ตอนที่แล้วการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 58 ผลิตช็อกโกแลต และ สุดยอดแผนการตลาด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 60 การชักชวนแสนอันตราย

การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 59 ข้อเสนอไม่คาดฝัน จาก สมาคมนักปรุงโอสถ


ตอนที่ 59 ข้อเสนอไม่คาดฝัน จาก สมาคมนักปรุงโอสถ

ณ ห้องต้อนรับ สมาคมนักปรุงโอสถ สาขาเมืองหลวงจักรวรรดิ

“ฮาฮาฮา ท่านแกรนด์ดยุก ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าคนแบบท่านไม่มีทางมาจบเพราะเรื่องแค่นี้แน่นอน”

แจนด์ลาส หัวหน้าสมาคมนักปรุงโอสถ พูดด้วยใบหน้ายิ้มชอบใจ เรื่องที่หมอนี่กำลังพูดคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีการฟ้องร้องที่เหล่าขุนนางและพวกสองกรมฟ้องร้องผมนั่นแหละ สำหรับหมอนี่แล้วการเห็นผมอยู่ตรงหน้าคงเป็นเรื่องดีมากๆ เพราะผมเป็นถึงลูกค้ารายใหญ่ของสมาคมนักปรุงโอสถ สาขาจักรวรรดิ แห่งนี้ ถ้าเกิดผมโดนลดอำนาจไป ก็คงได้เกิดผลกระทบกับการซื้อขายไม่ใช่น้อยๆ เพราะกว่า 80% จากโอสถที่พวกนี้ผลิตได้ก็ถูกขายมาให้ผมจนหมด ข่าวเรื่องการชนะการฟ้องของผมคงทำให้หมอนี่ดีใจสะยิ่งกว่าผมที่เป็นคนชนะเองสะอีก หึหึ!

“ฮาฮาฮา ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดข้าจะแพ้การฟ้องร้องได้ยังไง ว่าแต่เจ้าเถอะ ดูเหมือนว่าหลังจากการซื้อขายของพวกเราสำเร็จลุล่วงไป เหมือนว่าอำนาจของเจ้าภายในสมาคมนักปรุงโอสถ คงจะสูงขึ้นพอสมควรใช่ไหม?”

“ครับๆ เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ท่านแกรนด์ดยุกข้าคงติดอยู่ระดับ 3 ไปอีกนาน”

ระดับ 3 !

ระดับที่แจนด์ลาสพูดออกมาผมก็ไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก เพราะเมื่อ ยุคหายนะแห่งมวลมนุษย์ มาถึง เรื่องพวกนี้ก็โดนลบหายไปจนหมด แต่เท่าที่รู้เหมือนว่าองค์กรอย่าง สมาคมนักปรุงโอสถ จะแบ่งสมาชิกของตัวเองออกเป็นระดับชั้น 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 เหมือนว่าระดับขั้นที่ 6 จะเป็นจุดสูงสุด

เมื่อกี้ แจนด์ลาส บอกว่าหลุดจากระดับสาม หมอนี่ก็อาจจะได้ขึ้นเป็น 4 หรืออาจจะสูงกว่านั้น แต่ว่า ถ้าขนาดระดับสามยังเป็นผู้คุมสาขาได้แบบนี้ ระดับสี่คงอาจจะคุมจักรวรรดิทั้งประเทศเลยก็ได้ หึหึ! การมาครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจริงๆ ถ้าหมอนี่มีอำนาจมากขึ้นก็หมายความว่ากำลังผลิตก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งก็หมายความว่า ผมก็สามารถซื้อโอสถจากหมอนี่ได้มากขึ้นไปอีก  …นับว่าเป็นข่าวดีจริงๆ

“เช่นนั้นก็ดีใจด้วยที่เจ้าขึ้นไประดับสี่ได้”

“ฮาฮาฮา ถ้าไม่ได้ท่านข้าคงไปไม่ถึง แต่ว่า!! วันนี้ท่านแกรนด์ดยุกคงไม่ได้จะมายินดีกับข้าอย่างเดียวหรอกจริงไหม”

เข้าเรื่องเลยสินะ!! นึกว่าจะปั้นหน้าคุยกันนานกว่านี้สะอีก หึหึ! แบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะเราเองก็ไม่ได้มีเวลามาเสียมากด้วย เงียบสักพักผมก็ทำหน้าจริงจัง พร้อมตอบออกไปว่า

“แน่นอน! ที่ข้ามาวันนี้ก็เพราะมาถามเรื่องสมุนไพรที่ข้าให้เจ้าไปหาให้”

เมื่อสองเดือนก่อนผมคุยเรื่องการรักษาร่างกาย อลิส เอาไว้ และคนที่สามารถหาสมุนไพรเหล่านั้นให้ผมได้ก็ไม่มีใครนอกจากหมอนี่ เพราะงั้น ครั้งนี้ที่มาผมไม่ได้มาเจรจาเรื่องของโอสถจำนวนมากแต่อย่างใด ยังไงสะสิ่งที่สำคัญมากกว่ากำลังทหารก็คือชีวิตแสนสุขของ อลิส  แต่ถ้าหมอนี่ไม่สามารถหาให้ผมได้เรื่องธุรกิจร่วมกันก็คงต้องกลับไปคิดใหม่อีกครั้ง …ถ้างานเท่านี้ยังทำไม่สำเร็จ งานใหญ่ๆ ต่อจากนี้ก็คงฝากอะไรไว้ด้วยไม่ได้หรอก

“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องห่วง”

แจนด์ลาส ตอบพร้อมรอยยิ้ม

“เรื่องการหาวัตถุดิบที่ท่านต้องการมันยากจริงๆ แต่เมื่อใช้อำนาจของข้าใน สมาคมนักปรุงโอสถ ที่อยู่ระดับที่ 4 การหาพวกมันก็ไม่เกินความสามารถของข้า ส่วนเรื่องราคาท่านก็ไม่ต้องกังวลเพราะข้าได้ดีแบบนี้ก็เพราะท่าน เรื่องของครั้งนี้ถือเป็นน้ำใจจากข้าก็แล้วกัน และฝากอนาคตต่อจากนี้กับท่านด้วย”

หึ! ไม่คิดเลยว่าหมอนี่จะทำตัวแบบพวกพ่อค้าสะแล้ว ‘ฝากอนาคต’ การพูดแบบนี้ก็หมายถึงจะสื่อนัยๆ ออกมาว่า ช่วยซื้อโอสถเพิ่มด้วยเถอะ! หรือไม่ ก็หมายความว่าอะไรทำนองนั้นนั่นแหละ แต่ว่า การได้รับเม็ดโอสถเพิ่มมันก็ดีกับผมเช่นกัน ตอนนี้ทหารทั้งสองแสนคนก็กำลังฝึกเพื่อเพิ่มพลังบ่มเพาะกันอยู่ โอสถที่หมอนี่ขายให้เดือนที่แล้วก็ใช้ไปจนหมดภายในไม่กี่วัน ก่อนไปปรุงยาคงต้องเจรจาเรื่องนี้ก่อนสินะ…

คิดได้ ผมก็ทำหน้าจริงจังแล้วถามออกไปว่า

“เช่นนั้นข้าเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน หลังจากเจ้าเลื่อนขั้นเป็นระดับ 4 เจ้าสามารถขายให้ข้าได้มากสุดเดือนละเท่าไหร่? และเสนอราคาออกมาด้วยเลย!!”

“ข้าละชอบท่านจริงๆ ถ้าข้าไปพูดแบบนี้กับขุนนางที่มีอายุสัก 30 หรือ 40 ปี พวกนั้นอาจจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของข้าด้วยซ้ำ แต่ท่านกลับเข้าใจได้ทันทีว่าข้าต้องการอะไร”

“พอเถอะ! พวกเราไม่ได้เป็นมิตรกันขนาดนั้น รีบเสนอราคาออกมา”

เมื่อครั้งก่อนที่เจอกัน แจนด์ลาส ก็ได้แสดงจุดยืนของตัวเองออกมาแล้วว่าสมาคมนักปรุงโอสถ จะไม่ทำให้ประเทศใดประเทศหนึ่งมีกำลังรบมากเกินไปจนเสียความสมดุลของอำนาจ เพราะงั้นถึงหมอนี่จะพูดดีกับผมแต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นมิตรกันสักหน่อย ที่พวกเราต้องการจากันและกันตอนนี้คือผลประโยชน์ต่างหาก และเมื่อพูดถึงผลประโยชน์ กฎเหล็กของมันมีอยู่ 1 ข้อ!! นั้นก็คือ ถ้าหมดประโยชน์ก็ไม่ใช่มิตรกัน!

ในสงครามยุคหายนะแห่งมวลมนุษย์ ผมเข้าใจเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี สมัยนั้นถ้าหมดประโยชน์ก็จะโดนตัดทิ้งทันที เรื่องนั้นผมเจอมาเยอะจนเบื่อกับมันมากพอแล้ว การได้มาเจอแบบนี้อีกเลยไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก

ถามออกไปได้ไม่นาน แจนด์ลาส ก็ส่งม้วนกระดาษออกมา 1 ม้วน พร้อมใบหน้ายิ้มเย็นต่างจากยิ้มอบอุ่นแบบเมื่อกี้ไปมาก ผมรีบเปิดอ่านทันที

[ มากกว่าเดิม 10 เท่า ]

ในกระดาษที่ผมเปิดอ่านมันมีตัวอักษรไม่เพียงกี่ตัวอักษรเท่านั้น ทว่า สิ่งนี้ทำให้ผมต่างแข็งค้างทันที 10 เท่า!!! ปริมาณขนาดนี้มันไม่ใช่น้อยๆ การได้มันมาครอบครองผมจะสามารถสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งขึ้นได้ภายในเวลาไม่กี่เดือนแน่ๆ ตอนแรกก็คิดว่าจะได้มากกว่าเดิมเพียง 2 หรือ 3 เท่าตัว จากการซื้อขายครั้งก่อนเพียงเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าหมอนี่จะสามารถเพิ่มการผลิตได้ขนาดนี้ หึหึ! เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ ไม่เสียแรงที่คาดหวังเอาไว้ทำได้ดีกว่าที่หวังเอาไว้สะอีก แต่ว่า เรื่องมันคงไม่ง่ายแบบนั้นหรอก!

หลังสงบสติได้ ผมก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดไปว่า

“หึ! นี่สมาคมนักปรุงโอสถลืมจุดยืนของตัวเองไปแล้วหรือไง ข้ามีทั้งกำลังคน ทั้งเส้นทะเลลมปราณขนาดใหญ่ แล้วก็ยังได้รับโอสถที่เป็นทรัพยากรจำนวนมากในการบ่มเพาะเช่นนี้อีก แบบนี้สมดุลทางด้านกำลังรบคงโดนทำลายแน่ๆ”

แจนด์ลาส ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มเย็น

“ท่านกำลังเข้าใจผิดแล้ว ท่านแกรนด์ดยุก!! ตอนนี้ท่านกำลังตีความเรื่องการรักษาสมดุลของสมาคมนักปรุงโอสถผิดไปมาก”

“โห่ว! เช่นนั้นก็ช่วยอธิบายให้ข้าเข้าใจหน่อยสิ”

“อันดับแรก พวกเราสมาคมนักปรุงโอสถไม่เคยลืมจุดยืนของตัวเองที่ต้องรักษาสมดุลเอาไว้ แต่ว่า สมดุลที่ว่ามันไม่ใช่ความสงบสุขของจักรวรรดิ อาณาจักร สหราชอาณาจักร ราชอาณาจักรหรือประเทศอื่นๆ ในทวีปแห่งนี้ เพียงแต่ว่า สมดุลที่พวกเราสมาคมนักปรุงโอสถต้องรักษาเอาไว้ก็คือ ความปลอดภัยของตัวเอง!”

“ไม่ว่าพวกท่านจะทำสงครามกันเท่าไหร่หรือรุนแรงขนาดไหน พวกเราก็ไม่เข้าไม่ห้ามหรือหยุดการขายโอสถให้สักครั้ง ท่านไม่เคยคิดว่าเรื่องนั้นมันแปลกบ้างหรือไง นั่นแหละ!! เป้าหมายของสมาคมนักปรุงโอสถคือความปลอดภัยของสมาคมเท่านั้น หาใช่เรื่องความปลอดภัยของประเทศอื่นๆ”

“อีกอย่าง หากท่านสามารถเพิ่มอาณาเขตให้กับจักรวรรดิได้ ข้าเองก็จะได้รับผลดีไปด้วยเช่นกัน หึหึ!”

ใบหน้าของ แจนด์ลาส เปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่เจอกันมาก ตอนนี้ใบหน้าของหมอนั่นเป็นไปด้วยรอยยิ้มมีนัยที่ไม่อาจเข้าใจได้ว่าหมอนั่นกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่ แต่ว่า เรื่องที่ได้ยินจากปากของหมอนี่เปิดมุมมองใหม่ให้กับผมจริงๆ ในยุคหายนะแห่งมวลมนุษย์ สมาคมนักปรุงโอสถก็อุทิศตัวทำงานเพื่อเผ่ามนุษย์แบบไม่มีขาดตกบกพร่อง แต่ไม่คิดเลยว่าก่อนที่จะไปถึงยุคเช่นนั้นพวกมันเคยมีความคิดแบบนี้มาก่อน

แต่ก็ช่างมันเถอะ พวกนี้ถึงจะมีอำนาจแต่ก็ไม่มีกำลังทหารในครอบครองกันอยู่ดี เพราะงั้นคงไม่ต้องห่วงเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก [ เสือที่ไร้เคี้ยวเล็บ ก็ทำได้แต่เพียงขู่เท่านั้น ] สถานะของ สมาคมนักปรุงโอสถ ในสายตาของผมมันก็เป็นแบบนั้นแหละ ตอนนี้กลับมาเข้าเรื่องต่อดีกว่า

“ถ้าพวกเจ้ามีหลักการแบบนี้ข้าก็สบายใจ เพราะข้าไม่คิดทำลายแหล่งน้ำของข้าหรอก”

“เช่นนั้นข้าก็สบายใจเหมือนกัน แต่ว่า ข้าหวังว่าท่านจะไม่ทำอะไรเกินตัวเพราะไม่เช่นนะ-”

“หึ! ข้าจะทำอะไรมันก็เรื่องของข้า!! ตอนนี้เจ้าควรบอกราคาออกมาได้แล้ว”

“ช่างใจร้อนเสียจริงๆ … 5 ล้านเหรียญทอง ต่อเดือน ไม่มีต่อรอง! ไม่มีลด!”

5 ล้านเหรียญทอง ถ้าเป็นตระกูลแกรนด์ดยุกอีก 3 ตระกูล หรือแม้แต่ราชวงศ์คงปฏิเสธของเสนอของมันทันทีเพราะราคามันแพงเกินไป แถมเงินจำนวนมากเช่นนี้ก็ไม่ได้หามาง่ายๆ หนำซ้ำมันยังเป็นราคาการซื้อขายต่อเดือนอีก หึ! แต่ตระกูล วอเตอร์ ของผมสามารถทำได้ การได้โอสถจำนวนมากก็ต้องแลกกับเงินจำนวนมากด้วยเช่นกัน เรื่องแบบนี้ผมเข้าใจมันดี คิดได้ ผมเลยตอบกลับไปว่า

“ตกลง! แต่ข้ามีอะไรบางอย่างจะเสนอ”

“เชิญท่านกล่าวออกมาได้เลย ขอเพียงไม่เป็นการต่อรองราคาโอสถ ข้าก็พร้อมจะรับฟัง”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด