ตอนที่แล้วจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 523
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 525

จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 524


บทที่ 524: ผู้เฝ้ามองยามค่ำคืน

"น่าจะ ... เมืองลมวายุ" ลูหลี่ไม่ได้พูดอะไรอีก

"เมืองลมวายุงั้นเหรอ? ถุ้ย ไร้สาระ!"เสียงที่ดูเย็นยะเยือกได้ดังขึ้นมาจากเบื้องหลังของเขา เมื่อได้ยินแบบนั้น ลูหลี่ก็ได้หันกลับไปเจอผู้หญิงคนหนึ่ง

"สวัสดี ข้าไม่ทราบว่าคำที่ท่านพูดหมายความว่ายังไง" ลูหลี่พูดออกมาพร้อมกับพยายามทำให้ตัวเองสงบลง

"เมืองลมวายุได้ถอนทหารออกจากที่นี่มานานแล้วและตอนนี้เราก็พึ่งพาตัวเองเท่านั้นเอง" ผู้หญิงคนนั้นกล่าวออกมาอย่างขุ่นเคือง "แล้วทำไมมอร์ลาดิมถึงต้องถูกจัดการตอนนี้กันละ?"

จากนั้นเอง เอโอริอาน่า โกลทูดก็ได้แนะนำผู้หญิงคนนี้ให้กับลูหลี่ได้รู้จัก"นี่คือ อัลเทีย อีบอนล็อค เธอเป็นผู้บัญชาการของผู้เฝ้ามองยามค่ำคืนและเป็นผู้หญิงสวยที่แสนกล้าหาญ"

"ท่านนักรบผู้มีเกียรติ ข้าขอแสดงความนับถือในตัวของท่านอย่างสูง" คำทักทายของลูหลี่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความหยิ่งทระนงเลยและหลังจากนั้นเขาก็ได้พูดอะไรบางอย่างออกมาด้วยความซื่อสัตย์"ภารกิจของข้ามาจากเมืองลมวายุจริงๆและมันก็มาจากนักธุรกิจที่มีลูกชาย แต่เขาก็ถูกสังหารอยู่ภายในป่าสนธยา ซึ่งนักธุรกิจที่สูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวก็ได้ให้ตั้งค่าหัวมา"

วิธีที่ดีที่สุดคือการบอกเรื่องโกหกที่เหมือนกับเรื่องจริง ซึ่งลูหลี่ก็พยายามเชื่อในสิ่งที่เขาพูดด้วย มันจึงทำให้การโกหกเนียนสุดๆ

บางทีอาจจะมีคนที่สูญเสียคนที่รักและนั่นทำให้ได้มีการส่งจดหมายไปยังสมาคมนักฆ่าเพื่อลอบสังหารมอร์ลาดิม

ไม่มีอะไรน่าเศร้าไปมากกว่าการสูญเสียคนที่รักอีกแล้ว ไม่สำคัญเลยว่าจะเป็นคนดีหรือเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม

ส่วนอัลเทียก็เป็นผู้หญิงที่สวยงามมาก แต่เธอดูเย็นชาชะมัด ตาของเธอดำสนิทราวกับจะมองผ่านไปยังภายในจิตใจของคนได้ โชคดีที่เธอไม่ได้ถามลูหลี่ต่อ เธอพยักหน้าและพูดออกมาว่า "อืม ข้าเชื่อเจ้า"

"ท่านพอจะบอกตำแหน่งของมอร์เดลิมให้ข้ารู้ได้ไหม?"ลูหลี่ถามออกมาด้วยความคาดหวัง

คนที่อยู่ตรงหน้าเขาจะต้องเป็นคนที่ปกครองเมืองนี้แน่ ถ้าเธอไม่รู้ละก็ แม้แต่ลูหลี่ก็คงจะเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ หากว่าเขาสามารถพบมอร์เลดิมด้วยตัวเองและสามารถฆ่าได้

"เจ้าไม่รู้เลยเหรอว่าเจ้ากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรอยู่" อัลเทียลังเลก่อนที่จะส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า "เจ้าหนุ่ม กลับไปยังที่ของเจ้าเถอะ นี่ไม่ใช่การต่อสู้ของเจ้าหรอกนะ"

"ได้โปรดยกโทษให้กับความดื้อรั้นของข้าด้วย" ลูหลี่พูดออกมาอย่างหนักแน่น "แต่ข้าจะต้องฆ่ามอร์เลดิมให้ได้ แม้ว่าจะต้องจ่ายไปด้วยอะไรก็ตาม"

นี่คือภารกิจของสมาคมนักฆ่า มันไม่ได้เป็นภารกิจเล็กๆแบบที่อยู่ในเมือง ลูหลี่จึงได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากและไม่ได้คิดถึงความล้มเหลวยด้วยซ้ำ

"เจ้ามาคนเดียวงั้นเหรอ?"เห็นได้ชัดเลยว่าอัลเทียไม่เห็นด้วยกับคำพูดของลูหลี่

"ใช่แล้ว ข้าไม่เกรงกลัวเลยสักนิด แม้ว่าจะเป็นความตายก็ตาม "ลูหลี่พูดออกมาพร้อมกับได้แต่แอบหวังว่าคนตรงหน้าเขาจะช่วยสู้กับบอสด้วย

แน่นอนว่าเขาคงจะไม่เปิดเผยความคิดที่ไร้ยางอายนี้ออกมาแน่

ความมุ่งมั่นและไหวพริบของลูหลี่ดูเหมือนจะขัดแย้งกับความรู้สึกเขาตอนนี้อย่างมาก

"แม้แต่ความตาย ... อืม งั้นก็ตามข้ามา" บางทีคำพูดของลูหลี่จะเข้าไปถึงส่วนลึกในใจของอัลเทีย นั้นทำให้เธอได้นำเขาออกไปยังข้างนอก

ลูหลี่ได้ทำความเคารพต่อคนแคระชราและก็ได้ตามเธอไป

ในจัตุรัสนอกเมือง มีกลุ่ม NPC กลุ่มหนึ่งที่กำลังรอคำสั่งจากผู้บัญชาการของตัวพวกเขาอยู่

"จริงๆแล้ว สิ่งต่างๆไม่ได้ง่ายตามที่เอโอริอาน่าบอกหรอกนะ แต่ก่อนอื่น ข้าคงจะต้องทดสอบความสามารถของเจ้าก่อน "อัลเทียกล่าวขณะที่เธอยืดหลัง" ไปที่สวนอันเงียบสงบที่ทางตอนใต้ของเมืองและฆ่านักรบโครงกระดูกแปดตัวและนักเวทย์โครงกระดูกหกตัว เจ้ามีเวลา 15 นาที "

ลูหลี่พยักหน้าและจากไปโดยไม่พูดอะไร

เขารู้ที่ตั้งของสวนอันเงียบสงบดี มันอยู่ทางตอนใต้ของเมืองยามค่ำคืนและเป็นส่วนหนึ่งของสนามรบกับพวกอันเดต ลูหลี่ใช้เวลา 2 นาทีในการเดินทางด้วยการกลายร่างเป็นเสือดาว แต่เมื่อรวมเวลาไปกลับแล้ว เขาจึงเหลือเวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้นในการฆ่ามอนสเตอร์

มันเป็นการยากมากเลยที่เขาจะต้องฆ่าอันเดตระดับ 35 ยกเว้นว่าถ้าเขาเป็นพาลาดินอะนะ

แสงสว่างของพาลาดินสร้างความเสียหายใส่อันเดตพวกนี้ได้สูงมาก ไม่เพียงแต่จะสร้างความเสียหายได้เพิ่มขึ้น แต่ยังมีอัตราคริติคอลอีก ดังนั้นแล้ว เมืองยามค่ำคืนแห่งนี้จึงเหมาะกับพาลาดินมาก

หลังจากผ่านไปสองนาที ลูหลี่ก็ได้พบกับมอนสเตอร์อันเดตตัวแรก มันเป็นนักรบโครงกระดูกถือดาบ

มันมีทักษะธรรมดาๆอย่างพุ่งชนและก็มีทักษะเพิ่มพลังโจมตีอีก ซึ่งลูหลี่ก็ได้เตรียมกริชของตนและพร้อมที่จะโจมตีแล้ว

ด้วยผลจากเอฟเฟคพิเศษของนักล่าอันเดต ลูหลี่จึงสามารถสร้างความเสียหายใส่อันเดตได้เพิ่มขึ้น 18% ..

ซึ่งการที่โจรจัดการกับนักเวทย์โครงกระดูกนั่นเป็นเรื่องง่ายมาก พวมันมีพลังป้องกันต่ำ ดังนั้นแล้ว เขาแค่ใช้ทักษะไปไม่กี่ทักษะก็สามารถสังหารมันได้แล้ว

ในตอนนี้ลูหลี่ได้จัดการนักรบโครงกระดูก 8 ตัวและนักเวทย์โครงกระดูก 6 ตัวเรียบร้อยแล้ว แต่ลูหลี่ไม่กล้าที่จะทำอะไรชักช้า เขาจึงไม่ได้เก็บเหรียญทองแดงที่ดรอบเต็มพื้น เพราะว่ายิ่งเขากลับไปเร็วเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมต้องดีอย่างแน่นอน

ซึ่งเมื่อเขาได้กลับมา ผู้เฝ้ามองยามค่ำคืนก็ได้คุกเข่ากับพื้นล้อมรอบธง

"ยามราตรีใกล้มาถึงแล้วและข้าก็จะคอยเฝ้าดูมัน จนกระทั่งความตายได้มาถึง ข้าไม่แต่งงาน ข้าไม่มีภรรยา ข้าไม่มีบุตร ข้าจะไม่สวมมงกุฎและข้าจะไม่มีวันที่รุ่งโรจน์ ข้าจะทุ่มเทชีวิตและความตายให้กับการเฝ้าดู ข้าเป็นดาบในความมืดและเป็นผู้ปกป้องกับความเหน็บหนาวในยามค่ำคืน จนกระทั่งแสงสว่างแห่งรุ่งอรุณได้มาถึง เป่าแตรที่อยู่ในมือและปกป้องฐานที่มั่นของราชอาณาจักร ข้าจักอุทิศชีวิตของข้าให้กับการเป็นผู้เฝ้ามองยามค่ำคืน ทั้งคืนนี้และคืนต่อๆไปที่จะมาถึง "พวกเขาได้พูดขึ้นมาพร้อมๆกัน

เมื่อลมหนาวได้พัดผ่านตัวเขาไป ลูหลี่ก็ได้อ้าปากออกมาและเริ่มพูดไปพร้อมกับพวกเขา

เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเปรียบเสมือนกับเงาของคนพวกนี้ ราวกับนักรบที่แท้จริง

"ดูเหมือนว่าเจ้าแข็งแรงกว่าที่ข้าคิด" อัลเทียกล่าวว่าขัดจังหวะลูหลี่"ถ้าเจ้าไม่กลัวความตาย งานที่เจ้าจะต้องทำในค่ำคืนนี้ก็คงจะมีมากเลยทีเดียว"

หลังจากที่โรคระบาดได้แพร่กระจายไปเรื่อยๆ เมืองยามค่ำคืนก็มีแต่ความมืดเสมอมา

"มั่นใจได้เลย ข้ายินดีที่จะช่วยเหลือ แม้ว่าข้าจะอ่อนแอ แม้ว่าจะหมายถึงชีวิตของข้าก็ตาม "ลูหลี่พูดออกมา

ด้วยความช่วยเหลือของ NPC ภารกิจนี้จะง่ายขึ้นมากๆ

อย่างไรก็ตาม มันก็โชคดีด้วยที่ลูหลี่ได้พบกับอัลเทีย

จากนั้นเอง อัลเทียก็ได้ชี้ไปที่ทะเลทรายด้านนอกของเมืองและกล่าวออกมาว่า "สายลับของข้ารายงานว่ามอร์เลดิมได้เดินผ่านป่าสนธยาไปยังเส้นทางโค้งรอบสุสาน เขาคงจะจำจุดที่พวกเขาเคยฝังร่างของเขาได้ นั่นน่าจะเป็นจุดที่เขาน่าจะไป "

"ศัตรูที่มีสตินั่นน่ากลัวยิ่งนัก" ลูหลี่ถอนหายใจ

"เจ้าพูดถูก แต่ก็ไม่แน่" อัลเทียพูดออกมาพร้อมกับกวักมือเรียกผู้เฝ้ามองยามค่ำคืนให้มาหาเธอ คนที่เธอเรียกนั้น สวมหมวกคลุมศรีษะอยู่ นั้นทำให้ลูหลี่ไม่สามารถบอกได้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงจากการมองแค่ภายนอก

"เธอคือ…?"ลูหลี่พูดออกมาด้วยความไม่ค่อยเข้าใจนัก

"มอร์แกนคิดว่าทั้งครอบครัวได้ตายไปแล้ว แต่นี่เป็นลูกสาวของเขา ซาร่า เลดิมอร์ ตอนนี้เธอเป็นผู้เฝ้ามองยามค่ำคืน หลังจากได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ที่พ่อของเธอเสียชีวิต ... มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอมาก "อัลเทียกล่าวออกมาอย่างคลุมเครือ เพื่อที่จะไม่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต

"พ่อของข้าฆ่าผู้คนที่บริสุทธิ์ไป หนึ่งในพวกเขาได้ช่วยข้าไว้ มันจึงเหมือนว่าข้าติดหนี้พวกเขามากๆเลย ... "ซาร่า เลดิมอร์ได้กล่าวออกมาอย่างเจ็บปวด

นี่คือสิ่งที่พวกเขาเรียกกันว่า อนันต์แห่งโชคชะตา

พาลาดินผู้ร่วงหล่นจะรู้สึกยังไงกันงั้นเหรอเมื่อพบว่าลูกสาวของตนเองยังมีชีวิตรอดอยู่?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด