ตอนที่แล้วการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 69 ดาบไร้ชื่อ VS สุดยอดดาบราคา 10,000 เหรียญทอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 71+72+ 73 ร่างในตำนาน

การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 70 ความกังวลของหัวหน้าช่างตีเหล็ก


กำลังโหลดไฟล์

ตอนที่ 70  ความกังวลของหัวหน้าช่างตีเหล็ก

“อย่างที่ข้าเป็นกังวล มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการตีเหล็ก 50 ครั้ง ต่อ 1 นาที ข้าคิดว่าพวกช่างตีเหล็กส่วนมากคงไม่สามารถทำแบบข้าได้แน่นอน ข้าอยากรู้ว่าท่านคิดทางแก้แบบไหนเอาไว้ครับ?”

คำถามของหัวหน้าช่างตีเหล็กเปรียบเหมือนถังน้ำขนาดใหญ่ที่มาดับไฟที่กำลังลุก จากบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อครู่ มันกลับมาเป็นหม่นหมองทันที มันเป็นความจริงที่ขนาดพลังบ่มเพาะ ระดับจักรพรรดิ ยังแทบสามารถทำได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงช่างตีเหล็กปกติเลยว่าจะทำได้กันไหม แต่ก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ ผมคิดทางแก้เอาไว้แล้วเพราะในยุคสมัยหายนะแห่งมวลมนุษย์คนที่ตีได้ก็มีไม่เยอะเท่าไหร่นักหรอก

“เจ้า! เจ้า! เจ้า! และเจ้า! พวกเจ้าสามคนไปถือค้อนเตรียมเอาไว้ และอีกคนไปเอาที่คีบจับแร่เหล็กสวรรค์เอาไว้”

ผมเริ่มเรียกช่างตีเหล็กทั้งสี่คนที่เข้าเกณฑ์ที่ผมต้องการ การอธิบายอะไรตอนนี้มันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เรื่องแบบนี้มันต้องทำให้ดูไปเลยเพราะจะได้ไม่เสียเวลา

ไม่นานนักช่างตีเหล็กทั้งสี่ก็ทำตามคำสั่งของผมทันทีด้วยสีหน้าสงสัยกันอยู่ แต่ถึงจะไม่เข้าใจแต่พวกนั้นก็ยอมทำตาม ตอนแรกก็ว่าจะเอาไว้สอนหลังจากการสอน เคล็ดวิชาเพลิงปราณ และ เคล็ดวิชาจารึกทั้ง 4 ชนิด เรียบร้อย แต่ในเมื่อมีคนถามออกมาก่อนแบบนี้ก็คงต้องสอนไปเลย

หลังทุกอย่างเรียบร้อย ผมก็หันไปทางหัวหน้าช่างตีเหล็ก

“เจ้าค่อยดูเอาไว้ วิธีนี้เจ้าต้องจำให้ได้และสอนทุกคน”

“ครับ…”

คุยจบ ผมก็หันไปหาทั้งสี่คนที่เตรียมพร้อมกันอยู่

“พวกเจ้าสามคนหลังจากนี่จะมีชื่อเป็นตัวเลข 1 , 2 , 3 เข้าใจใช่ไหม?”

“…ครับ”

ชายสามคนที่ถือค้อนตีเหล็กอยู่ตอบออกมาด้วยเสียงอ่อนๆ การเรียกเป็นหมายเลขแบบนี้ก็เป็นหนึ่งในขั้นตอนการฝึกเช่นกัน ปกติแล้วช่างตีเหล็กหนึ่งคนจะตีได้นาทีละ 20 ครั้ง คงมากสุดแล้ว ทว่า ถ้ารวมกันสามคนก็จะได้ 60 ครั้ง เพียงเท่านี้เป้าหมาย 50 ครั้ง ต่อ 1 นาที ก็ไม่ใช่ปัญหา

แต่ว่า ปัญหามันอยู่ต่อจากตรงนี้แหละ การฝึกให้คนทั้งสามคนทำงานพร้อมกันได้มันไม่ใช่ง่ายๆ แล้วยิ่งช่างตีเหล็กยุคนี้ยังไม่รู้จักรการตีผสานแบบในยุคหายนะแห่งมวลมนุษย์ แล้วส่วนมากก็ชอบทำงานคนเดียวเป็นสะส่วนใหญ่การสอนให้ใช้ท่าตีผสานมันได้ใช่ง่ายๆ เลย  เฮ้อ~ คิดแล้วก็เหนื่อยเลยจริงๆ

…..

2 ชั่วโมงต่อมา

“1 2 3 2 3 1 2 3 หยุด!!!”

ช่างตีเหล็กทั้งสามคนหยุดตีทันทีหลังจากที่ผมสั่งออกคำสั่งไป ในตอนนี้ การสอนให้ตีเหล็กแบบตีผสานก็เป็นไปได้ด้วยดี ตอนแรกคิดว่าต้องใช้เวลานานกว่านี้สะอีก แต่ไม่คิดเลยว่าช่างตีเหล็กเหล่านี้จะสามารถเข้าใจและทำให้สำเร็จได้ง่ายแบบนี้

“เป็นยังไงบ้างหัวหน้าช่างตีเหล็ก เจ้าพอเข้าใจจังหวะไหม?”

ถึงพวกนั้นสามคนจะทำสำเร็จตามที่ผมต้องการแล้วก็เถอะ แต่ถ้าหัวหน้าช่างตีเหล็กยังจับเคล็ดลับไม่ได้ก็คงต้องให้ตีใหม่อีกครั้งอยู่ดี วิธีแบบนี้ การบอกไปเลยมันไม่เข้าใจหรอก เพราะในสมัยก่อนกว่าที่ผมจะเข้าใจได้ก็ต้องยืนมองอยู่หลายชั่วโมงเหมือนกัน

“การตีเป็นจังหวะตามหมายเลข ที่ทำแบบนั้นก็เพื่อให้สามารถเรียกชื่อได้ง่ายขึ้น”

“ใช่!”

“ส่วนเรื่องการเว้นชื่อหมายเลขและเรียกหมายเลขอื่นแทนก็เพราะเว้นเวลาให้รวมพลังปราณเข้าที่ค้อน เพราะพวกนั้นพลังบ่มเพาะต่ำกว่าข้าเยอะเลยไม่สามารถรวมลมปราณได้เร็วเท่าข้า ด้วยเหตุผลแบบนั้นการจะสั่งให้ใครตีลงไปก็ต้องดูก่อนว่าคนเหล่านั้นพร้อมหรือไม่ ท่านถึงจะสั่งให้ตีลงไป …ข้าเข้าใจถูกหรือไม่?”

ยอดเยี่ยม! ก็พอเข้าใจอยู่หรอกว่าหมอนี่เป็นถึงคนที่อยู่กับการตีเหล็กมาก 40 ปี แต่ไม่คิดเลยว่าจะมองออกได้ง่ายๆ เช่นนี้

ตีผสาน! วิธีนี้ก็เป็นแบบที่หัวหน้าช่างตีเหล็กเข้าใจและอธิบายออกมาเมื่อครู่ ช่างตีเหล็ก 1 คน ตีได้ 20 ครั้ง ต่อหนึ่งนาที เพราะแบบนั้นการเว้นช่วงหมายเลข 1 ให้หมายเลข 2 หรือ 3 ตีลงไปก่อน จากนั้นพอหมายเลข 1 พร้อมก็ตีลงไป การทำแบบนั้นจะช่วยปิดช่องว่างความเร็วในการตีได้ แล้วฟังจากที่หัวหน้าช่างตีเหล็กสามารถอธิบายออกมาได้ขนาดนี้ ผมคงไม่เหนื่อยทำให้ดูหลายรอบแล้ว เหอๆ

ผมพยักหน้าขึ้นลงด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ

“เจ้าเข้าใจถูกแล้ว การที่ต้องใช้ถึงสามคนก็เพื่อเว้นระยะในการตีลงไปในแต่ละครั้ง เพราะถ้าพลังปราณไม่พอแล้วตีลงไปการตีครั้งนั้นมันก็จะไม่โดนนับ และคนที่จะทำขั้นตอนนี้ได้ก็ต้องมีพลังบ่มเพาะ ระดับราชานักรบ ขึ้นไปเท่านั้น …ในนี้ยังมีอยู่กี่คนนอกจากสามคนที่ข้าให้ไปทำให้ดู”

“…ประมาณ 20 ครับ ส่วนมากเป็นราชานักรบ ขั้นที่ 1 – 3”

“ถือว่าใช่ได้ ถ้าเช่นนั้นเจ้าเข้าใจไหมว่าการตีขั้นตอนที่ 1 ใน 1 ครั้ง ต้องใช้คนเท่าไหร่”

“ครับ ใช้ตี 3 จับเหล็ก 1 และคนกำหนดจังหวะ 1 ทั้งหมดก็ 5 คน”

เท่านี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรแล้ว หัวหน้าช่างตีเหล็กพูดออกมาขนาดนี้คงเข้าใจเรื่องทั้งหมด เรื่องหลังจากนี้ก็ปล่อยให้หมอนี่จัดการไปก็แล้วกัน …เจอของดีเข้าแล้วสินะ หลังจากหมอสัญญาคงต้องหาทางดึงตัวหมอนี่เอาไว้สะแล้ว หึหึ!

หลังจากสอนหัวหน้าช่างตีเหล็กเรื่องการผสานการตีเรียบร้อย ผมก็เริ่มสอนเคล็ดวิชาเพลิงปราณและวิธีการลงจารึกให้กับเหล่าช่างตีเหล็กทั้งหมดทันที การเรียนเป็นไปได้อย่างรวดเร็วเพราะผมเคยสอนเรื่องพวกนี้ให้กับคนจำนวนหลายพันคนในครั้งเดียวมาก่อนแล้ว การมาสอนคนเพียงร้อยคนมันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย

อีกอย่าง เหล่าช่างตีเหล็กก็มีความสามารถเป็นพื้นฐานกันอยู่แล้ว การสอนเลยใช้เวลาไม่นาน

“รับไป ข้าต้องการมันเสร็จภายในเวลาสามวัน”

ผมส่งกระดาษหนึ่งม้วนให้กับหัวหน้าช่างตีเหล็ก ขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้อง

หัวหน้าช่างตีเหล็กไม่รอช้ารีบเปิดมันดูทันที

“นี่….”

“รายละเอียดไม่ต้องครบหมดก็ได้ เอาสัก 80% ก็น่าจะพอ”

“ครับ  ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะเร่งสร้างมันขึ้นมาแล้วส่งให้ท่านแบบ 100% ให้ได้ แต่ว่า ทำไมท่านถึงต้องทำสวยงามเช่นนี้ด้วย?”

ผมส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย แล้วตอบไปว่า

“ข้ามีวิธีใช้งานของข้า ส่วนเจ้าไม่ได้มีหน้าที่ตรงนั้น”

“ขะ ขออภัยครับ!”

ผมไม่ได้ตอบอะไรกับการขอโทษของหัวหน้าช่างตีเหล็ก แล้วเดินออกจากห้องทันที การพูดไปแบบนั้นไม่ใช่เพราะผมพยามขู่แต่อย่างใด ทว่า มันเป็นการย้ำเตือนสถานะของหมอนั้นต่างหาก หลังจากออกมาด้านนอกผมก็หันไปหา ซาอุส เดอุส ที่เดินตามหลังมา

“เอาละ! งั้นก็ถึงเวลาที่พวกเราทั้งสองจะเจรจาเรื่องธุรกิจกันแล้ว เจ้าพร้อมหรือไม่”

“ฮาฮาฮา ท่านอย่ามาถามอะไรที่รู้คำตอบอยู่แล้วสิครับท่านแกรนด์ดยุก ข้ามีเรื่องที่ต้องเจรจากับท่านถึงสองอย่างด้วยกัน แล้วของทั้งสองอย่างก็เป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาลมากอีกด้วยท่านคงไม่คิดว่าข้าจะปฏิเสธท่านหรอกใช่ไหม”

“ก็ไม่อยู่แล้ว …งั้นก็ไปเจรจาที่คฤหาสน์ก็แล้วกัน”

“ครับ!”

เรื่องที่ผมกับหมอนี่ต้องเจรจาร่วมธุรกิจกันก็มีอยู่สองเรื่อง 1 เรื่องการขายช็อกโกแลต 2 เรื่องการขายดาบเหล็กสวรรค์ ตามจริงทั้งสองเรื่องผมไม่จำเป็นต้องดึงให้ซาอุสเข้ามาร่วมด้วยเลยก็ได้ แต่ว่า เห็นแก่ของขวัญที่หมอนี่ให้มาก่อนที่ผมจะเข้าพบองค์ จักรพรรดิสวรรค์ แล้วก็เรื่องที่ทำงานได้รวดเร็วจนสามารถหาช่างตีเหล็กนับร้อยมาให้ได้ในเวลาอันสั้น ถ้าไม่ตอบแทนอะไรสักหน่อยก็คงดูไม่ดี

อีกอย่าง การจะให้ฝ่ายบริหารหาทางขายทั้งช็อกโกแลตและดาบเหล็กสวรรค์ มันก็คงเป็นไปไม่ได้ จะไปหาพ่อค้าคนอื่นๆ ก็เสียเวลา แถมไม่รู้ว่าจะสามารถเชื่อใจได้ไหม เพราะแบบนั้นผมเลยคิดว่าใช้หมอนี่เป็นคนขายให้เลยเรื่องมันก็ง่ายขึ้นเยอะ

…..

ณ คฤหาสน์ตระกูล วอเตอร์

หมับ!

“ท่านพี่!!”

เมื่อเดินเข้ามาด้านในคฤหาสน์ก็มีร่างของเด็กสาวตัวเล็กวิ่งเข้ามาสวมกอดผมทันที ซึ่งคนที่กำลังกอดผมอยู่ตอนนี้ก็ไม่มีใครอื่นที่ไหนหรอก อลิส! หลังจากที่ได้รับโอสถรักษาไปขาของเธอก็สามารถเดินได้แล้ว เธอกำลังกอดผมด้วยใบหน้ายิ้มอย่างดีใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ใบหน้าของเธอตอนนี้เป็นใบหน้าการยิ้มจริงๆ ของเธอ ปกติแล้วถ้าเธอยิ้มเธอก็แค่จะพยามแกล้งยิ้มเท่านั้นไม่ว่าจะดีใจหรืออะไรก็ตาม เรื่องนั้นผมก็รู้ดีเลยไม่ได้พูดอะไรแล้วปล่อยผ่านไป ก็ขาของเธอเดินไม่ได้ตั้งแต่เด็ก! ไม่ไหนก็ไม่ได้! อิสละก็ไม่มี! จะให้เธอดีใจแบบคนปกติไม่ได้หรอก แต่ว่า ตอนนี้ผมสัมผัสได้เลยว่าเธอกำลังยิ้มอย่างมีความสุขแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และรอยนี้ ก็เป็นรอยยิ้มดีใจแบบจริงๆ ของเธอ…

ผมยิ้มและใช้มือขวารูปหัวของเธอ พร้อมกับพูดออกไปว่า

“อะไรกัน แค่เดินดะ- เอ่ะ?!?!?”

“เป็นอะไรไปคะท่านพี่???”

อลิส เงยหน้าถามขึ้นมาด้วยแววตาสงสัย ส่วนเหตุผลที่ทำให้ผมลืมตัวจนต้องอุทานออกไปแบบนั้นก็เป็นเพราะ…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด