ตอนที่แล้วจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 453
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 455

จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 454


บทที่ 454: การอัพเดตระบบครั้งที่ 4

ฮาโลวีนนั้นมีเพียงวันเดียวเท่านั้น แต่กิจกรรมของพาลาดินไร้หัวนั้นลากยาวไปถึงหนึ่งอาทิตย์ ซึ่งทั้งอาทิตย์นั้นผู้เล่นก็สามารถที่จะท้าทายบอสได้ ซึ่งมันทำให้นี้เป็นโอกาสของสมาคมเล็กๆและกลุ่มทหารรับจ้างเลยทีเดียว

ไม่อย่างนั้นแล้ว ผู้เล่นคนอื่นๆคงจะอยู่ไม่สุขแน่ หากมีเพียงสมาคมใหญ่ๆเท่านั้นที่สามารถล้มพาลาดินไร้หัวได้

มีผู้เล่นประมาณหมื่นคนในสมาคมกฏแห่งดาบ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถมีทีมได้เป็นโหล อย่างไรก็ตาม ในหมู่พวกเขาเหล่านั้น มีเพียงแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้นที่สามารถปราบพาลาดินไร้หัวได้จริงๆ

ซึ่งผู้เล่นที่ยังมีระดับและความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ ก็จะไม่ได้เข้าร่วมเทศกาลนี้กัน

อย่างไรก็ตาม พวกเขายังสามารถนำทีมไปล้มพาลาดินไร้หัวในแต่ละวันได้อยู่

แต่อัตราการดรอบม้าของพาลาดินไร้หัวเองก็ต่ำเป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้ถูกเคลียร์ครั้งแรกไปแล้ว ซึ่งตามสถิติแล้ว ตลอดทั้งเกมนั้นมีม้าของพาลาดินไร้หัวแค่ 130 ตัวเท่านั้น

ซึ่งมันไม่ได้เป็นเลขที่เยอะเลย หากเทียบกับจำนวนประชากรของเกมรุ่งอรุณแล้ว

ซึ่งอีกหกวันถัดไป โอกาสที่จะม้าของพาลาดินไร้หัวก็จะลดลงไปเรื่อยๆ บางครั้ง ทีมร้อยคนก็ไม่มีใครเลยที่ได้รับม้าของพาลาดินไร้หัว

ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ไม่ใช่ผู้เล่นทุกคนที่จะได้หนังสือทักษะขี่พาหนะขั้นพื้นฐาน ซึ่งหมายความว่า ผู้เล่นส่วนใหญ่จะได้รับไอเท็มที่ไม่ได้ใช้กัน

ซึ่งเพียงแค่ในระยะเวลาสั้นๆ หนังสือทักษะขี่พาหนะขั้นพื้นฐานและม้าของพาลาดินไร้หัวก็จะกลายเป็นไอเท็มที่นิยมมากในเกม

หลังจากจบวันฮาโลวีนไปแล้ว ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกตื่นเต้นมากๆ

บางคนก็เรียกว่าการบำรุงอัพเดทครั้งที่สี่ของระบบ

ซึ่งในตอนนี้ ระบบไม่ได้แก้แค่บัคเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการพัฒนาดันเจี้ยนด้วย ดันเจี้ยนที่ระดับต่ำกว่า 30 จะเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ดันเจี้ยนที่มีระดับ 30 ขึ้นไปจะไม่มีการจำกัดเลเวลอีก

สำหรับค่าประสบการณ์ที่จะหายไป เมื่อผู้เล่นที่เสียชีวิตในป่าจะลดลงไปถึง 10% แต่จะเหลือแค่ 5% หากพวกเขาถูกชุบชีวิตขึ้นมา

ผู้เล่นส่วนใหญ่จะมีระดับอยู่ที่ประมาณ 20-30 ดังนั้นแล้ว ผู้เล่นเหล่านี้จึงต้องการค่าประสบการณ์มากมายในการเพิ่มระดับ ซึ่งการสูญเสียค่าประสบการณ์มากถึง 20%นั้นมากจนเกินไป บริษัทจึงได้ตัดสินใจที่จะลดหย่อนมันลง

นอกจากนี้แล้ว สนามรบยังมีพื้นที่ให้ผู้ชมด้วย

ผู้เล่นสามารถจ่ายค่าเช่าของสนามรบได้ ซึ่งราคาของมันก็แล้วแต่ตัวของผู้เช่าเอง

ตัวอย่างเช่น ห้องสำหรับคน 500 คนจะมีราคาอยู่ที่ 1 เหรียญทอง ผู้เล่นที่ต่อสู้กันในสนามยังสามารถกำหนดค่าตั๋วได้เป็นเหรียญเงินด้วย ซึ่งตราบที่มีคนเข้ามาชมกว่าครึ่งหนึ่ง นั้นก็หมายถึงเงิน 2.5 เหรียญทองแล้ว และถ้าพวกเขาแบ่งรายได้จำนวนนี้กัน ก็จะได้คนละ 1 เหรียญทอง

สำหรับผู้เล่นธรรมดาๆแล้ว นี้ถือว่าเป็นกำไรเลยทีเดียว

ส่วนผู้เล่นจำนวนหนึ่งที่มีฝีมือดีอยู่แล้ว แต่ไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าซ่อมอุปกรณ์ การเช่าสนามรบเพื่อหาค่าตั๋วจึงเป็นทางเลือกที่ดีเลย

นอกจากนี้แล้ว ยังมีดันเจี้ยนใหม่ๆปรากฏขึ้นมาอีก

มีองค์ประกอบหลายอย่างที่เกมได้เพิ่มเข้ามา แต่ดันเจี้ยนนั้นเป็นสิ่งที่ผู้เล่นทั้งหมดจะต้องสนใจ นอกจากเมืองหลักอะนะ

หุบเขาวอซองนั้นเป็นสนามรบขนาดเล็กที่ตั้งแทรกกลางระหว่าง หุบเขาสีเทาและโรงเลื่อยวอซอง

ในช่วงสงครามครั้งที่สามของออร์ค กรัม เฮลสครีมและกองกำลังของเขาจะตัดต้นไม้จำนวนมากจากหุบเขาสีเทาไป นอกจากนี้แล้ว ยังมีออร์คอีกหลายตัวที่ยังอยู่ที่นั้นเพื่อที่จะตัดไม้ไปเป็นทรัพยากรให้กับฝ่ายเผ่าพันธุ์ ซึ่งพวกเขาได้ถูกเรียกว่าเป็นแนวหน้าของสนามรบวอซองเลย

ไนท์เอลฟ์เองก็ได้ตัดสินใจที่จะโต้กลับเพื่อปกป้องหุบเขาสีเทาเหมือนกัน กองกำลังของทหารปีกเงินเองก็ได้ตอบรับต่อการกระทำอันหยาบช้าของเหล่าออร์ค พวกเขาจึงได้กลับมาที่หุบเขาสีเทาและเข้าไปจัดการกับพวกออร์ค

ซึ่งด้วยเหตุผลนี้แล้ว เกมรุ่งอรุณจึงได้ทำการปรับหุบเขาวอซองใหม่โดยการลดพื้นที่ลง และมีพื้นที่ยึดธงระหว่างฝ่ายเผ่าพันธุ์และพันธมิตรด้วย

ผู้เล่นที่ชอบเกมแนว FPS (ยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง) จะคุ้นเคยกับเกมโหมดยึดธงดี ซึ่งโหมดยึดธงในหุบเขาวอซองก็เหมือนกับในเกม FPS เลยทีเดียว

ซึ่งมีเพียงผู้เล่นยี่สิบคนเท่านั้นที่จะได้ต่อสู้กันในหุบเขาวอซอง (ฝ่ายละสิบคน)

ทุกๆคนจะได้ต่อสู้กันในสนามรบที่ถูกกำหนดไว้ เมื่อผู้เล่นทั้งสองฝ่ายครบแล้ว ระบบก็จะส่งผู้เล่นทั้งยี่สิบคนไปยังสนามรบ

เมื่อผู้เล่นสามารถเอาธงของศัตรูมาได้แล้ว ผู้เล่นก็จะต้องเอาธงนั้นกลับมายังธงของตัวเอง ซึ่งหากไม่มีคนที่คอยปกป้องผู้ถือธงแล้ว ศัตรูก็สามารถที่จะแย่งธงไปได้อย่างง่ายดาย ในทำนองเดียวกัน ผู้เล่นก็จะไม่สามารถที่จะปกป้องธงได้ด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นแล้ว ผู้เล่นทุกคนจะต้องทำงานกันเป็นทีม ทั้งการบุกและการตั้งรับ

ทีมที่ชนะจะได้รับประสบการณ์ที่มากมายและผู้เล่นบางคนที่โชคดีก็อาจได้รับรางวัลเป็นค่าทักษะเลยก็ได้ แม้ว่าพวกเขาจะแพ้ แต่ผู้เล่นที่แพ้ก็ยังได้รับค่าประสบการณ์มหาศาลอยู่ดี

ตั้งแต่จุดนี้ต่อไป ผู้เล่นสาย PVP ไม่จำเป็นที่จะต้องฆ่ามอนเตอร์เพื่อเพิ่มระดับอีกแล้ว

หุบเขาวอซองเป็นสนามรบแรกของเกมรุ่งอรุณและยังเป็นสนามรบที่คลาสสิคที่สุดแล้ว

ผู้เล่นสามารถเข้าสู่สนามรบได้เมื่อมีระดับ 10 และการจัดแบ่งระดับของคนเข้าสนามรบก็จะแบ่งตามนี้: 10-14 15-19 20-24 25-29 ฯลฯ

ซึ่งมันจะมีส่วนเว้นว่างไว้ที่ 5 ระดับด้วย ตัวอย่างเช่น ลูหลี่นั้นมีระดับอยู่ที่ 33 ดังนั้นแล้ว เขาจะเข้าสนามรบและเจอกับผู้เล่นที่มีระดับอยู่ที่ 30-34 เท่านั้น

การตั้งค่าระบบแบบนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าค่าสถานะจะไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่ แต่เรื่องของอุปกรณ์นั้นเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว

มันไม่ยุติธรรมสำหรับผู้เล่นที่มีอุปกรณ์ระดับ 30 ไปรังแกผู้เล่นที่มีอุปกรณ์ระดับ 25 หรอกนะ

หลังจากการอัปเดตระบบครั้งที่สี่แล้ว จำนวนของแท่นเทเลพอร์ตก็ได้ถูกลดลงไป ซึ่งเพื่อที่จะทดแทนสิ่งที่เสียไปแล้ว เรือและเรือบินก็ได้ถูกนำเข้ามาในเกมด้วย

สิ่งสำคัญที่สุดคือ เมืองหลักทั้ง 8 แห่งได้ถูกเปิดขึ้นมาแล้ว

สำหรับฝ่ายเผ่าพันธุ์ ทอร์ลได้นำเหล่าออร์คมาสร้างเมืองออร์กริมม่าเพื่อรำลึกถึงตำนาน ออร์กิม ดูมแฮมเมอร์ ส่วนโทรลก็ไม่ได้มีเมืองของพวกมันเอง พวกมันได้ใช้เมืองหลักร่วมกับออร์ค

ส่วนข้างใต้ของลอเดียน ก็ได้มีสุสานของราชวงศ์เก่าแก่อยู่ ซึ่งมันก็ได้ถูกสร้างเป็นวังแห่งใหม่ของไซวานัส โดยเมืองนี้มีชื่อว่า 'เมืองแห่งเงา'

ส่วนพวกทอรัสเองก็ได้สร้างกระโจมในทุ่งหญ้าสีเขียวของมัลกอ ซึ่งตามตำนานของเหล่าทอรัสแล้ว แคร์ริน บลัดฮูฟจะคอยปกป้องกระโจมของพวกมันเอง

ส่วนในสงครามครั้งที่สามนั้น แอลแซชคนทรยศแห่งลอรด์เดเรียนก็ได้นำกองทัพอันเดตไปทำลายเคลทาลัส พวกมันได้ทำให้บ่อซันเวลปนเปื้อนและก็ได้ชุบชีวิตลิชคิงขึ้นมา เอลฟ์ชั้นสูงที่สูญเสียการปกป้องจากบ่อซันเวลแล้ว ก็ได้กลายเป็น 'เอลฟ์เลือด' หลังจากที่พวกเขาได้กลับมาเป็นกลุ่มพันธมิตรแล้ว พวกเขาก็มีปัญหาเกี่ยวกับความไม่ยุติธรรมและอคติของพวกฝ่ายพันธมิตรเอง ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ได้ไปเข้าร่วมกับฝ่ายเผ่าพันธุ์

เมืองแห่งเงินในปัจจุบันตั้งอยู่ที่ดินแดนภัยพิบัติทางตะวันออก ซึ่งนั้นเป็นบ้านใหม่ของพวกเอลฟ์เลือด

สำหรับฝ่ายพันธมิตรแล้ว แม้ว่าเมืองลมวายุจะเป็นเมืองหลักของฝ่ายมนุษย์ แต่มันก็ยังเป็นบ้านเหล่าคนแคระและเอลฟ์เช่นกัน ซึ่งนอกจากนี้แล้ว ฝ่ายพันธมิตรคนอื่นๆก็สามารถที่จะทำธุรกิจบางอย่างได้ แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างอยู่

ส่วนเมืองไอรอนฟอชเองก็ตั้งอยู่ในภูเขาที่เต็มไปด้วยหิมะของดัน โมรอช ซึ่งมันก็อยู่ในศูนย์กลางของภูเขาและเป็นเมืองใต้ดินด้วย คนแคระแก่ๆและพวกโนมจะอาศัยอยู่ที่นี้กัน ซึ่งก็มีช่างฝีมือนับไม่ถ้วน นักผจญภัย คนเหมืองและนักรบที่รวมตัวกันอยู่ในที่นี้

ส่วนเอกโซด้า มันคือเรือเหาะที่ได้ถูกนำมายังอาเซรอธโดยเผ่าแดรไนน์ สถานที่ตั้งของมันคือทางตะวันตกสุดบนภูเขาของเกาะอาเซอร์มิส

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด