ตอนที่แล้วการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 97 จุดเริ่มต้น แห่งการสร้างกองทัพหน้าไม้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 99 ข้อตกลงในการเดิมพัน ระหว่างทั้งสองคน

การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 98 สุดยอดข้อเสนอจาก ไคล์ วอเตอร์


กำลังโหลดไฟล์

ตอนที่ 98 สุดยอดข้อเสนอจาก ไคล์ วอเตอร์

1. ความแข็งแกร่ง  สิ่งนี้ก็เหมือนกับที่ ไคเซอร์ อธิบายออกมาเมื่อครู่ ถ้าแม่ทัพไม่แข็งแกร่งแล้วเข้าไปในสนามรบก็มีเพียงความตายรออยู่เท่านั้น นี่มันเป็นยุคกลาง ไม่ใช่ยุคใหม่ที่การสื่อสารมันสามารถทำได้รวดเร็วแบบโลกที่ผมเคยจากมา เพราะงั้นตัวแม่ทัพหรือผู้บัญชาการ คนเหล่านั้นต้องยืนอยู่แนวหน้าตลอดเวลาหลังจากการต่อสู้เริ่มขึ้น

2. ความกล้าหาญ  นี่ก็เป็นสิ่งที่ ไคเซอร์ พูดออกมาเมื่อกี้เช่นกัน ความกล้าของแม่ทัพไม่ได้กล้าแบบไม่กลัวตายขนาดนั้น แต่ว่า ถ้าเอาแม่ทัพใจเสาะเข้าไปในสนามรบ แล้วตัวแม่ทัพไม่กล้านำทัพเข้าบุกเพื่อโจมตีศัตรูแล้วละก็ คงไม่ต้องไปหวังว่ากองทัพนั้นจะชนะได้หรอก

3. วิสัยทัศน์ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ ไคเซอร์ ไม่ได้พูดออกมา วิสัยทัศน์! ตอนนี้มันยังไม่จำเป็นก็จริงเพราะยังไงสะเหล่าแม่ทัพก็ยังได้นำทหารประเทศตัวเองเข้าต่อสู้ ทว่า เมื่อยุคสงครามหายนะแห่งมวลมนุษย์มาถึง มันไม่ใช่อะไรแบบนั้น กองทัพแต่ละกองทัพผสมรวมกันหลายประเทศ เพราะแบบนั้น ถ้าเอาแม่ทัพที่เป็นพวกชาตินิยมขึ้นมานำทัพเรื่องจะเป็นยังไงก็คงไม่ต้องอธิบายมาก มันก็จะเหมือนประเทศบางประเทศในสงครามโลกเก่าของผม ที่พวกนั้นฆ่าล้างกลุ่มคนบางพวกที่แตกต่างจากตัวเอง

4. การควบคุม เรื่องนี้เองก็เป็นเรื่องที่จำเป็นมากๆ เช่นกัน อย่างที่ผมบอกไปในข้อที่สาม ในกองทัพประกอบไปด้วยผู้คนหลายประเทศ หากแม่ทัพไม่มีความสามารถควบคุมคนเหล่านั้น ก็คงไม่ต้องพูดกันเลยเพราะกองทัพคงได้ตีกันเองก่อนที่จะเริ่มเข้าทำสงครามแน่

แต่ว่า ช่วงเวลาแบบนี้อธิบายไป ไคเซอร์ ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะงั้นผมเลยถอนหายใจแล้วพูดออกไปว่า

“เรื่องการมองคนของข้าเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลหรอก หลายเดือนมานี่เจ้าเห็นข้าทำอะไรพลาดบ้างละ”

“นั่น…”

ไคเซอร์ ตอบด้วยสีหน้าหนักใจ แต่มันก็แน่ละเพราะหลายเดือนมานี้ผมจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น แถมยังทำให้ตระกูล วอเตอร์ ที่แทบจะล่มสลายฟื้นตัวกลับมาขนาดนี้อีก ต่อให้เป็นปู่ของผมหรือพ่อของผมพวกท่านทั้งสองคงไม่สามารถทำแบบนี้ได้แน่

“ไม่มีเลยใช่ไหม?”

“ใช่ครับ”

“นั่นแหละเพราะงั้นครั้งนี้เจ้าก็คิดว่าข้ากำลังทำเรื่องแบบนั้นก็แล้วกัน ในอนาคตอีกไม่ไกล ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องเข้าใจแน่นอนว่าข้าทำสิ่งทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไร เพราะงั้น ตอนนี้ข้าทำอะไรเจ้าก็แค่ไม่ถามอะไรออกมาก็พอ ที่ข้าทำทั้งหมดก็เพื่อตระกูล วอเตอร์ เพื่อจักรวรรดิ! เพื่อมวลมนุษย์! …เจ้าเข้าใจแค่นั้นก็พอ”

ไคเซอร์ ก้มหัวลงเล็กน้อยทันทีหลังผมพูดจบ

“ครับ …ข้าจะทำตามสิ่งที่ท่านแกรนด์ดยุกสั่ง”

“อ่า! งั้นก็ไปกันได้แล้ว”

ผมตรงไปทาง แฟนทอม ทันทีหลังคุยจบ ระหว่างที่กำลังเดินเข้าไปในสนามประลองเช่นนี้ ผมก็ได้กลายเป็นจุดสนใจของคนทั่วทั้งสนามประลองไปเรียบร้อยแล้ว ขุนนางและครู่ฝึกหลายคนต่างทำสีหน้าว่ากำลังกลัวออกมา ทว่า แฟนทอม หมอนั่นไม่ได้แสดงความกลัวออกมาเลย

แววตา! ท่าทาง! แรงกดดัน! หมอนั่นเหมือนในอดีตที่ได้รับตำแหน่งนายพลไม่มีผิด ถึงตอนนี้จะอ่อนแอกว่าตอนที่อยู่ถึง ระดับจักรพรรดิ ขั้นที่ 5 ทว่า สีหน้าท่าทางไม่ได้เปลี่ยนไปเลย หึหึ! มันต้องแบบนี้สิ ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ

“เจ้าคือบารอน แฟนทอม เอลไฮล์ ใช่ไหม?”

บารอน แฟนทอม เอลไฮล์ คือชื่อเต็มๆ ของหมอนี่ ตอนนี้ผมยังไม่ได้รู้จักกันแบบชาติที่แล้ว เพราะงั้นการเรียกชื่อ แฟนทอม ออกไปตรงๆ มันก็จะเป็นการเสียมารยาทของขุนนางแห่งจักรวรรดิ ผมเลยเลือกการทักทายแบบที่ขุนนางทำกันแทน

แฟนทอม ก้มหน้าลงต่ำเล็กน้อยเพื่อเป็นมารยาทในการตอบรับ

“ใช่ครับ! ไม่ทราบว่าท่านแกรนด์ดยุกต้องการอะไรจากข้า”

“เจ้าเป็นคนคิดระบบยิงธนูใหม่ๆ ให้กับผู้คุมโรงฝึกแห่งนี้ใช่ไหม?”

“ท่านรู้…”

แฟนทอม ตอบรับด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะพูดออกมาแบบนั้น ซึ่ง!! เรื่องที่หมอนี่โดนหลอกใช้และโดนก้อนไขมันเดินได้นั่นกดหัวอยู่ ตัวหมอนี่ต้องรู้ตัวอยู่แล้วแน่ๆ เพราะเจ้าตัวก็ไม่ใช่คนไม่มีสมองจนโดนหลอกง่ายขนาดนั้น อีกอย่าง อนาคตหมอนี่เป็นถึงนายพลที่ผมแต่งตั้งขึ้นเองเพราะมีความสามารถ ผมคิดว่าผมดูคนไม่ผิดหรอก …เพรชถึงอยู่ในโคลนตม แต่ยังไงมันยังก็เป็นเพรชอยู่ดี

“…ท่านคงเข้าใจผิดแล้วท่านแกรนด์ดยุก ข้าไม่เคยคิดระบบอะไรทั้งนั้น!!”

“ใจเย็นก่อน ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อทวงความเป็นธรรมอะไรแบบนั้นให้กับเจ้าหรอก”

“เช่นนั้นท่านต้องการอะไรจากข้า???”

ท่าทางไม่อยากคุยของ แฟนทอม เริ่มอ่อนลงทันทีหลังผมพูดออกไป เรื่องความเห็นใจจนให้คนอื่นมาช่วยหมอนี่มันเกลียดที่สุดเลยละ ผมรู้เรื่องนั้นดีเลยตัดเรื่องนั้นออกไปก่อน หึหึ! …เพราะเจ้ามีความคิดแบบนี้ไงถึงได้โดน ก้อนไขมันเดินได้ กดหัวแล้วเอาผลงานไปตั้งหลายปีเช่นนี้

“ข้าสนใจในความสามารถของเจ้าต่างหาก!! และถ้าเจ้าตกลงมาทำงานกับข้าในตอนนี้ ข้าจะไปบอกให้องค์ จักรพรรดิสวรรค์ เลื่อนบรรดาศักดิ์ให้ตระกูล เอลไฮล์ ขึ้นเป็นขุนนางยศไวท์เคาท์ทันที”

“ท่านแกรนด์ดยุกเรื่องบะ-”

“เงียบสะ ไคเซอร์!!”

ผมขึ้นเสียใส่ ไคเซอร์ ทันทีก่อนที่หมอนั่นจะได้พูดอะไรออกมา แต่ว่า ที่หมอนั่นจะพยามห้ามผมมันก็ไม่แปลกเพราะการเลื่อนยศขุนนางเช่นนี้นอกจากการทำผลงานที่ดีต่อประเทศแล้ว มันก็มีเพียงองค์ จักรพรรดิสวรรค์ คนเดียวเท่านั้นที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ได้ อีกอย่าง ‘คำพูดขุนนางจะไม่กลับคำ’ ถ้าผมทำไม่ได้แบบที่พูดไป ชื่อเสียงผมต้องเสียหายมากแน่นอน

หลังผมพูดออกไปแบบนั้น ทั่วทั้งสนามยิงธนูต่างก็ทำหน้าตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ครูฝึกด้วยกันเอง คนเหล่านั้นคงไม่รู้เรื่องกันนั่นแหละว่า แฟนทอม เป็นคนที่สุดยอดขนาดไหน

ส่วนเหตุผลที่เป็นแบบนั้นมันก็ง่ายๆ ผลงานทั้งหมดและทุกอย่างโดนเจ้าก้อนไขมันเดินได้ยึดไปจนหมด เฮ้อ~ พอมาลองคิดดูแล้วก็รู้สึกอารมณ์เสียกับเจ้านั่นจริงๆ ถ้ามันไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวของมันเองแบบนั้น จักรวรรดิคงมีกองทัพธนูที่แข็งแกร่งกว่านี้หลายเท่า

“ท่านพูดออกมาเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอท่านแกรนด์ดยุก”

“ใช่! เจ้าคิดว่าขุนนางยศแกรนด์ดยุกเช่นข้า จะพูดเรื่องโกหกออกไปหรือไง”

“ฮาฮาฮา ท่านนี่ช่างเหมาะกับข่าวลือจริงๆ ท่านแกรนด์ดยุก วอเตอร์ ข้าก็ได้ยินชื่อเสียงของท่านมาเยอะ ทั้งเรื่องเส้นทะเลลมปราณ เรื่องการฟ้องร้อง เรื่องดาบเหล็กสวรรค์ ตอนแรกข้าคิดว่าพวกผู้คนพูดกันเกินจริงแน่ๆ แต่ว่า หลังจากที่ได้เจอกับท่านเช่นนี้ข้าคิดว่าเรื่องพวกนั้นมันไม่มีอะไรเกินจริงเลย”

“ขอบคุณที่ชม”

ผมตอบด้วยรอยยิ้ม ถ้าเป็นขุนนางคนอื่นมาพูดกับผมแบบนี้มันคงโดนสั่งสอนไปแล้ว แต่! นิสัยของหมอนี่มันก็เป็นแบบนี้แหละ เมื่อชาติก่อนผมเจอจนบ่อยจนชินแล้วละ ถึงตอนนั้นผมจะเป็นถึงจอมพลคนสุดท้ายแห่งจักรวรรดิ แต่หมอนี่ก็ไม่เคยพูดจาดีๆ กับผมเลยสักครั้ง เหอๆ ครั้งนี้ยังดีหน่อยที่ยังมีคำว่า ‘ท่าน’ ออกมาด้วย

“ข้อเสนอของท่านช่างดีจริงๆ แต่ว่า ข้าขอปฏิเสธ!”

“เอ่ะ?!??!?!”

เสียง ไคเซอร์ อุทานขึ้นทันทีหลังจากได้ยินคำตอบ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะได้เห็นการตอบรับแบบนั้น เพราะข้อเสนอที่ผมเสนอให้ไปมันดีมากๆ  หึหึ! แล้วผมก็รู้อยู่แล้วเช่นกันว่าหมอนี่ต้องปฏิเสธเงื่อนไขแบบนั้น  ผมฉีกยิ้มเล็กน้อยหลังจากได้รับคำปฏิเสธของ แฟนทอม

ขณะเดียวกัน แฟนทอม ก็ขมวดคิ้วแน่นมองมาที่ผมด้วยแววตาสงสัย

“ท่านกำลังยิ้ม? นี่ท่านกำลังดีใจอยู่หรือไงที่โดนข้าปฏิเสธข้อเสนอ?”

“ปกติถ้าเป็นขุนนางคนอื่นๆ ข้าคงจะขู่ไปแล้วอย่างเช่นเอาเรื่องการคงอยู่ของตระกูลมาขู่ แต่ว่า!!”

ระหว่างพูดผมก็หันมองไปยังธนูในมือขุนนางคนหนึ่ง

“ข้าขอยืมธนูกับศรธนูของเจ้าหน่อย”

“คะ ครับ!”

ขุนนางคนนั้น เอาธนูพร้อมลูกศรของตัวเองมาให้ผมทันที จากนั้นผมก็ยกมันขึ้นแล้วหันไปทาง แฟนทอม ด้านหน้าอีกครั้งด้วยใบหน้ายิ้มอ่อนๆ พร้อมกับพูดออกไปว่า

“ในเมื่อเจ้าเป็นนักธนู ทำไมพวกเราไม่ลองมาเดิมพันกันหน่อยละ”

“เดิมพัน? ท่านกำลังหมายถึงให้ข้าไปดวลยิงธนูกับท่านนะเหรอ ฮาฮาฮา ท่านนี้ช่างพูดเรื่องตลกออกมาจริงๆ  ”

นี่แหละที่ผมต้องการ ถ้ามองในมุมปกติผมที่ไม่เคยมีผลงานยิงธนูเลยสักครั้ง แข่งกับ ครูฝึกยิงธนูของโรงฝึกยิงธนูแห่งจักรวรรดิ ย้ำถ้ามองในมุมปกติ ผลมันต้องก็ออกมาตั้งแต่ยังไม่เริ่มดวลกันเลยว่าผมแพ้แน่ แต่ว่า ชื่อของจอมพลคนสุดท้ายแห่งจักรวรรดิ และ แนวป้องกันสุดท้ายของมวลมนุษย์ สองชื่อนั่นที่ผมได้รับมามันก็ไม่ใช่เพราะแค่ทำสงครามอย่างเดียวหรอก ดาบ! หอก! ธนู! ขวา! โล่! อาวุธแทบทุกอย่างที่มนุษย์รู้จัก ผมได้ฝึกพวกมันมาหมดแล้ว

…แถมในตอนนี้ ผมยังมีเคล็ดวิชาต่างๆ และเทคนิคมากมายที่ผู้คนในช่วงเวลานี้ยังไม่รู้จักกันด้วย หึหึ!

ผมฉีกยิ้มมุมปากให้กับคำถามของ แฟนทอม แล้วพูดออกไปว่า

“ข้าไม่เคยพูดเล่น”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด