ตอนที่แล้วKing X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 206 สัญญาลักษณ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปKing X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 208 เดินงานไม่เดินเล่น

King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 207 เรื่องสำคัญ


ตอนที่ 207 เรื่องสำคัญ

ภายในบ้าน

หลังจากที่เดิมเข้ามาในบ้านเพียงคนเดียวตามสิ่งที่ลาฟเชียร์บอกก็พบกับราชินีภูติกำลังนั่งอยู่แล้ว และเธอกำลังจิบแก้วชาอยู่โดยมีสายตาเบนมาทางผมเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นว่า

“มาแล้วสินะ มานั่งก่อนวันนี้ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเจ้าคนเดียวที่มันเป็นเรื่องสำคัญมาก”

“ครับ”

ผมตอบรับแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของเธอ วันนี้ไม่ต้องพูดอะไรมากก็สามารถเข้าใจได้เลยว่าเรื่องที่เธอต้องการมาคุยมันต้องเป็นเรื่องจริงจังแน่ บรรยากาศในห้องและลางสังหรณ์ของผมมันบอกออกมาแบบนั้น

เมื่อนั่งลงเสร็จผมก็เริ่มถามไปแบบไม่รอช้าเลย “เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ”

ตอนนี้มันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน เพราะไม่งั้นสถานการณ์มันไม่เป็นแบบนี้หรอก แต่ก็ขอให้มันเป็นเรื่องที่ไม่ใหญ่มากก็แล้วกัน

“วันนี้ข้ามีเรื่องมาบอกเจ้าอยู่สองเรื่อง” ราชินีภูติชูนิ้วมือซ้ายขึ้นมาสองนิ้ว “เรื่องที่หนึ่งเป็นเรื่องของคนรับใช้ของเจ้า ข้าคิดว่าตอนนี้มันคงถึงเวลาแล้ว”

สีหน้าของเธอระหว่างพูดจริงจังมาก แต่กำลังพูดถึงเรื่องอะไร???

“ท่านหมายถึงลาฟเชียร์อยู่ใช่ไหม?”

“แล้วคนรับใช้ของเจ้ามันมีเยอะขนาดนั้นเลยหรือไง”

ก็ใช่นะสิ! อย่างน้อยพวกภูติที่โดนลาฟเชียร์จ้างก็นับว่าเป็นคนรับใช้ของทางนี้เหมือนนะ เหอะๆ อยากสวนกลับไปแบบนี้จริงๆ

“แล้วตอนนี้ลาฟเชียร์ถึงเวลาอะไรครับ”

นี่แหละที่เป็นสิ่งที่ผมสงสัยเพราะอยู่ๆ ก็มาพูดว่าถึงเวลา ใครมันจะไปรู้ว่าคงเวลาอะไร

“เธออายุเท่าไหร่แล้ว”

เมื่อโดนถามผมก็พยามคิดถึงอายุของลาฟเชียร์ ตัวเราเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องตรงนี้มากเท่าไหร่ด้วยสิไม่ได้สนใจมันมากจนจำแทบไม่ได้เลย เท่าไหร่กันนะ?

จนเวลาผ่านไปสักพักผมก็ยังไม่ได้ตอบไปเพราะไม่แน่ใจ ทางราชินีภูติจึงถามมาอีกครั้ง

“ข้าถามว่าอายุเท่าไหร่!

เสียงที่ถามออกมาครั้งนี้เหมือนกับว่าเธอจะขึ้นเสียงออกมาแล้ว เป็นเสียงแบบคนอารมณ์เสีย ใจเย็นหน่อยสิคนกำลังคิดอยู่ไม่เห็นหรือไง เฮ้อ~

“…..” เท่าที่จำได้เหมือนกับว่าตอนอายุ 3 ขวบ จะเจอกับเธอในงานเปิดตัวด้วยซึ่งตอนนั้นก็ยังเด็กอยู่ แล้วเด็กที่เข้างานได้ก็ต้องอายุมากกว่า หรือเท่ากันกับเราเท่านั้นน้อยกว่าสามคงเข้าไม่ได้ ถ้างั้นก็น่าจะ 14 เกือบจะ 15 เท่ากับเรา หรือไม่ก็แก่เดือนกว่าจนอายุ 15 ปี เข้าไปแล้ว เพราะงั้นคำตอบก่อนต้องอายุเต็มเอาไว้ก่อนแล้วกัน

…แต่เดี๋ยวก่อน! ออ~ เข้าใจสิ่งที่ยัยนี่ต้องการจะบอกแล้ว เมื่อรู้ถึงอายุแล้วเข้าใจเป้าหมายของราชินีภูติทันที ที่พูดแบบนั้น

“ท่านกำลังหมายถึงโรงเรียนเดเชียสินะครับ”

“ถูกต้อง”

ราชินีภูติพยักหน้าขึ้นลงเป็นเครื่องยืนยัน แต่มันก็ช่วยไม่ได้เพราะถ้าขุนนางคนไหนอายุได้ 15 ปี ก็ต้องถูกส่งตัวไปเรียนกันทั้งนั้น เพราะมันเป็นกฎของทั้งห้าประเทศตัวลาฟเชียร์เองเมื่ออายุครบก็ต้องไปเหมือนกัน

“ปีหน้าเจ้าเองก็ต้องไปเช่นกัน”

เรื่องนั้นรู้ไม่ต้องมาบอกหรอก ชิ!

พลังของเราขนาดนี้ไปแล้วไม่เข้าใจเลยทำไมต้องไปเรียนในโรงเรียนที่เหมือนกับสนามเด็กเล่นแบบนั้นอีก ไร้สาระจริงๆ! แต่ในเมืองเรื่องมันเป็นแบบนี้ก็มีแต่ต้องปล่อยลาฟเชียร์ไปเท่านั้น เพราะมันจะดีกับชีวิตของเธอในอนาคตด้วย

หลังจากยอมรับได้แล้วผมก็ถามออกไปต่อ

“แล้วเรื่องที่สองละครับ”

โห่ว! กำลังจะบอกว่าไม่สนใจถึงยัยเด็กนั้นจะไม่อยู่รับใช้สินะ”

จะมาพูดให้มันซ้ำใจเพื่ออะไร ข้าเองก็อยากให้อยู่ทำอาหารกับเป็นอาหารตาช่วยเสริมพลังชีวิตเวลาเหนื่อยๆ อยู่หรอก แต่ถึงไม่ยอมเธอก็ต้องทำให้ยอมอยู่ดีไม่ใช่หรือไง เหอะ!

“เรื่องนั้นข้าต้องยอมรับอยู่แล้ว เพราะมันเป็นกฎของทั้งห้าประเทศถ้าไม่ทำตามมันอาจจะกลายเป็นปัญหาได้ แล้วอีกอย่าง ตอนนี้มันก็ใกล้จะครบห้าปีแล้วด้วยผมจะไปหาเธอตอนไหนก็-”

“เรื่องนั้นแหละ” ราชินีภูติขัดมาก่อนที่ผมจะพูดจบ “เรื่องที่สองที่ข้าต้องการที่จะพูดกับเจ้ามันก็เกี่ยวกับเรื่องข้อตกลงของพวกเราทั้งสองคน แต่ว่ามันมีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวนิดหน่อย”

“ครับ?”

ผมตอบไปแบบปกติถึงจะยังไม่เข้าใจสิ่งที่เธอกำลังพยามจะบอกอยู่ก็ตาม

“อันดับแรกเรื่องสัญญาการฝึกห้าปีไม่ไร้ผลไปตั้งแต่ 1 ปี ก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเจ้าสามารถใช้เวทย์ทั้งหมดที่ข้ามีได้แล้ว”

ท่าทางการพูดของเธอมีน้ำเสียงห่อเหี่ยวใจเล็กน้อย แต่ช่วยไม่ได้ เวทย์ที่เธอสอนมามันเป็นเวทย์ที่มีพื้นฐานเดียวกันหมด ของแบบนั้นไม่ต้องสอนแค่คิดเองก็รู้หมดแล้ว แต่ว่าถ้ามันหมดไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วทำไมไม่ปล่อยฉันออกไปละ

“ขอถามหน่อยได้ไหมว่าทำไมท่านไม่ปล่อยให้ผมออกนอกประเทศ ถ้าไม่มีอะไรจะสอนแล้ว?”

จะบ้าหรือไง!!! ถ้าทำแบบนั้นพวกประเทศอื่นก็มองข้าเป็นตัวตลกนะสิที่ปล่อยเจ้าออกก่อนเวลาแบบนั้น จะให้เอาหน้าจากไหนสู้พวกนั้นว่าไม่มีอะไรสอนเด็กอายุยังไม่ถึง 15 ปี”

เหอะๆ นี่เราเสียเวลาเพราะเรื่องไร้สาระพันนี้งั้นเหรอ เธอรู้ไหมว่าฉันอยากไปเจอเอ็ดเน่แล้วเป็นห่วงน้องขนาดไหน ชิ!

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปีเวลาผมถามอะไรลาฟเชียร์เธอก็จะตอบออกมาว่า [ปกติค่ะ] พร้อมรอยยิ้มแบบสดใสทุกครั้ง ทำให้ไม่รู้ข่าวเรื่องอะไรเกี่ยวกับประเทศเลยสักอย่าง

ทางเทเลอร์ก็ไม่เคยติดต่ออะไรมา แต่ก็โทษมันไม่ได้ เพราะผมเป็นคนสั่งเอาไว้เองด้วยว่าถ้าไม่จำเป็นห้ามติดต่อเด็ดขาด ตอนแรกสั่งให้มันดูเป็นคำสั่งจริงจังเพื่อกดดันมันไปงั้นแหละ แต่ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นปัญหาตามหลังแบบนี้สะได้

“เอาละงั้นเรื่องนี้พอก่อน เรามาเข้าเรื่องหลักกันเลย”

เดี๋ยวๆ คือเรื่องเมื่อกี้มันไม่ใช่เรื่องหลักของเรื่องที่สองเหรอ ลำดับความสำคัญของเธอมันอะไรกันละเนี่ย เฮ้อ~

“ครับ”

ผมตอบเสียงเบาๆ เพราะเริ่มขี้เกียจฟังแล้วแต่ก็ต้องจำใจฟัง หมดอารมณ์ฟังตั้งแต่บอกไม่มีอะไรสอนแล้วละ…

จากนั้นราชินีภูติก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยมองตรงมาทางผม เอาแล้วไงสายตาแบบนั้นเรื่องนี้มันต้องเป็นเรื่องอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับเราแน่ หรือว่าจะเป็นเรื่องนั้นงั้นเหรอ เอาสิ! ในที่สุดก็สำเร็จจนได้สินะปล่อยให้รอตั้งหลายปี หึ!  

แล้วในเวลาไม่นานราชินีภูติก็เริ่มเอ่ยออกมาว่า….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด