ตอนที่ 32 ล่อพยัคฆ์ลงจากเขา
ตอนที่ 32 ล่อพยัคฆ์ลงจากเขา
ค่ายกบฏโพกผ้าเหลือง
แม่ทัพอวี้ถูขี่ม้าศึกและมองไปยังเมืองจงซานตรงหน้าด้วยความสนใจ
“เหอะเหอะ เจ้าหน้าที่ของจงซานช่างดื้อรั้นเสียจริง!”
“มันทนได้นานถึงเพียงนี้!”
“อย่างไรก็ตามมันกำลังจะจบแล้ว!”
“เมื่อจงซานแตก ข้าจะจับพวกมันแขวนคอ และห้อยลงมาจากหัวเมืองให้ทุกคนเห็น!”
ด้านข้างมีนายกองอีกคนที่พยักหน้าพร้อมเผยแววตาแห่งความโล�
“ท่านแม่ทัพ ข้าได้ยินมาว่าบุตรสาวคนโตของตระกูลเจิ้น เจิ้นเจียงมีความงามที่จัดว่าเป็นอันดับหนึ่งของเมือง!”
“หลังจากยึดเมืองนี้ได้แล้ว นายท่านจะสามารถเพลิดเพลินกับนางได้อย่างแน่นอน!”
“ถึงแม้พี่น้องคนอื่นไม่อาจลิ้มรสนางได้เช่นท่าน แต่สาวงามคนอื่นของเมืองก็ไม่เลว!”
ทันใดนั้นได้มีเสียงก้องกังวาลของกลองและฆ้องดังมาแต่ไกล มันชัดเจนอย่างมากแม้จะอยู่ห่างหลายลี้
อวี้ถูอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ส่งคนไปดูสิ!”
ไม่นานหลังจากนั้นได้มีทหารรักษาการณ์วิ่งกลับมาพร้อมม้าอย่างรวดเร็วและหยุดลงตรงหน้าอวี้ถู
“นายท่าน ไม่ดีแล้ว!”
“บนถนนเส้นหลักมีทหารกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้”
“เสียงฆ้องและกลองที่ดังสนั่นนั้นแสดงถึงความยิ่งใหญ่!”
อวี้ถูตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะออกมา
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“ไอ้แม่ทัพและทหารโง่พวกนี้!”
“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การจัดทัพต้องถูกเก็บเป็นความลับมากที่สุด และเป็นสิ่งต้องห้ามในการเปิดเผย!”
“แต่นี้มาทำตีฆ้องและกลองเพื่อแสดงว่ากองทัพของตนเองยิ่งใหญ่เกรียงไกร แท้จริงแล้วกลับเป็นพวกโง่เง่า พวกเราสามารถใช้ตำแหน่งของเป้าหมายอย่างชัดเจนนี้บุกโจมตีและฆ่าพวกมันเสีย!”
นายกองด้านข้างรีบชื่นชม “ความชาญฉลาดของท่านแม่ทัพ พวกเราจะทัดเทียมได้อย่างไร!”
อวี้ถูสะบัดมือพร้อมกล่าว
“ฟังคำสั่งของข้า ให้พี่น้องทุกคนจดจ่อไปที่ถนนเส้นหลัก!”
“พี่น้องที่เหลือโจมตีจงซานอย่างสุดกำลัง!”
“ไว้เมืองถูกตีแตกเมื่อไหร่ ข้าจะจัดการไอ้พวกเจ้าหน้าที่โง่ ๆ เหล่านี้ด้วยตัวเอง!”
......
หัวเมืองจงซาน
ผู้ว่าการแห่งเมืองจงซาน หัวหน้าตระกูลเจิ้น และขุนนางคนอื่น ๆ ต่างก็มารวมตัวกันที่นี่
พวกเขาทุกคนได้ยินเสียงฆ้องและกลอง
ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะหันมามองหน้ากัน
“การเคลื่อนทัพแบบนี้คืออะไร?”
เจิ้นอี้หันไปมองข้างหน้า
เขาสามารถเห็นธงสัญลักษณ์เฉิงได้อย่างไม่ชัดเจน
“เสียงมาจากถนนเส้นหลักทางเหนือ”
“แล้วมีธงสัญลักษณ์เฉิงอยู่ด้วย?”
“หรือจะเป็นกำลังเสริมที่เจียงเอ๋อไปขอมาช่วย?”
แต่ไม่นานเขาก็กระทืบพื้นด้วยความโกรธ!
“นี่มันอะไรกันเฉิงชงอู๋ฮวย ไม่เห็นสมกับข่าวลือเลย”
“นี่เป็นสงคราม ไม่ใช่สนามเด็กเล่นนะ เจ้ามาส่งเสียงดังอึกทึกเช่นนี้ได้อย่างไร? มันต่างอะไรกับการบอกพวกบฏโพกผ้าเหลืองว่าอยู่ที่นี่แล้ว!”
“คนเช่นนี้จะมาช่วยจงซานและตระกูลเจิ้นได้อย่างไร!”
......
บนถนนเส้นหลักทิศเหนือ
เฉิงชงได้บัญชาการกองทัพและตั้งค่ายที่นี่
เขานั่งอยู่บนหลังม้า
จิวฉองวิ่งเข้ามารายงานด้วยใบหน้ายินดี
“นายท่าน!”
“เป็นอย่างไร มีข่าวอะไรบ้างหรือไม่?”
เฉิงชงกล่าวเบา ๆ
จิวฉองพูดอย่างไม่ลังเล
“นายท่านคาดการณ์ได้ราวกับเทพเจ้า หลังจากตีฆ้องและกลองบอกพวกกบฏโพกผ้าเหลือง พวกมันก็เคลื่อนไหวจริง ๆ !”
“กองกำลังส่วนใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเรา!”
“เวลานี้ค่ายของพวกมันว่างมาก!”
“แผนการของนายท่านช่างน่าทึ่งนัก ตอนนี้พวกโพกผ้าเหลืองกำลังเป็นเหมือนสุนัขที่ถูกพวกเราจูงจมูก!”
ในเวลานี้จิวฉองรู้สึกโชคดีอย่างมาก
โชคดีที่เลือกอยู่กับเฉิงชง
การยังเป็นกบฏโพกผ้าเหลืองและต่อต้านความเก่งกาจของเจ้านายนั้น จะทำให้เขาตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
เฉิงชงพยักหน้าเบา ๆ
เขามองขึ้นไปบนฟ้า
“เฟิ่งเซียนและเวิ่นหยวนน่าจะถึงในไม่ช้า”
“เวลาสามทุ่มของวันนี้จะเป็นการส่งพวกกบฏโพกผ้าเหลืองลงนรก!”
“หยวนฟู่ สั่งให้พี่น้องทั้งหมดเตรียมพร้อม ไม่ว่าจะเป็นกองทหารราบหรือหน่วยเทพเกาทัณฑ์!”
“หลังจากกองทหารม้าเพลิงอัสนีทำลายค่ายของพวกมันแล้ว พวกกบฏโพกผ้าเหลืองจะโจมตีค่ายของพวกเราอย่างตื่นตระหนก สิ่งที่เราต้องทำคือปิดทางหนีของพวกกบฏโพกผ้าเหลืองเหล่านี้!
“ให้ทหารม้าเพลิงอัสนีสังหารได้อย่างไม่ต้องปรานี!”
เลือดลมของจิวฉองเดือดพล่าน
“ไม่ต้องห่วงนายท่าน ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน!”
เฉิงชงหันศีรษะไปมองเจิ้นเจียงและตู้ซือ
“พวกเจ้าทั้งสองอยู่กับข้าอย่างเชื่อฟังตลอดเวลา”
“พวกเจ้าไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวเอง หากถูกบีบเข้าสนามรบ เช่นนั้นคงตายแน่นอน!”
“อยู่กับข้าคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”
เจิ้นเจียงและตู้ซือพยักหน้า
พวกนางทราบดีถึงเหตุการณ์
อย่าเข้าไปในสนามรบเพียงเพื่อความสนุกแต่เป็นภาระของผู้อื่น!
เวลาผ่านไปนาทีต่อนาทีจนเข้าสู่กลางคืน!