ตอนที่แล้วต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 159 เรื่องที่ทหารมารายงาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 161 เอายังไง

ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 160 เป้าหมาย


ตอนที่ 160 เป้าหมาย

ณ ห้องตอนรับ

หลังจากที่ไมล์สามารถคุยกับไคเซอร์รู้เรื่องเกี่ยวกับการเข้าไปเจออลิสซาเบธและชไนน์เดอร์ที่มาขอเข้าพบได้สำเร็จ ไมล์ก็เดินทางมาที่ห้องทั้งสองคนอยู่ทันที

เมื่อเปิดประตูก็เจอกับห้องที่มีความกว้างไม่เท่าไหร่นัก และมีชุดโต๊ะขนาดไม่ใหญ่มากเป็นเก้าอี้สี่ตัวตั้งเอาไว้โดยรอบ ถูกจัดเอาไว้กลางห้องซึ่งสองในสี่ก็มีคนนั่งอยู่แล้ว

‘หมอนี่เป็นใครทำไมองค์ชายไม่เข้ามาเอง???’ อลิสเซาเบธคิดด้วยความสงสัย

‘ทำไมถึงเป็นบารอนไมล์มาแทนองค์ชายละ???’ ไคเซอร์เองก็มีความคิดไม่ต่างอะไร

ทั้งสองคนตอนนี้ต่างก็สงสัยกับการเข้ามาของไมล์แบบนี้ เพราะพวกตนบอกกับทหารไปชัดเจนแล้วว่าต้องการพบกับองค์ชายเท่านั้นเพราะข้อมูลที่ทั้งสองคนมีถ้ารั่วไหลอาจจะกลายเป็นปัญหาเกี่ยวกับการบุกช่วยเหลือตัวประกันอย่างราชา หรือเวโรนิก้าได้ ก็เลยกำลังแปลกใจที่คนเข้ามาไม่ใช่ไคเซอร์แบบนี้

แต่ถึงแบบนั้น ทั้งสองคนก็ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้ามากเท่าไหร่นักแล้วยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาถึงจะกำลังสงสัยที่ไมล์เข้ามาในห้องก็ตาม

จากนั้นไมล์ก็ตรงไปนั่งที่ฝั่งตรงข้ามของทั้งสองคน ‘พวกนี้คงกำลังแปลกใจกันอยู่สินะที่คนมาเป็นเรา หึหึ!

ถึงไม่มีใครพูดอะไรออกมา หรือแสดงสีหน้าชัดเจนจนเห็นได้ชัด แต่ไมล์ก็สามารถเข้าใจความคิดของทั้งสองคนได้ไม่ยากจากสายตาที่กำลังจ้องตัวเองแบบไม่กระพริบ ตั้งแต่หน้าประตูจนมาถึงนั่งโต๊ะฝั่งตรงข้าม ถึงตอนนี้จะนั่งลงแล้วแววตาสงสัยก็ยังไม่หาย

“มองแบบนั้นข้าอึดอัดนะ!”

ไมล์เริ่มพูดก่อน

“ข้าไม่เข้าใจ ท่านเป็นใครทำไมถึงได้มาแทนองค์ชายแบบนี้ ข้าก็ยืนยันกับทหารไปเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือไงว่าต้องการเข้าพบองค์ชายเท่านั้นเพราะข้อมูลที่พวกเรา-”

“ก่อนจะถามมากไปกว่านี้เธอหันไปถามชไนน์เดอร์ก่อนดีกว่าว่าข้าเป็นใคร”

ไมล์ขัดขึ้นโดยเบนสายตาไปทางชไนน์เดอร์เล็กน้อย ทางอลิสซาเบธที่โดนพูดใส่ก็หันไปทางชไนน์เดอร์ทันทีแล้วเริ่มถามว่า “ท่านรู้จักชายคนนี้ด้วยเหรอ”

“อ่า!” ชไนน์เดอร์ตอบรับโดยพยักหน้าขึ้นลงเล็กน้อย แล้วก็เริ่มพูดต่ออีกว่า “ชายคนนี้ก็คือบารอนไมล์ ผู้ที่องค์ชายกับองค์หญิงเคยไปพักอยู่ด้วยช่วงเดือนปีศาจที่ผ่านมา”

“เอ่ะ?!?!?!”

อลิสซาเบธอุทานโดยสลับมองไปมาระหว่างไมล์และชไนน์เดอร์ ระหว่างที่กำลังสลับมองก็พรางคิดไปด้วย ‘นี่เรื่องจริงงั้นเหรอเนี่ย???’

ตัวของเธอนั้นได้ยินชื่อเสียงของไมล์มามากก็จริง แต่ทว่าเรื่องหน้าตาก็พึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก เพราะการที่ขุนนางหนึ่งคนจะวาดรูปเหมือนตัวเองได้ขึ้นมามันต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลและใช้นักวาดรูปที่มีฝีมือมาก แล้วด้วยกลไกตลาดเมื่ออะไรที่มันมีน้อยของสิ่งนั้นก็จะแพง นักวาดก็เช่นกัน

การที่จะวาดรูปออกมาหนึ่งรูปอย่างน้อยก็คงใช่เงินไม่ต่ำกว่า 100 เหรียญทอง และระยะเวลาที่ยาวนานต้องมาเป็นแบบให้ทำให้ในอดีตไมล์ที่แทบไม่มีเงินและใช้ชีวิตไม่ได้เรื่องไปวันๆ ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้

พอมีเงินจากการค้าขายก็ไม่ได้สนใจมันเหมือนกัน เพราะมองว่าเอาไว้เวลาทำงานกับตรวจสอบเรื่องอื่นยังมีประโยชน์มากกว่า ถึงแม้เมคัสจะเสนอมาหลายครั้งแล้วก็ตาม ด้วยเหตุผลแบบนี้ก็ไม่ได้แปลกเลยที่อลิสซาเบธจะไม่เคยเห็นหน้าไมล์มาก่อน

เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก

“เอาละเมื่อรู้เรื่องกันแล้วพวกเราก็มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ก่อนต้องขอยืนยันอะไรหน่อยก็แล้วกันเพราะข้าเชื่อว่าถ้าองค์ชายมาเองก็คงต้องถามแบบนี้เหมือนกัน …ข้าต้องการยืนยันเรื่องขององค์ราชากับองค์หญิงเวโรนิก้า ตอนนี้ทั้งสองคนยังปลอดภัยอยู่ใช่ไหม”

ไมล์เริ่มถามโดยเบนสายตาไปทางชไนน์เดอร์

ครับ! ตอนนี้องค์ราชากับองค์หญิงยังปลอดภัยแต่มันเป็นเรื่องเมื่อหลายวันก่อนที่ข้าจะเดินทางออกมาแล้วพบกับท่านอลิสซาเบธที่ป้อมชั้นกลาง เมื่อรู้ว่าพวกเรามีเป้าหมายเดียวกันพวกเราจึงร่วมเดินทางมาด้วยกันอย่างที่เห็นในตอนนี้”

“เอาเวลาที่แน่นอนมา มันผ่านมากี่วันหลังจากที่รู้ข่าวทั้งสองคนล่าสุด!”

ไมล์ถามชไนน์เดอร์ย้ำเพื่อเอาคำตอบ แล้วพรางได้คิดไปด้วย ‘ถ้าข้อมูลแบบนี้มันไม่พอหรอก ก็จริงอยู่ที่ปลอดภัยแต่ถ้ามันนานเกินไปพวกดยุคเองมันก็คงไม่ได้โง่ขนาดนั้น ตอนนี้อาจเปลี่ยนที่ขังตัวหรือไม่ก็กำจัดทิ้งไปแล้วก็ได้’

ไมล์วิเคราะห์ถึงเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้เพราะจริงอยู่ที่ตอนนี้เรื่องที่ชไนน์เดอร์พูดออกมามันไม่ใช่เรื่องโกหก แต่ทว่าก็ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลจะไม่ผิดพลาด ก็เลยต้องการเวลาให้มันแน่นอนเพื่อยืนยันเรื่องการช่วยเหลือว่าสมควรทำมันไหม!

“13วัน”

อลิสซาเบธพูดขึ้นมาแทน

ไมล์เมื่อได้ยินเธอพูดขึ้นก็มองไปทางชไนน์เดอร์และเห็นชไนน์เดอร์กำลังพยักหน้าขึ้นลงเพื่อยืนยันอยู่ว่ามันเป็นเรื่องจริง

ตกลงข้าเข้าใจแล้ว! ถ้างั้นก็ถามอีกอย่างแล้วกัน” ไมล์ตอบเข้าใจแล้วเบนหน้าไปทางอลิสซาเบธต่อ โดยระหว่างที่กำลังพูดก็ชี้นิ้วไปทางเธอด้วย “ทำไมเธอถึงได้ออกมาจากเมืองหลวงแล้วมาขอเจอไคเซอร์แบบนี้?”

“ระ เรื่องนั้น..”

อลิสซาเบธตอบด้วยน้ำเสียงลังเลใจ เหมือนกับว่าไม่กล้าจะพูดออกมา ‘จะบอกยังไงดีล ะจะบอกว่ากลัวพ่อยกเราให้ไปแต่งงานกับขุนนางคนอื่นบารอนนี่ต้องมองว่าเราเห็นแก่ตัวแน่’

อลิสซาเทธมีความกังวลอยู่เต็มอกจึงไม่กล้าพูดออกมา เพราะตามปกติแล้วการที่ขุนนางผู้หญิงจะต้องแต่งงานตามคำสั่งของผู้นำตระกูลเป็นเรื่องปกติเพื่อทำให้ตระกูลมีอำนาจมากขึ้น หรือไม่ก็เพื่อช่วยให้ตระกูลมีหน้ามีตาทางสังคมเพิ่มขึ้น เธอจึงเป็นกังวลมากที่จะบอกเรื่องของตัวเองให้กับไมล์ได้รู้

จนกระทั่ง

“เธอต้องการฆ่าองค์ชายงั้นเหรอ”

“ไม่คะ!”

ไมล์เริ่มถามออกมาอีกครั้งด้วยเสียงกดดันเอาคำตอบ แต่ก็ต้องแปลกใจกับคำตอบที่ได้เพราะอลิสซาเบธสามารถตอบได้ทันทีแบบไม่ลังเลอะไรด้วยแววตาสีหน้าจริงจัง ต่างจากที่กำลังเป็นกังวลอยู่ลิบลับ

‘ หึ! ถ้ายัยนี่ไม่ใช่สุดยอดนักฆ่าที่ดีกว่านักฆ่าของโลกที่เราเคยอยู่ ก็คงมีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกเราได้จริงๆ เพราะงั้นคงไม่ใช่นักฆ่าหรอก แล้วอีกอย่าง การแยกให้เธอไม่ได้เจอกับไคเซอร์เราเองก็รู้สึกไม่ได้ด้วย เฮ้อ~

ไมล์คิดในใจเมื่อเห็นท่าทางของอลิสซาเบธที่แสดงออกมา

โดยปกติแล้วตัวของไมล์เจอกับนักฆ่ามาหลายรูปแบบนับไม่ถ้วน มาในคาบของ เด็ก ผู้หญิง นักบวช คนแก่ หรือพวกที่พูดโกหกเก่งมากมาย จึงสามารถดูออกได้ไม่ยากว่าใครเป็นใครไม่เป็น แต่ตอนนี้ไมล์ก็มั่นใจมากว่าอลิสซาเบธไม่ใช่นักฆ่าแน่นอน

ตกลง! งั้นสาเหตุที่มาก็ไม่ต้องบอกเธอเอาไว้บอกกับไคเซอร์เองก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าจะเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับไคเซอร์ก่อนว่าจะเอายังไงกับการช่วยเหลือองค์ราชากับองค์หญิง เมื่อเสร็จแล้วเธอก็เข้าไปหาได้เลย”

“ค่ะ!” ^_^

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด