ตอนที่แล้วจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 597
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 599

จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 598


บทที่ 598: การร่วมมือกับ NPC

เนโครม กั้ดเชอว์ เป็นเหมือนกับ ผู้พลีชีพทากะ เขาเป็นคนที่ควรจะตายนานแล้ว

หลังจากที่ เนโครม กั้ดเชอว์ ได้ตายลงไปแล้ว เขาก็สามารถอยู่เป็นอมตะด้วยวิธีที่คาดไม่ถึง

ด้วยวิธีการนั้นทำให้เขาต้องอยู่กับนักบวชแห่งความมืดเซสซิส ทั้งสองคนเดินทางร่วมกัน เพื่อล่าบางสิ่งบางอย่างให้แก่สัตว์ป่าลึกลับที่หลับอยู่ในใจกลางเมือง มีโทรลจำนวนนับไม่ถ้วนที่ติดตามพวกเขา เพียงเพื่อที่จะได้เห็นพิธีปลุกสัตว์ร้ายตัวนั้นขึ้นมา

ประวัติศาสตร์อันแสนรุ่งโรจน์ของโทรลนั้นได้ดับลงแล้ว และเพื่อที่จะฟื้นฟูมัน ไม่ว่าอะไรพวกมันก็ยอม

ในตอนแรก โทรลเป็นเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมในทวีปอาเซรอธ พวกเขาต่อสู้กับจักรวรรดิแอสอควาเพื่อชิงบัลลังก์แห่งทวีปอาเซรอธ นอกเหนือจากนั้นแล้ว มนุษย์ คนแคระและพวกก็อบลินก็ได้ถูกสร้างขึ้นมาโดยพวกไททัน แม้แต่ไนท์เอลฟ์เองก็เป็นส่วนหนึ่งของพวกโทรลแห่งความมืด

พวกโทรลแห่งความมืดเป็นเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมแสนจะดุร้าย พวกมันทำลายการป้องกันด่านสุดท้ายของจักรวรรดิแอสอควา แต่ท้ายที่สุดพวกมันก็ต้องได้รับผลตอบแทนที่พวกมันทำ

พิษของการต่อสู้ได้แปรเปลี่ยนให้เลือดและผิวหนังของมันกลับกลายเป็นสีดำ พวกมันถูกบังคับให้ต้องเจ็บปวดกับยาพิษกับชีวิตที่เหลือของพวกมัน หลายคนเลือกที่จะฆ่าตัวตาย แต่บางคนก็รอดชีวิตมาได้ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าของพวกมันเอง จากนั้น พวกมันก็ค้นพบว่าพิษมีอะไรบางอย่างที่พิเศษอยู่ มันทำให้พวกเขาเป็นอมตะ

แน่นอนว่าโทรลที่แปลกออกไปพวกนี้ไม่ได้การยอมรับจากพวกโทรลตนอื่น นั้นทำให้พวกมันต้องร่อนเร่ไปทั่ว ในท้ายที่สุด พวกมันก็ได้พัฒนากลายเป็นไนท์เอลฟ์

สรุปได้ก็คือ โทรลเป็นเผ่าพันธุ์อันแสนรุ่งโรจน์ที่สุดในทวีปแห่งนี้

แน่นอนว่ามีโทรลจำนวนมากที่ไม่ยอมรับเรื่องความรุ่งโรจน์ที่หายไปของเผ่าพันธุ์ตนเอง พวกมันจึงได้เดินสู่เส้นทางของอันเดท เส้นทางสู่ผู้ปฏิเสธความตาย

ลูหลี่นั้นนับถือพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาก็ยังฆ่าพวกเขาโดยไม่สนใจอะไรอยู่ดี

มีบอสสองตัวอยู่ข้างหน้าพวกเขา บอสสองตัวนี้แข็งแกร่งกว่าบอสในอารามสีแดงจริงๆเสียอีก

จ่าแบรดเป็นคนเดียวในหมู่คนที่แข็งแกร่งที่สุด เขาจึงมายืนอยู่ข้างหน้า ก่อนที่เขาจะก้าวไปข้างหน้า เขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้และก็ได้เตือนคนอื่นๆ "ผู้กล้าหาญทั้งหลายเอ๋ญ เราจะต่อสู้เพื่ออิสระภาพ!"

ในคราวนี้ลูหลี่ไม่ได้บอกให้ทีมเขาพยายามกักพลังตัวเองไว้

"อาเซอร์ซีบรีส เข้าไปหานักบวชแห่งความมืด"

นอกจากบอสแล้ว ยังมีมอนสเตอร์ตัวอื่นด้วย ดังนั้น ถ้าปล่อยให้กลุ่มทหารรับจ้างพวกนี้ตายหมด ทีมของลูหลี่ก็คงจะไม่สามารถจัดการกับบอสสองตัวนี้ได้

เนโครม กั้ดเชอว์ ไม่ได้มีทักษะมากมาย ทักษะที่มันใช้บ่อยที่สุดก็คือ ฟีเวอร์ ซึ่งคล้ายกับของทากะ แต่แข็งแกร่งยิ่งกว่า

ตัวเลขของความเสียหายจำนวนมากได้ปรากฏขึ้นมาเหนือศรีษะของจ่าแบรด

ชายที่แข็งแกร่งคนนี้กลับกลายเป็นอ่อนแอชั่วพริบตา นักบวชของเขาก็ไม่ได้ใช้ทักษะฮีลเลยสักนิด เธอใช้เวลาส่วนมากไปกับการใช้ทักษะสร้างความเสียหาย

จากมุมมองนี้ เราสามารถเห็นได้เลยว่า NPC นั้นมีสติปัญญาที่จำกัด

นักรบสองคนได้ต่อสู้กันอย่างรุนแรง จ่าแบรดนั้นมีเลือดเพียง 40,000 จุด ในขณะที่เนโครม กั้ดเชอว์มีเลือดถึง 160,000 จุด

ลูหลี่จึงได้ส่งฮาชิจังไปช่วยฮีลจ่าแบรด

ผู้เล่นอีกเก้าคนจากทีมลูหลี่จึงได้มุ่งเป้าไปที่นักบวชแห่งความมืดเซสซิส นักบวชแห่งความมืดเซสซิสนั้นมีเลือดประมาณ 180,000 จุดและแข็งแกร่งกว่าเนโครม กั้ดเชอว์

ทักษะที่น่ารำคาญมากที่สุดของมันก็คือ เสียงกรีดร้องวิญญาณ มันเป็นทักษะของมาสเรนที่เธอได้เรียนรู้มาและเธอยังใช้มันสร้างปาฏิหาริย์ให้กับสมาคมกฏแห่งดาบตั้งหลายครั้ง

ในขณะที่ทีมของลูหลี่เข้าไปต่อสู้กับมัน พวกเขาก็ต้องเจอเข้ากับทักษะนี้และวิ่งไปมาเหมือนกับแมลงวันไร้สมอง ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสูญเสียความสามารถในการโจมตีไป แต่ทีมของพวกเขายังตกอยู่ในความสับสนด้วย สุดท้ายแล้ว หลังจากที่ระยะเวลาของทักษะบอสหมดลง พวกเขาก็ไม่ได้สนใจในเรื่องของการจัดตำแหน่งและมุ่งเป้าไปที่การสร้างความเสียหายเพียงอย่างเดียว

แม้ว่านักบวชแห่งความมืดเซสซิสจะรู้วิธีการใช้ลูกบอลแห่งความมืดโจมตี แต่เขาก็เป็นแค่ฮีลเลอร์เท่านั้น

ซึ่งนี้เป็นความจริงที่ทำให้ผู้เล่นรู้นั้นแทบจะร้องไห้เลย เพราะบอสตัวนี้มีอาชีพสายรักษาและยังดันรู้มากกว่าทักษะที่ใช้รักษาอีก

นั้นทำให้บอสที่มีอาชีพรักษานั้นจะรักษาตัวเอง เมื่อตัวเองเลือดเหลือต่ำลง มากที่สุดมันก็จะรักษาตัวเองสองถึงสามครั้งในการต่อสู้เลย

อย่างไรก็ตาม นักบวชแห่งความมืดเซสซิสนั้นเป็นฮีลเลอร์ขนานแท้

ไม่เพียงแต่จะรักษาตัวเองได้ แต่มันยังสามารถรักษาเพื่อนตัวเองได้อีก

นักบวชแห่งความมืดเซสซิสนั้นมีทักษะรักษาสองทักษะ อย่างแรกก็คือ ฮีล ซึ่งเขามักจะใช้ใส่ตัวเอง

อีกทักษะก็คือ ฟื้นฟู ซึ่งเป็นทักษะที่มาสเรนเองก็เรียนรู้ด้วย มันเป็นทักษะที่จะฟื้นฟู HP ของเป้าหมาย 30 จุดทุกๆวินาที

ถ้าหากคุณไม่ทำอะไรเลย เนโครม กั้ดเชอว์ก็จะฟื้นฟูเลือดของตัวเองเรื่อยๆ

แม้ว่าจ่าแบรดและทีมของเขาเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด แต่ก็ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะสามารถฆ่าบอสตัวนี้ได้

โชคดีที่พเนจรสามารถขัดทักษะของบอสได้ ดังนั้นแล้ว มาสเรนจึงไม่ต้องแบ่งความสนใจไปที่บอสเนโครม กั้ดเชอว์เลย เธอแค่รักษาเพื่อนร่วมทีมของตนก็พอ ซึ่งมันก็ทำให้เธอเครียดมากพออยู่แล้ว

หากมองจากภายนอกมาที่พวกเขาแล้ว มันดูเป็นอะไรที่วุ่นวายมาก บอสสองตัวและมอนสเตอร์กำลังกลุ้มรุม NPC 5 คนกับผู้เล่น 10 คนอยู่

ลูหลี่เองก็กำลังจดจ่ออยู่กับนักบวชแห่งความมืดเซสซิสอยู่ หากมันตายแล้ว เนโครม กั้ดเชอว์ก็เป็นอะไรที่ง่ายมาก

แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถสั่ง NPC ที่อยู่รอบๆได้ มันจะเป็นเรื่องดีมาก หากพวกเขาทั้งหมดรุมโจมตีไปที่นักบวชแห่งความมืดเซสซิสตั้งแต่แรก

การต่อสู้กินระยะเวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เลือดของนักบวชแห่งความมืดเซสซิสลดลงเหลือ 30% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถือว่าทำได้ดีกับการเจอบอสที่รักษาตัวเองได้

ผู้ที่โดดเด่นที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้คือ มาสเรน เธอต้องดูแลเลือดของสมาชิกในทีมและต้องรักษาจ่าแบรดพร้อมกับฮาชิจัง

ด้วยความที่ทักษะฟีเวอร์นั้นสามารถทับซ้อนกันได้และมันยังทับซ้อนกันมากขนาดนี้แล้ว นั้นจึงเป็นสาเหตุที่มาสเรนจะต้องถูกส่งไปรักษาจ่าแบรดเพิ่มอีก ด้วยความสามารถในการรักษาของนักบวชแห่งความมืด ทำให้เนโครม กั้ดเชอว์นั้นยังคงมีเลือดอยู่ถึง 70% ซึ่งอีกเหตุผลก็คงเป็นเพราะกลุ่มทหารรับจ้างนั้นอ่อนแอจนเกินไป

"มาสเรน ฮาชิจัง หลังจากบอสตัวนี้ตายแล้ว ไม่ต้องไปฮีลกลุ่มทหารรับจ้างนั้นอีกนะ แต่แค่อย่าให้พวกเขาตายก็พอ ยิ่งเลือดพวกเขาต่ำ ยิ่งดี "ลูหลี่กระซิบเบาๆในช่องแชททีม

"อา แต่เขามี HP เหลือแค่ 40,000 จุดเท่านั้นนะ!"ฮาชิจังรู้สึกประหลาดใจ

เธอกำลังจะบอกว่าบอสนั้นเอาชนะได้ง่ายมากด้วยเลือดที่เหลือน้อยขนาดนั้น แม้แต่พวกกลุ่มทหารรับจ้างเองก็ยังสามารถเอาชนะได้ ถึงพวกเขาจะไม่ช่วยก็ตาม

ลูหลี่เองก็หมดคำจะพูด "เธอกำลังฝันอยู่หรือไงห๊ะ บอสระดับ 40 ที่มีเลือดเหลือ 40,000 จะไม่มีอะไรเลยเหรอ?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด