ตอนที่แล้วการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 22 สมาคมนักปรุงโอสถ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 24 ชายคลั่งผู้ลึกลับ

การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 23 สมาคมนักปรุงยา 2


ตอนที่ 23  สมาคมนักปรุงยา 2

“ท่านกำลังวางแผนทำเรื่องอะไรอยู่ครับ คงไม่ได้คิดที่จะก่อกบฏอยู่ใช่ไหม?”

สีหน้าแจนด์ลาสดูจริงจังมากระหว่างถามออกมา แต่ก็นะ การเพิ่มกำลังรบ! การซื้อทรัพยากรจำนวนมาก! แถมยังมีเรื่องในวันเกิดขององค์หญิง เนร่า อีก พอเอาเรื่องทั้งหมดมารวมกันคนภายนอกต้องคิดว่าตระกูล วอเตอร์ ต้องไม่ลงรอยกับคนของราชวงศ์อยู่แน่ๆ …ดีนะที่จักรพรรดิไม่มีความคิดอะไรแบบนั้น

อันที่จริงผมเองก็ไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นหรอก ถ้าได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิมันยุ่งยากจะตายไป

“ไม่แน่นอน”

“ถ้างั้นข้าขอถามเหตุผลที่ท่านทำแบบนี้ได้ไหม เรื่องเงิน เรื่องทหาร เรื่องทรัพยากร และจากการตรวจสอบ ทางสมาคมของเราก็รู้ว่าท่านกำลังซื้อน้ำตาลจำนวนมากอยู่ด้วย”

“ช่างเป็นการตรวจสอบที่สุดยอด แต่ว่า นี่ท่านคิดว่าข้าจะใช้น้ำตาลก่อสงครามกับราชวงศ์หรือไง”

แจนด์ลาส ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย แต่แววตาก็ยังจริงจังอยู่

“เรื่องนั้นข้าก็แค่สงสัย ท่านจะซื้อพวกมันไปทำอะไร ผูกขาด! ก็ไม่นานใช่ เพราะยังไงสะน้ำตาลก็มีจำนวนมากอยู่แล้ว ขุนนางและราชวงศ์หลายประเทศเคยลองทำแต่ก็ไม่สำเร็จ โจมตีประเทศทางใต้ของทวีป! เรื่องนั้นก็ไม่น่าใช่ ถึงที่นั้นจะเป็นแหล่งอาหารของทวีปก็ตาม แต่ก็มีหลายประเทศที่มีกำลังรบแข็งแกร่ง อย่าว่าแต่ท่านเลย ต่อให้จักรวรรดิต้องการก็ทำลายประเทศเหล่านั้นได้ยากอยู่ดี”

“ส่วนอีกเรื่องที่ข้าคิดได้ กักตุน! ท่านกำลังพยามกักตุนพวกมันจำนวนมาก แถมยังต้องการโอสถจำนวนมากแบบนี้อีก ข้ายอมรับเลยว่าข้าไม่เข้าใจความคิดของท่านจริงๆ”

หมอนี่วิเคราะห์ออกมาได้ดีจริงๆ ถือว่ามีความสามารถอยู่บ้าง แต่คงคิดไม่ถึงหรอกว่าอีกไม่นานพายุขนาดใหญ่จะทำให้กลุ่มประเทศทางตอนใต้เสียหายขนาดไหน กำลังรบแข็งแกร่ง! ของพวกนั้นเมื่อไม่มีอาหารที่เป็นแหล่งเงินคอยหล่อเลี้ยงก็จะหายไปเอง เมื่อเวลานั้นมาถึง ทางใต้ของทวีปต้องเต็มไปด้วยไฟสงครามแสนดุเดือด รวมถึงอาณาเขตทางตอนใต้ของจักรวรรดิด้วยเช่นกัน

“ข้าไม่มีหน้าที่ที่ต้องตอบคำถาม แต่อีกไม่นานท่านก็จะรู้คำตอบ”

“เช่นนั้น! ก็แปลว่าท่านไม่บอกข้าใช่ไหม”

“ประมาณนั้น ถ้าเจ้าคิดว่าน้ำตาลสามารถก่อสงครามได้ละก็ ข้าและสมาคมนักปรุงโอสถสาขาจักรวรรดิ ก็คงไม่มีอะไรต้องเจรจากันอีก”

สีหน้าของแจนด์ลาสเสียทันทีหลังได้ฟังผมบอกไป ‘สาขาจักรวรรดิ’ อย่างที่บอกไป สมาคมนักปรุงโอสถไม่ได้มีเพียงจักรวรรดิประเทศเดียวเท่านั้น พวกมันมีสาขาทั่วทวีปของมนุษย์ แถมยังมีความขัดแย้งภายในด้วยกันเองอีกด้วย ถ้าผมไม่ทำสัญญาผมเชื่อว่าแจนด์ลาสต้องเสียโอกาสในการเพิ่มอำนาจตัวเองในสมาคมเป็นแน่

แต่ว่า ถึงจะพูดไปแบบนั้นก็เถอะ การไปหาสาขาอื่นๆ นอกจากจักรวรรดิก็เสี่ยงที่จะไม่ได้รับการตอบรับเช่นกัน เฮ้อ~ หยุดๆ ถามเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแล้วตอบตกลงสักทีเถอะ!

“….เอาแบบนั้นก็ได้ ถ้าท่านไม่บอกข้าก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ยังไงเรื่องนี้ก็จะโดนรายงานไปทางราชวงศ์เอาไว้ก่อน ท่านก็คิดหาข้อแก้ตัวเอาไว้เองแล้วกัน”

ผ่านไปสักพัก แจนด์ลาสก็ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงหมดทางเลือก

แต่เรื่องข่าวของราชวงศ์ไม่ต้องรอให้หมอนี่ไปรายงานหรอก เรื่องนี้พวกขุนนางคงคาบไปบอกเองนั่นแหละ และอีกไม่นานพวกที่ไม่พอใจที่โดนแย้งโอสถคงร่วมตัวมาหาผมกันแน่ เมื่อเวลานั้นมาถึงก็ถึงเวลาจัดการกับพวกที่เคยส่งสายเข้ามาในตระกูลของผมด้วยเลย หึหึ! จะจัดให้หนักเลยคอยก่อนเถอะ

“ตกลง เรื่องรายงานข้าไม่ขัด ถ้างั้นพวกเรามาคุยอีกเรื่องกันดีกว่า”

ผมหยิบม้วนกระดาษออกมาจากกระเป้าเสื้อ จากนั้นก็ส่งให้แจนด์ลาสด้านหน้าพร้อมรอยยิ้ม แจนด์ลาส ไม่รอช้ารีบเปิดมันเพื่อตรวจสอบทันที กระดาษที่ผมให้ไปมันเป็นสมุนไพรและวัตุดิบเพื่อรักษาอลิส ก็ไม่ค่อยหวังหรอกว่าหมอนี่จะหามาให้ได้จนครบ แต่ถ้าได้นิดได้หน่อยมันก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

“นี่…. ข้าคิดว่ามันมากเกินไปสำหรับข้า… ไม่สิ! สิ่งที่ท่านต้องการต่อให้เป็นสมาคมนักปรุงโอสถก็ไม่สามารถหาให้มาได้ทั้งหมดหรอก สมุนไพรบางตัวมันก็หายไปจากทวีปนี้นับร้อยไปแล้ว ต่อให้ท่านมีเงินหรืออำนาจขนาดไหน ข้าก็คิดวะ-”

“พอเถอะ!! เรื่องนั้นข้าเข้าใจดีว่าบางตัวท่านไม่สามารถหาได้ แต่ข้าอยากรู้มากกว่าว่าท่านสามารถหาอะไรให้ข้าได้บ้าง”

แจนด์ลาส ก้มลงมองกระดาษอีกครั้ง ไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมา

“ประมาณ 60% ของทั้งหมด แต่ข้าต้องใช้เวลาพอสมควร ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายท่านก็เตรียมเงินล้านเหรียญทองเอาไว้ได้เลย ขอบอกก่อนว่าข้าไม่ได้คิดราคาเกินจริงหรือพยามโก่งราคาท่านสักนิด พูดตามตรงข้าเคยเห็นสูตรโอสถนี่เป็นครั้งแรก แต่ก็คิดว่ามันคงเป็นโอสถที่สุดยอดมากๆ ถ้าเป็นไปได้ ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าท่านจะปรุงโอสถแบบไหนออกมาจากวัตถุดิบนี่”

“ท่านรอดูได้เลย …ถ้างั้นเป็นหมู่บ้านโอสถสวรรค์จะมีขายวัตถุดิบที่เหลือไหม”

ก็คิดเอาไว้แล้วว่ายังไงก็ไม่ครบ ต่อให้เป็นสมาคมนักปรุงโอสถแต่ก็ยังขาดวัตถุดิบระดับสูงอยู่ดี เพียงแต่ว่า ถ้าใช้หมอนี่และสมาคมติดต่อไปหมู่บ้านโอสถสวรรค์เรื่องทั้งหมดมันก็ง่ายขึ้นเยอะ การให้เสือติดต่อกับเสือด้วยกันมันต้องเป็นการดีกว่าติดต่อไปเองอยู่แล้ว

“เฮ้อ~ ข้าขอพูดตตามตรงเลยแล้วกัน พวกนั้นไม่ขายของให้คนนอกกันหรอกถึงขายก็ขายแต่ของระดับต่ำที่ภายในหมู่บ้านมีจำนวนมาก แต่ดูจากรายชื่อในมือแล้ว ข้าคิดว่าคงยาก”

“แบบนี้เอง”

ผมตอบรับโดยพยักหน้าขึ้นลงเล็กน้อย

ถ้าขนาดสมาคมปรุงโอสถยังยากขนาดนี้ตัวผมเองก็ไม่ต้องพูดถึงแล้วละ แต่ จะให้ยอมแพ้มันก็ไม่ได้เหมือนกัน เอาไว้มีอำนาจและความแข็งแกร่งเมื่อไหร่ค่อนไปเจรจาโดยใช้กำลังเล็กน้อยก็คงไม่เป็นอะไร เฮ้อ~ รู้สึกว่าเวลาเพียงสามเดือนคงไม่ได้แล้วสินะ

“เช่นนั้นท่านก็ลองติดต่อไปให้หน่อยแล้วกัน ข้ารับรองว่าท่านจะไม่เหนื่อยฟรี”

“ได้!”

จากนั้นผมและแจนด์ลาสก็เริ่มทำสัญญาซื้อขายกันทันที เม็ดโอสถสองชนิดที่สมาคมนักปรุงยาสาขาจักรวรรดิผลิตออกมาได้ นอกจากส่งให้ราชวงศ์จำนวนหนึ่ง ทั้งหมดจะส่งมาให้ผมทั้งหมด ส่วนเรื่องเงินก็แน่นอนผมจ่ายล่วงหน้าไปหนึ่งล้านเหรียญทองเป็นหลักประกันเอาไว้ เพราะงั้นเงินค่าสัญญาที่ได้รับมาจากฮาฟเตอร์เรื่องนิยายก็หมดไปกับเรื่องนี้ทันที

ส่วนเม็ดโอสถที่ได้วันนี้อย่างละ 10,000 เม็ด ก็โดนส่งกลับไปคฤหาสน์เพื่อให้เหล่าอัศวินทั้งพันคนได้ใช้พวกมันเพื่อเพิ่มระดับพลังบ่มเพราะทันที จากการคาดเดาของผมพลังพวกนั้นคงก้าวขึ้นไปถึง ราชานักรบ! กันได้ไม่ยาก

ร่างกาย! จิตใจ! สองสิ่งนี้พวกนั้นมีพร้อมอยู่แล้วเพราะทำสงครามมาเป็นเวลาหลายปี การได้ทรัพยากรเข้าช่วยแบบนี้ก็เหมือนเทน้ำลงขวดที่ใกล้เต็ม พอเต็มแล้วระดับพลังก็เพิ่มขึ้นมาแบบมหาศาล เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผมก็เดินทางมายังตลาดขนาดใหญ่ในเมืองหลวงต่อในทันที

ครั้งนี้ผมไม่ได้มาเพื่อหาเงินอีกแล้ว ถึงจะมีหลายเรื่องที่สามารทำกำไรได้ก็เถอะ แต่ยังไงสะเงินตอนนี้มันก็เยอะมากแล้ว เวลานี้ต้องมุ่งเน้นที่เพิ่มความสามารถของตัวเองมากกว่า เรื่องอย่างอื่นนอกเมืองหลวงมีให้ผมทำอีกเยอะมากๆ แต่ก่อนจะออกไปยังไงก็ต้องเตรียมพร้อมทางด้านกำลังรบให้ดี

“ท่านแกนด์ดยุค ท่านจะเอามันไปทำอะไรเหรอครับ???”

ไคเซอร์ ถามด้วยสีหน้าสงสัยหลังจากที่ซื้อหน้ากากสีดำมาให้กับผม

“เจ้าและอัศวินทุกคนที่ตามมาก็ใส่เอาไว้ด้วย”

“ครับ???”

ไคเซอร์ ยังคงทำหน้าสงสัยมองมาทางผมอย่างต่อเนื้อง การใส่หน้ากากแบบนี้ก็เหมือนกับการปิดบังตัวตน ซึ่ง ไคเซอร์ก็คงไม่เข้าใจนั่นแหละว่าผมปิดบังตัวตนไปเพื่ออะไร จักรวรรดิแห่งนี้ไม่มีอะไรที่ผมต้องกลัวนอกจากคำสั่ง จักรพรรดิสวรรค์ เช่นนั้นแล้วจะปิดบังตัวตนเพื่ออะไร

“ใสๆ กันไปก่อนแล้วก็บอกให้ทุกคนปิดบังตัวตนว่าเป็นใครเอาไว้ด้วย อย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าพวกเราเป็นคนของตระกูล วอเตอร์”

“…ครับ”

ในที่สุดไคเซอร์ก็ยอมเข้าใจ แล้วกลับไปเริ่มสั่งให้อัศวินคนอื่นๆ ใส่หน้ากากตามคำสั่ง ตอนนี้ตัวผมและองครักษ์อีกสี่คนรวมไคเซอร์ต่างสวมหน้ากากสีดำและผ้าคลุมสีดำเพื่อปกปิดชุดเกราะที่มาตราของตระกูลเอาไว้

อย่างที่รู้สึกไปเมื่อเช้า ถึงตอนนี้พลังของผมจะอยู่ในระดับ ลมปราณแท้จริง ขั้นที่ 1 แต่มันก็ยังอ่อนแอเกินไป แล้วการฝึกที่เร็วที่สุดของผมตอนนี้ก็คือการฆ่าและใช้เคล็ดวิชาดูดซับลมปราณกับศัตรูหรือคู่ต่อสู้ แต่อยู่ๆ จะไปฆ่าคนแล้วดูดซับแบบสุ่มสี่สุ่มห้าก็ไม่ได้ เพราะผมก็มีจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์อยู่เหมือนกัน

ทว่า ในเมืองหลวงของจักรวรรดิยังมีอีกที่ ที่ผมสามารถใช้มันได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิดหรือคิดเรื่องจิตสำนึกให้มันรกสมอง สถานที่แห่งนั้นก็คือ ลานประลองใต้ดินของจักรวรรดิ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด