ตอนที่แล้วบทที่ 113 ไม่มีใครสั่งสอนเจ้า?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 115 เอาชีวิตรอด

บทที่ 114 สองรุมหนึ่ง


กำลังโหลดไฟล์

หนิงเทียนยังคงกล่าวต่อกับเฉียนหยาไปว่า “เวลานี้สถานการณ์มันต่างจากเมื่อครู่เล็กน้อย ตรงที่ตอนนี้พวกเรามีกันสองคนและข้าจะช่วยเจ้าปิดช่องว่างของระดับทักษะที่เหลื่อมล้ำระหว่างเจ้ากับมันให้เอง

ส่วนตัวเจ้ามีหน้าที่เดียวคือ ต่อสู้แค่ตายเท่านั้น เจ้าไม่ต้องห่วงจากการคำนวณของข้า ถ้าพวกเราสองคนร่วมมือกันโอกาสที่จะสังหารจี้ซวนได้นั้นมีถึง7ใน10ส่วน”

“ดี!! ข้าชักจะชอบคนหนุ่มอย่างเจ้าแล้วสิ”สิ้นเสียงของเฉียนหยา มันคำรามแผดออกเสียงดัง ร่างครึ่งคนครึ่งอสูรของเฉียนหยาถีบตัวพุ่งเข้าใส่จี้ซวนอีกครั้งหนึ่ง

“หึ เข้ามาจะหนึ่งหรือสองผลลัพธ์ย่อมไม่ต่างกัน” จี้ซวนกล่าวออกด้วยรอยยิ้มขณะที่สองมือของมันวาดออกไปมา ส่งให้อุณหภูมิรอบๆตัวเพิ่มสูงขึ้นในพริบตา

เปลวเพลิงมากมายรวมตัวกันกลายเป็นหอกอัคคีนับสิบสายพุ่งเข้าใส่ร่างของเฉียนหยา

เมื่อเห็นหอกอัคคีนับสิบสายพุ่งเข้ามา เฉียนหยาหยุดเท้าลง และเปิดปากคำรามออกเสียงดัง มวลอากาศรอบๆบิดเบี้ยวแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นเกราะป้องกัน

“กำแพงคลื่นกัมปนาท ของเฉียนหยาตั้งรับหอกอัคคีนับสิบๆสายได้อย่างหมดจด

แต่ถึงอย่างไรการใช้กระบ่วนท่ากำแพงคลื่นกัมปนาทของเฉียนหยาเป็นการสิ้นเปลืองพลังปราณในร่างเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมันแตกต่างจากจี้ซวนที่หอกอัคคีนับสิบสายนั้นเกิดจากการวาดมือเพียงเท่านั้น”

หนิงเทียนมองดูการปะทะของทั้งสองด้วยสายตาเปี่ยมจิตสังหาร การปะทะกันระหว่างยอดยุทธในแดนวีรชนขั้นปลาย ไม่ใช่การต่อสู้ที่มันจะเข้าไปเสนอหน้าอยู่ตรงกลางได้ก็จริง

แต่สำหรับหนิงเทียนแล้วหาได้สนใจเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย มันเพียงแต่ทำตัวประดุจจระเข้ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในโคลนตมเพื่อจะรอเวลาที่เหยื่อของมันเผลอตัวและประมาทให้

จี้ซวนชำเลืองมองไปยังหนิงเทียน ราวกับว่ามันกำลังระแวงในตัวเด็กหนุ่มผู้นี้มากกว่า โจรปีศาจ เฉียนหยาที่มีชื่อเสียงเลืองลือ จิตใต้สำนึกที่ผ่านสมรภูมิรบมานับร้อยกรีดร้องบอกมันว่าอย่าได้เผลอตัวให้เด็กหนุ่มผู้นี้เด็ดขาด

เมื่อมันต้องแยกจิตออกเป็นสองฝั่ง การต่อสู้ที่เคยได้เปรียบของจี้ซวนค่อยๆกลายเป็นสูสีคู่คี่กับเฉียนหยา

ทั้งสองปะทะกันมากกว่ายี่สิบกระบวนท่า หนิงเทียนมองการต่อสู้ด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันจนเป็นปม

มันไม่คาดคิดเลยว่าการที่ตัวมันมาหยุดยืนอยู่ตรงนี้จะทำให้ผลลัพธ์ดูแย่ลงไป จี้ซวนที่เวลานี้เอาแต่ตั้งรับและต่อสู้อย่างระวังมัดระวังตัว ยิ่งประวิงเวลาให้ยืดออกไปจนไม่สามารถคาดเดาถึงบทสรุปได้ว่ามันจะจบลงเมื่อใดกัน

ถ้าเป็นในยามปกติแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอันใด แต่ในยามนี้หนิงเทียนต้องแข่งกับเวลาเพียงเพราะว่ามันไม่รู้ถึงชะตากรรมของสหายมันที่กำลังถูกไล่ล่าจากผู้ฝึกตนในระดับครึ่งก้าวสู่แดนวีรชนได้เลย

เมื่อคิดได้เช่นนี้หนิงเทียนไม่รอช้าอีกต่อไป มันรีบกล่าวออก “จี้ซวนเจ้าคิดว่า ที่ลูกน้องของเจ้าเยี่ยจาง ตายไปนั้นเป็นเพราะความประมาทของตัวมันนั้นเองหรือ?

เจ้าค่อนข้างที่จะประเมินตัวข้าต่ำไปหน่อยแล้ว เจ้าคิดหรืออย่างไรว่าข้าจะไม่มีวิธีสังหารเจ้าได้”

ในตำราพิชัยสงครามที่หนิงเทียนได้เขียนไว้ในชีวิตก่อนนั้น วิธีโจมตีที่ได้ผลดีกว่าโจมตีด้วยศาสตราวุธคือโจมตีด้วยวาจา เมื่อวาจาทิ่มแทงจิตใจจนเสียขวัญเมื่อใด บัดนั้นกองทัพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรย่อมมีพลังอ่อนลงหลายเท่าตัวอย่างเสียไม่ได้

และจี้ซวนก็เป็นเช่นนั้น เมื่อมันได้ยินคำพูดของหนิงเทียน ภายในใจของมันถึงกับเย็นเยียบ

ตั้งแต่หนิงเทียนปรากฎตัว ไม่มีสักลมหายใจใดเลยที่มันจะคลายความกังวลถึงวิธีที่หนิงเทียนใช้สังหารทหารคนสนิทของมันอย่างเยี่ยจางได้ ‘อาจจะเป็นไปได้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ซ่อนวิธีและความลับอะไรบางอย่างเอาไว้’

เมื่อหนิงเทียนเห็นถึงความสับสนภายในใจของจี้ซวนแล้ว มันไม่รอช้าที่จะลงมือในขั้นต่อไป“จี้ซวนรับมือเข็มพิษของข้าให้ดี”หนิงเทียนเปล่งเสียงเตือนออกดัง จากนั้นมันสะบัดมือปล่อยเข็มเงินนับสิบเล่มไปยังจี้ซวนด้วยจิตสังหารที่เต็มเปี่ยม

จี้ซวนได้ยินดังนั้น ใบหน้าของมันเปลี่ยนเป็นซับซ้อน ตัวมันได้เห็นถึงความน่ากลัวในเส้นทางแห่งพิษที่หนิงเทียนใช้กับตาตัวเองมาแล้ว

มันจึงไม่รอช้ารีบโคจรพลังปราณส่วนหนึ่งไว้ที่มือขวาจากนั้นมันสร้างโล่อัคคีขึ้นมาป้องกันเข็มเงินนับสิบเล่มของหนิงเทียน

เฉียนหยาเห็นดังนั้นมันเองก็ไม่คิดที่จะรีรออีกต่อไป มันวาดมือลงและใช้ออกด้วยกระบวนท่า กรงเล็บปีศาจสามสวรรค์อย่างเต็มกำลัง

จี้ซวนเห็นถึงอันตรายที่กำลังเข้ามา มันกำมือซ้ายแน่นและชกออกด้วยกระบวนท่าหมัดอัคคีที่สี่ อันเป็นหนึ่งในหกของทักษะบ่มเพาะหกอัคคีแห่งตระกูลจี้

แต่ด้วยการรับศึกทั้งสองทางของจี้ซวน ทำให้พลังหมัดอัคคีที่สี่ของมันไม่สามารถทนทานความรุนแรงของกรงเล็บปีศาจสามสรรค์ได้

แขนซ้ายของมันปรากฏลอยแผลยาวจากกรงเล็บของเฉียนหยา มันรีบอาศัยแรงส่งจากพลังโจมตีพุ่งตัวถอยหลังออกไปตั้งหลักอีกครั้ง

เวลานี้ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวปั่นยากเป็นที่สุด มันสบถออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด “สารเลวเพียงแค่เข็มเงินธรรมดากล้าที่จะหลอกข้าว่าเป็นเข็มพิษ”

เวลาเดียวกับที่จี้ซวนสบถออกด้วยความโกรธ เฉียนหยาไม่รอช้าที่จะรุกไล่จี้ซวนต่อไป ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความต้องการที่จะสังหาร

โฉมหน้าที่เคยเป็นตาแก่อ่อนโยนไม่มีให้เห็นอีกต่อไป ราวกับว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยคาบเลือดนี้เป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของบุรุษที่ได้รับขนานนามว่า โจรปีศาจ “ตาย!!!!” เฉียนหยากล่าวออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ

พร้อมกันนั้นหนิงเทียนเปิดปากและกล่าวเตือนจี้ซวน “รับมือ”จากนั้นมันสะบัดแขนเสื้อปรากฏเข็มเงินสีดำและสีเงิน สองเล่มพุ่งตรงไปยังด้านหลังของจี้ซวนพร้อมๆกับการโจมตีของเฉียนหยาที่เข้าโจมตีจากทางด้านหน้า

เวลานี้จี้ซวนถูกโจมตีขนาบจากทางด้านหน้าและหลังพร้อมๆกัน การโจมตีประสานที่ไม่มีการนัดหมายกันมาก่อนนี้สอดคล้องกันอย่างไม่น่าเชื่อ

ด้วยอาการจวนตัว จี้ซวนรวมพลังโบกมืดฟาดก้อนเปลวเพลิงไปยังเฉียนหยา ในส่วนของเข็มเงินด้านหลังมันเพียงใช้ออกด้วยทักษะกายาร่างอัคคีเพื่อป้องกันมิให้เข็มเงินสร้างบาดแผลให้กับมันเท่านั้น

ตูมม!! การประทะกันของก้อนอัคคีกับกรงเล็กสามสวรรค์ส่งเสียงดังสนั่น เปลวเพลิงของจี้ซวนระเบิดออกมา ส่งร่างของเฉียนหยากระเด็นออกไปไกลถึงยี่สิบก้าว

หน้าอกของเฉียนหยาปรากฏแผลพุพองจากความร้อนของเปลวเพลิง ในขณะที่ร่างของจี้ซวนทรุดเข่าลงข้างหนึ่ง มันรีบโคจรพลังขับไล่สิ่งแปลกปลอมที่บุกรุกเข้ามาในร่างของมันโดยเร็ว

จากนั้นมันกล่าวออกด้วยเสียงดุร้าย“เจ้าเด็กสารเลว ในเข็มเงินมีพิษ”

“ในครั้งแรกไม่มี แล้วคิดว่าครั้งที่สองจะไม่มีด้วยอย่างนั้นหรือ ตรรกะของเจ้ามันไม่เพี้ยนไปหน่อยหรือไง ท่านขุนพลอัคคี”

หนิงเทียนมองไปยังจี้ซวนด้วยสายตาดูถูกถ้าเป็นในโลกเก่าของมันแล้วละก็ แคว้นไหนมีขุนพลที่เบาปัญญาเช่นนี้ละก็ มันจะต้องเป็นแคว้นที่ถูกกลืนกินเป็นแคว้นแรกๆอย่างไม่ต้องสงสัย

การถูกเรียกว่าขุนพลอัคคีนะหรือ? ในโลกเก่าของมันถ้าคนเช่นนี้ถ้าไร้ซึ่งพลังแล้วก็เป็นได้เพียงทหารเลวที่ไร้สมองเท่านั้น

แต่กระนั้นอย่างไรก็ตามฉายาขุนพลอัคคีของจี้ซวนก็ได้มาเพราะความแข็งแกร่งของตัวมันเอง มิใช่ได้มาเพียงเพราะลมปากลอยๆของใครบางคน

มันรีบสะบัดมือเรียกหอกอัคคีเทพออกมาอีกครั้งและตวัดตัดไปยังแผ่นเนื้อด้านหลังของมันอย่างบ้าบิ่นคล้ายกับคนเสียสติ

ก้อนเนื้อที่ถูกคุกคามด้วยพิษกัดวิญญาณขาดออกจากร่างของมันกลายเป็นก้อนเนื้อส่วนเกินไปทันที จากนั้นจี้ซวนใช้เปลวเพลิงเผาปากแผลห้ามโลหิตเอาไว้ไม่ให้ไหลออก

บนใบหน้าของจี้ซวนไม่แสดงออกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย มันมีเพียงดวงตาที่แดงก่ำไปด้วยโทสะเท่านั้น

“ตัวข้าประมาทพวกเจ้าเกินไป ข้ารู้สึกว่าตัวเองจะนั่งอยู่บนบัลลังก์จนลืมไปว่า การต่อสู้ที่แท้จริง มีเพียงแต่ตายกับเป็นเท่านั้น”แววตาของจี้ซวนเวลานี้บ่งบอกถึงการตัดสินใจอย่างแน่วแน่

จากนั้นมันกระแทกหอกเทพอัคคีลงพื้นจนเกิดเสียงดัง พร้อมกับพุ่งตัวเข้าโจมตีหนิงเทียนเป็นเป้าหมายแรก

เมื่อเห็นถึงการตัดสินใจของจี้ซวน หนิงเทียนหรี่ตาลงแคบมันพึมพำออกมา “ได้ ข้าขอถอนคำพูดเมื่อครู่อย่างน้อยเจ้ายังหลงเหลือศักดิ์ศรีกับตำแหน่งขุนพลอยู่บ้าง”

แม้ว่าหนิงเทียนนั้นจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจี้ซวนก็ตาม แต่ทว่าความตื่นตระหนกที่ต้องเป็นเป้าหมายของยอดยุทธในแดนวีรชนไม่มีอยู่ในดวงตาของมันเลยแม้แต่น้อย

หนิงเทียนตั้งสมาธิอยู่กับท่าเท้าของมัน และบิดร่างหลบหอกอัคคีเทพของจี้ซวนได้อย่างฉิวเฉียดแต่ถึงอย่างนั้นแม้มันจะหลบคมหอกได้พ้น

แต่พลังปราณอัคคีที่พวยพุ่งออกมาจากการโจมตีแต่ละครั้งยังคงสร้างรอยแผลให้แก่หนิงเทียนได้ น่ากลัวว่าถ้าปราศจากกายาเทพอสูรแล้ว เพียงแค่แรงกระแทกจากลมปราณก็เพียงพอที่จะสังหารมันให้ตกตายไปได้แล้ว

เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์เป็นตายเช่นนี้ หนิงเทียนอดไม่ได้ที่จะก่นบ่นในจิตใจ “หวงตี้นะหวงตี้ ทักษะบ่มเพาะที่ท่านบอกว่ามันท้าทายสวรรค์ แต่เส้นทางในการฝึกฝนมัน ข้าว่ามันยากยิ่งกว่าการปีนขึ้นไปสู่สวรรค์เสียอีก”

จากนั้นหนิงเทียนสะบัดขาก้าวถอยอย่างรวดเร็ว เวลานี้หนิงเทียนพอจะเข้าใจคำพูดของบิดามารดาของมันขึ้นมาแล้วว่า

“กายาเทพอสูรและเก้าวิญญาณท่องนภานั้นเป็นทักษะกระสอบทรายและท่าเท้าวิ่งหนีได้อย่างไร”

ด้วยความแข็งแกร่งของกายาและความเร็วรวดของท่าเท้า ทำให้หนิงเทียนเอาตัวรอดจากการบุกกระหน่ำของจี้ซวนได้ราวๆ10ลมหายใจ แต่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ร่างของเฉียนหยาพุ่งเข้ามาช่วยเหลือมัน

“จะไปไหน คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า”เฉียนหยากล่าวขึ้นพร้อมเปิดปากคำรามออกด้วยทักษะโจมตี ‘กระสุนเสียงสังหาร’ กระสุนสูญญากาศนับสิบๆลูกพุ่งเข้าใส่ร่างของจี้ซวนอย่างรุนแรง

“กายาอัคคีเกราะสุริยาแผดเผา” จี้ซวนคำรามออก พลันปรากฏเปลวไฟโหมกระหน่ำท่วมร่างของมัน เมื่อกระสุนเสียงของเฉียนหยาเข้าใกล้เปลวไฟที่ปกคลุมร่างของจี้ซวนมันเริ่มสูญเสียความเร็วและไม่นานมันสลายไปพร้อมอากาศรอบนอก

เมื่อจี้ซวนปัดป้องการโจมตีของเฉียนหยาแล้ว มันไม่ได้ให้ความสนใจกับเฉียนหยาอีก มันปลายตาไปทางหนิงเทียนและถีบเท้าพุ่งตัวออกเป็นประกายไฟสีแดง

ด้วยพลังที่จี้ซวนระเบิดออกมานั้นมันก้าวข้ามพลังของผู้ฝึกตนในดินแดนวีรชนขั้น7ไปเรียบร้อยแล้ว

ใบหน้าของเฉียนหยาซีดขาวขึ้นมาทันใด มันรีบตะโกนออกสุดเสียง “เจ้าหนุ่ม หนีไป มันทะลวงระดับขึ้นไปอยู่ในขั้นที่8ของแดนวีรชนแล้ว ตอนนี้พวกเราไม่ใช่คู่มือของมัน”

สิ้นเสียงเฉียนหยายกสองมือของมันขึ้นมา “หมู่พฤกษาเกื้อหนุนให้พสุธาโดยรอบ มอบพลังแห่งป่าและผืนดินให้แก่ข้า”

กล่าวจบเฉียนหยาแนบสองมือลงกับพื้นดิน ด้วยพลังแห่งธาตุดินและธาตุไม้ที่มันได้หลอมรวม ปรากฏออกเป็นแท่งหินงอกขึ้นมาจากพื้นดินขวางกั้นเส้นทางของจี้ซวนชะลอความเร็ว เพื่อสร้างเวลาให้หนิงเทียนได้หลบหนี

ตูมม ตูม!!! จี้ซวนสะบัดหอกเทพอัคคีตัดแท่นหินที่งอกขึ้นมาจากพื้นดินราวกับตัดขนมเปี๊ยะ ด้วยพลังอำนาจของแดนวีรชนขั้นที่แปด มันยกหอกเทพอัคคีขึ้นสูงเสียดฟ้า จากนั้นมันสะบัดลงด้วยความเร็วเหนือเสียง

เวลานี้ด้านหลังของจี้ซวนปรากฎภาพอวตารของอสรพิษสีแดงเพลิงสะบัดร่างไปมาก้อนจะม้วนตัวรวมกันเป็นเส้นเดียวในรูปลักษณ์ของหอก

เห็นได้ชัดว่าเวลานี้จี้ซวนไม่ได้เพื่อพลังไว้ป้องกันร่างของมันเลยแม้แต่น้อย กระบวนท่าที่6ของทักษะหกอัคคีถูกใช้ออกอย่างเต็มกำลัง "เส้นทางแห่งหอก อสรพิษเพลิงเป็นหนึ่ง"

“เมื่อเจ้าทุ่มมันสุดตัวและถ้าตัวข้าไม่ใช้ออกทุกสิ่งที่ข้ามีแล้ว เห็นทีจะไม่ยุติธรรมกับตัวเจ้า ดีเช่นนั้นมาลองดูกัน” การกระทำของหนิงเทียนนั้นสร้างความตกตะลึงให้แก่เฉียนหยาเป็นอย่างมาก

ภาพที่เฉียนหยาเห็นนั้นคือเด็กหนุ่มกำลังคว่ำมือเรียกกระบี่ออกมา เด็กหนุ่มที่ไร้ซึ่งพลังปราณยืนหยัดเผชิญหน้าโดยตรงกับผู้ฝึกตนในดินแดนวีรชนขั้นที่8 ไม่ว่ามันจะเกิดแล้วตายสัก10ครั้ง ภาพเช่นนี้คงจะไม่ปรากฏให้มันได้เห็นอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน

เวลาเดียวกันหนิงเทียนกระชับพิรุณโปรยในมือแน่น มันมองหอกเทพอัคคีที่แทงสวนเข้ามาอย่างเต็มกำลังอย่างไม่กระพริบตา หนิงเทียนใช้เวลาเพียงลมหายใจเข้าออกในการตั้งสมาธิ

‘การปะทะกันครั้งนี้ขอแค่ข้าเบี่ยงเบนทิศทางของหอกเทพอัคคีให้พ้นไปได้ก็พอแล้ว’

คิดได้เช่นนั้นหนิงเทียนเพ่งหาจุดที่มันควรจะเข้าปะทะก่อนจะยกพิรุณโปรยขึ้นมัน มันวาดออกเป็นวงกลม เงากระบี่สีดำถูกวาดตามพิรุณโปรยราวกับว่ามันมีชีวิต

ทันใดนั้นแสงของตะวันวูบหายไปชั่วพริบตา กระบวนท่าที่สองของ13กระบี่สังหารเทพ “ร่ายรำล้อเงาจันทร์”ถูกใช้ออกในพริบตา

ทันทีที่มันถูกปลอยออกไป มือขวาของหนิงเทียนปกคลุมไปด้วยโลหิตสีแดงสด พลังสะท้อนของกระบวนท่านี้แม้แต่ร่างกายที่ฝึกกายาเทพอสูรมาก็ไม่สามารถทนทานแรงสะท้อนของมันได้

หนิงเทียนนั้นไม่มีทางเลือกมากนัก ทักษะต่อสู้ที่มันมีนั้นไม่ว่าจะเป็นเหมันต์ไร้ใจ เพลิงเทพอสูร ฝ่ามือกระชากวิญญาณ ปราณพิษกร่อนเทวะ เป็นกระบวนท่าที่ต้องใช้ลมปราณเป็นตัวขับเคลื่อนทั้งสิ้น

จะมีเพียงแต่เพลงกระบี่สังหารเทพทั้ง13กระบวนท่าเท่านั้น ที่สามารถใช้ออกแต่กระบวนท่าโดยไร้ซึ่่งลมปราณส่งเสริมได้ ....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด