ไม่อาจลบเลือน

"อย่าดีกว่า ข้ากลัวว่ากระดูกผุๆของเจ้าจะทนไม่ไหว" หลิวไห่ชานกล่าวยั่วยุ

“ถ้าเจ้ากล้าพูดอีกแม้แต่ประโยคเดียว วันนี้พวกเราสองคนต้องมีใครคนหนึ่งตาย” หลินเต้าหมิงชี้หน้าของอีกฝ่าย

หลิวไห่ชานยิ้มและพูดว่า: "ก็บอกแล้วว่าอย่าดีกว่า เหมาซานของเจ้าไม่มีแม้แต่สวรรค์ ถ้าเจ้าตายไปเจ้าจะไปตามหาบรรพบุรุษของเจ้าจากที่ไหน"

ยอดฝีมือจากโรงเรียนพุทธพนมมือขึ้นและสรรเสริญพุทธคุณว่า

“อามิตตาพุทธ สหายทั้งสองโปรดใจเย็น”

ยอดฝีมือจากวิทยาลัยแพทย์อัดบุหรี่เข้าไปในปอดก่อนจะพ่นออกมาแล้วกล่าวว่า

“ปล่อยให้พวกเขาสู้กันตายดีกว่า เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาร้อยปีแล้ว พวกเจ้าไม่เบื่อหรือไง”

ปัง!

ชายตาเดียวตบโต๊ะอย่างโกรธเคืองจนทั้งห้องเงียบลงในทันที

"คุณสี่คนอายุรวมกันเกือบครึ่งสหัสวรรษ คิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กอยู่หรือไง"

ชายตาเดียวโกรธมากเรื่องใหญ่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาแล้วแต่พวกเขายังคงมีอารมณ์ทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ

"เฮอะ!" หลินเต้าหมิงแค่นเสียงพร้อมกับเดินออกจากห้องเป็นคนแรก

หลิวไห่ชานก็ยิ้มอย่างเย็นชาก่อนจะเดินออกจากห้องเช่นกัน

ยอดฝีมือฝ่ายพุทธะส่ายหน้าด้วยความระอา

“อามิตตาพุทธ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด