ตอนที่แล้วร้านไวน์เทพเซียน ตอนที่ 41 ได้รับส่วนผสม(1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปร้านไวน์เทพเซียน ตอนที่ 43 โอสถแสงอรุณ

ร้านไวน์เทพเซียน ตอนที่ 42 ได้รับส่วนผสม(2)


กำลังโหลดไฟล์

ร้านไวน์เทพเซียน ตอนที่ 42 ได้รับส่วนผสม(2)

ปรมาจารย์เฟิงจื่อกำลังไปที่ห้องเก็บของของหอกลั่นโอสถเพื่อหยิบสมุนไพรและผลไม้ที่เขียนไว้บนกระดาษที่จิ่วเซินให้มา

เขารู้สึกงุนงงเพราะส่วนผสมทั้งหมดที่เขียนเป็นวัสดุระดับสูง และโอสถที่เกิดจากส่วนผสมดังกล่าวอย่างน้อยควรเป็นโอสถระดับ 8 ขั้นสูงสุด “เจ้าหนูน้อยนี่กำลังพยายามจะเล่นบ้าอะไร เขามีทักษะที่รู้ว่าโอสถชนิดใดกันแน่ที่ข้าได้กลั่นเมื่อวานนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังไม่สามารถสัมผัสขอบเขตการบ่มเพาะของเขาได้เลย เขาต้องมีสมบัติที่ขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นรับรู้ขอบเขตการบ่มเพาะติดตัวไว้อย่างแน่อน”

ปรมาจารย์เฟิงจื่อจำได้ว่าจิ่วเซินพูดออกมาอย่างง่ายดายว่าเขาได้กลั่นโอสถชนิดใดเพียงแค่สูดกลิ่นในห้องของเขา แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังทำไม่ได้ เพียงสูดอากาศเข้าไปแล้วก็เดาได้ว่าเขากลั่นโอสถชนิดใด? หากเขาบอกนักโอสถคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาคงจะปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนแก่ที่เป็นบ้าไปแล้วอย่างแน่นอน

“ไอ้สารเลวนั่น!” ปรมาจารย์เฟิงจื่อกัดฟันด้วยความโกรธ ทำให้เคราสีเทายาวของเขาสั่นเล็กน้อย

จากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องเก็บของของหอกลั่นโอถสภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยเคารพของนักกลั่นโอสถคนอื่น ๆ

“สวัสดี ท่านปรมาจารย์เฟิงจื่อ”

“ปรมาจารย์เฟิงจื่อ ท่านกำลังจะไปไหนรึ”

เมื่อได้ยินคำถามที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ดวงตาของปรมาจารย์เฟิงจื่อก็เปล่งประกายด้วยแสงที่เจ้าเล่ห์ราวกับจิ้งจอกเฒ่า “ชายชราคนนี้จะพิสูจน์ให้เห็นว่าการกลั่นโอสถต้องอาศัยประสบการณ์และความรู้ หากคนผู้นั้นรู้เพียงแค่การอ่านสูตรแล้วจะกลั่นโอสถออกมาสำเร็จได้อย่างไร”

นักกลั่นโอสถล้วนรู้สึกประหลาดใจกับคำตอบของเขาและหากฟังจากน้ำเสียงของเขา พวกเขารู้ว่ามีคนทำให้ชายชราคนนี้ไม่พอใจอย่างแน่นอน

“ปรมาจารย์เฟิงจื่อ ใครกันรึที่เป็นคนโง่เขลาตาบอดที่กล้าอวดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาในหอกลั่นโอสถของเรา?”

“ถูกต้อง เขาต้องได้รับบทเรียนจากการที่เขาพยายามเปรียบเทียบตัวเองกับนักกลั่นโอสถผู้มีประสบการณ์เช่นพวกเรา ท่านปรมาจารย์เฟิงจื่อบอกข้าทีว่าไอ้สารเลวนั่นเป็นใครกัน!”

นักกลั่นโอสถหลายคนได้มองมาที่เขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แน่นอนว่าความไม่พอใจนี้มุ่งเป้าไปที่บุคคลที่ได้ยั่วยุปรมาจารย์เฟิงจื่อ

ปรมาจารย์เฟิงจื่อยิ้มอย่างชั่วร้ายอยู่ภายในใจ แต่เขายังคงรักษาสีหน้าภายนอกที่เป็นมิตร เขาดูราวกับชายชราที่ชอบธรรมซึ่งถูกใส่ร้ายโดยคนอื่น ประกอบกับชื่อเสียงและทักษะในการกลั่นโอสถที่ยอดเยี่ยมของเขา ทุกคนจึงเชื่อว่าเขาพูดความจริง

‘พวกเฒ่าโง่เขลาเหล่านี้ช่างโอนเอนได้ง่ายยิ่งนก แต่ข้อดีของพวกมันคือพวกมันยังมีความจงรักภักดีต่อหอโอสถของเรา’

ปรมาจารย์เฟิงจื่อฉายรอยยิ้มที่อ่อนโยนให้กับทุกคนและกล่าวว่า “ทุกคนไม่ต้องรีบร้อน ข้าจะไปหาอะไรกินก่อน แล้วเราจะไปหาคนผู้นี้ด้วยกัน”

“หากเป็นเช่นนั้นพวกเราจะรอท่านอยู่ที่นี่ ปรมาจารย์เฟิงจื่อ”

“ปรมาจารย์เฟิงจื่อไม่ต้องกังวล เราจะช่วยท่านสอนบทเรียนไอ้สารเลวนั่น!”

ปรมาจารย์เฟิงจื่อพยักหน้าช้า ๆ ทำตัวราวกับนักปราชญ์ที่ผ่านการเรียนรู้มาอย่างดี จากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องเก็บของ

ผ่านไปไม่ถึงสามสิบนาที เขาเดินก็ออกมาและพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ไปกันเถอะ สหายนักกลั่นโอสถของข้า ข้าจะพาทุกคนไปหาคนผู้นั้น”

นักกลั่นโอสถระดับสูงได้ติดตามปรมาจารย์เฟิงจื่อด้วยใบหน้าที่แน่วแน่ สำหรับนักกลั่นโอสถรุ่นเยาว์ พวกเขาได้ตัดสินใจเข้าร่วมชมการแสดงอันน่าสนุกครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

ในขณะเดียวกัน ภายในห้องของปรมาจารย์เฟิงจื่อ จิ่วเซินยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน การแสดงออกของเขาดูผ่อนคลายและไร้กังวลราวกับว่าไม่มีพายุใดสามารถสั่นคลอนหัวใจของเขาได้ ในทางกลับกัน ลู่ซูหลันรู้สึกประหม่าและคาดหวังในเวลาเดียวกัน

บางครั้งเธอจะแอบมองไปที่จิ่วเซินเพียงเพื่อดูการแสดงออกทางสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงของเขา

“เอี๊ยด!” ประตูถึงเปิดออกและปรมาจารย์เฟิงจื่อก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับชายชราหลายคนยืนอยู่ข้างหลังเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ และด้านนอกห้องก็มีนักกลั่นโอสถรุ่นเยาว์อยู่สองสามคนที่ติดสอยห้อยตามมา

พวกเขามองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อค้นหาบุคคลที่ปรมาจารย์เฟิงจื่อกำลังพูดถึง พวกเขาเห็นเพียงทิวทัศน์ที่สวยงามและไร้ภัยอันตรายของลู่ซูหลัน สิ่งนี้ทำให้พวกเขาคิดว่าเธอคงไม่ใช่คนที่พวกเขากำลังมองหาโดยไม่รู้ตัว เมื่อพวกเขาเห็นจิ่วเซินที่ยังสงบนิ่ง ทุกคนก็พยักหน้าให้กัน พวกเขารู้ว่าต้องเป็นผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน!

“ท่านหญิงลู่ นี่คือวัตถุดิบที่ท่านต้องการ” ปรมาจารย์เฟิงจื่อยิ้มอย่างอบอุ่นขณะยื่นแหวนมิติให้ลู่ซูหลัน

ลู่ซูหลันยิ้มและไม่สนใจที่จะตรวจสอบแหวนมิติ เธอรู้ว่าปรมาจารย์เฟิงจื่อจะไม่หลอกลวงเธออย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงมอบแหวนมิติอีกวงให้กับปรมาจารย์เฟิงจื่อ “ปรมาจารย์เฟิงจื่อ นี่คือค่าใช้จ่ายสำหรับรายการทั้งหมดเหล่านี้ ท่านสามารถตรวจสอบได้ โปรดแจ้งให้ข้าทราบหากมันยังไม่เพียงพอ”

ปรมาจารย์เฟิงจื่อพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนก่อนที่จะเก็บแหวนมิติที่ ลู่ซูหลันมอบให้ จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปจิ่วเซินด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยที่ค้างอยู่บนใบหน้าที่แก่ชราของเขา “หนุ่มน้อย ข้าได้มอบส่วนผสมให้กับท่านหญิงลู่แล้ว ข้าสงสัยว่าเจ้าสามารถทำตามข้อตกลงที่เคยให้ไว้ได้หรือไม่?”

จิ่วเซินเหลือบมองปรมาจารย์เฟิงจื่อด้วยท่าทางไม่สนใจก่อนที่เขาจะหันไปมองชายชราและคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา เมื่อมองดูใบหน้าที่โกรธจัดของพวกเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เขาสามารถคาดเดาได้คร่าว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาต้องถูกกระตุ้นโดยปรมาจารย์เฟิงจื่ออย่างแน่นอน...

จิ่วเซินรู้ว่าปรมาจารย์เฟิงจื่อกำลังพูดถึงอะไร เขาต้องการให้จิ่วเซินกลั่นโอสถเติมพลังปราณ เพราะจิ่วเซินได้บอกว่าเขาจะช่วยกลั่นโอสถเติมพลังปราณหากปรมาจารย์เฟิงจื่อสามารถจัดหาส่วนผสมที่พวกเขาต้องการได้

“ข้าพูดจริง พวกเจ้าแค่เตรียมส่วนผสมที่จำเป็นเพื่อที่ข้าจะได้เริ่มกลั่น” จิ่วเซินตอบอย่างไม่ใส่ใจ

ชายและหญิงชราที่อยู่เบื้องหลังปรมาจารย์เฟิงจื่อขมวดคิ้วหลังจากเห็นทัศนคติของจิ่วเซินเขาไม่เคารพปรมาจารย์เฟิงจื่อเลยแม้แต่น้อย!

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงกล้าสั่งปรมาจารย์เฟิงจื่อแบบนี้!”

“เจ้าหนู ที่นี่คือหอกลั่นโอสถ ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับนักกลั่นโอสถคนใดคนหนึ่งที่จะเดินเตร่ไปทั่ว!”

จิ่วเซินยังคงสงบภายใต้คำพูดของพวกเขา ในขณะที่ลู่ซูหลันเริ่มทำตัวไม่ถูก เธอไม่ต้องการยั่วยุฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นเธอจึงนิ่งเงียบและทำได้เพียงสังเกตอย่างช่วยไม่ได้

ริมฝีปากเก่าของปรมาจารย์เฟิงจื่อกระตุกหลังจากได้ยินคำพูดของจิ่วเซิน เขาเหลือเพียงส่วนผสมชุดสุดท้ายที่จำเป็นในการกลั่นโอสถเติมพลังปราณ แต่หลังจากที่ได้ใช้ไปหมดแล้ว เขาก็จะไม่เหลืออะไรให้ใช้อีกเลยแม้แต่น้อย

เขากัดฟันและหยิบสมุนไพรและผลไม้จำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนมิติของเขาก่อนจะมอบมันให้จิ่วเซินด้วยมือที่สั่นเทา

จากนั้นเขาก็ฝืนยิ้มและพูดอย่างเย็นชา “เจ้าหนู นั่นเป็นส่วนผสม ตอนนี้ถึงเวลาให้พวกเราดูว่าการกลั่นโอสถนั้นเป็นเช่นไร”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด