ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 13 ทำดีแทบตาย สุดท้ายความน้ำเหลว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 15 เงินคือสิ่งสำคัญ

MDB ตอนที่ 14 เมื่อตัวประหลาดพบเจอตัวประหลาด


หลินจินก้าวออกไปข้างนอกและเดินจากไปอย่างภาคภูมิใจโดยไม่สนใจคนอื่น ทันใดนั้น เขาก็หยุดเดินในขณะที่เขาจำได้ว่าเขาจากไปโดยไม่ได้ซื้อเม็ดพลังงานสัตว์วิเศษระดับหนึ่งเลย

“ดูเหมือน ฉันคงไม่สามารถกลับไปที่นั่นได้ในตอนนี้” หลินจินคร่ำครวญกับตัวเอง ก่อนหน้าเล่นงานดงเฮออย่างแรง อีกฝ่ายคงจะโกรธแค้นเขาอย่างมาก หากเขากลับไปตอนนี้ก็ไม่ต่างจากการจุดชนวนระเบิด

สถานที่ที่ง่ายที่สุดที่เขาสามารถรับเม็ดพลังงานสัตว์วิเศษได้ก็คือแผนกพลาธิการ

แต่แน่นอนว่านั่นไม่ใช่วิธีเดียวที่เซียวฮั่วจะเพิ่มระดับ เนื่องจากเม็ดยาทั่วไปเช่นเม็ดพลังงานสัตว์วิเศษระดับหนึ่งสามารถแทนที่ด้วยสิ่งอื่นได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

หากไม่มีเม็ดพลังงาน เสี่ยวฮั่วก็สามารถเลื่อนระดับได้ เนื่องจากตอนนี้หลินจินมีผลึกวิญญาณอัคคี เม็ดพลังงานนี้เป็นเพียงหนึ่งในวิธีการเพิ่มอัตราความสำเร็จของการเพิ่มระดับเท่านั้น

เขากวาดสายตามองในพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ ในขณะที่เขามุ่งหน้ากลับไปที่แผ่นหินเพื่อค้นหาวิธีอื่นเพื่อเพิ่มระดับของเสี่ยวฮั่ว

หินวิญญาณและเม็ดพลังงานสัตว์วิเศษเป็นส่วนหนึ่งของวิธีการทั่วไป

ทันใดนั้น หลินจินสังเกตเห็นว่ามีวิธีการใหม่ปรากฏขึ้นซึ่งไม่เคยมีมาก่อน มันปรากฏขึ้นหลังจากที่เขาได้รับผลึกวิญญาณอัคคี เขารีบอ่านด้วยความตื่นเต้น

“วิธีการเพิ่มระดับที่สมบูรณ์แบบ… คำแนะนำมีดังต่อไปนี้… ต้องใช้ผลึกวิญญาณอัคคี เม็ดยาวิญญาณสุริยา 6 ลูก”

ในฐานะผู้ประเมินสัตว์วิเศษ หลินจินไม่เคยได้ยินวิธีการเพิ่มระดับ 'สมบูรณ์แบบ' มาก่อน เมื่อเขาอ่านต่อ เขาก็ค้นพบความอัศจรรย์อันน่าทึ่งของวิธีนี้

“วิธีการเพิ่มระดับที่สมบูรณ์สามารถเพิ่มได้สองระดับพร้อมด้วยอัตราสำเร็จที่แน่นอนและมีโอกาสร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะชำระไขกระดูกซึ่งจะช่วยปรับปรุงศักยภาพและคุณภาพของสัตว์วิเศษ”

หลินจินถึงกับหายใจไม่ออกเมื่ออ่านข้อความนี้

พูดตามตรงหลินจินไม่ค่อยพอใจในตัวเสี่ยวฮั่วในตอนแรก เสี่ยวฮั่วเป็นหมาป่าอัคคีที่มีศักยภาพและร่างกายทั่วไป มันไม่ใช่สัตว์วิเศษที่เป็นไปตามความคาดหวังของเขา ไม่ต้องพูดถึงว่ามันไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้และอยู่ห่างกันหลายสิบปีเมื่อเทียบกับเจ้าไก่ โกลดี้ที่มีสายเลือดอีกาทองคำ

เดิมทีเขาตั้งใจว่า เมื่อเขาสามารถหาสัตว์วิเศษที่แข็งแรงกว่าได้ ด้วยพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ เขาจึงคิดที่จะเอามาแทนที่เสี่ยวฮั่ว

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รู้ว่าเสี่ยวฮั่วได้เสียสละพลังงานทางจิตวิญญาณส่วนใหญ่และทำให้ตัวเองบาดเจ็บเพื่อช่วยหลินจิน เขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป เขาจะละทิ้งสัตว์เลี้ยงผู้ภักดีต่อเจ้านายอย่างมันได้อย่างไร

แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยศักยภาพและคุณสมบัติของเสี่ยวฮั่วยังคงเป็นปัญหาที่เขาต้องแก้ไข

แต่ตอนนี้ วิธีแก้ปัญหาถูกวางไว้ตรงหน้าเขาแล้ว

วิธีการที่สมบูรณ์แบบนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเสี่ยวฮั่ว ด้วยวิธีนี้ ความสำเร็จของเสี่ยวฮั่วในอนาคตจะไปไกลจนคาดไม่ถึง

“เสี่ยวฮั่ว แกนี่มันโชคดีมาก แกรู้ตัวมั้ย” หลินจินหัวเราะออกมาดัง ๆ ขณะที่เขาลูบหัวของเสี่ยวฮั่วอย่างหมั่นเขี้ยว เสี่ยวฮั่วที่ไม่เข้าใจและจ้องไปที่หลินจินด้วยดวงตาที่ไร้เดียงสา

หลินจินมีผลึกวิญญาณอัคคีแล้วและเม็ดยาวิญญาณสุริยา 6 ลูกคืออะไร?

หลินจินกลับไปอ่านเนื้อหาในพิพิธภัณฑ์

คำอธิบายสำหรับวัสดุและขั้นตอนแต่ละรายการในวิธีการเพิ่มระดับที่สมบูรณ์แบบนั้นมีรายละเอียดมากมาย หากพิพิธภัณฑ์สั่งใบสั่งยาออกมา มันก็จะมีการจัดเตรียมวิธีการอัดเม็ดให้ด้วย

ตามที่คาดไว้ มีขั้นตอนสำหรับการทำเม็ดยาวิญญาณสุริยา

บนแผ่นหิน มีการจัดเตรียมสูตรโดยละเอียดของเม็ดยา แม้แต่วิธีการกลั่นและขั้นตอนต่าง ๆ ก็ถูกแสดงไว้ทีละรายการ

หลินจินหยุดเดินและนั่งริมถนน เขาเริ่มอ่านมันในขณะที่เขาลูบหัวของเสี่ยวฮั่ว

เสี่ยวฮั่วนั่งรออย่างอดทนในขณะที่คอยปกป้องหลินจิน

ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นสิ่งนี้เริ่มชี้และนินทาเกี่ยวกับหลินจิน

“นั่นไม่ใช่หลินจินเหรอ? เขากำลังทำอะไรน่ะ?”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือน ตาของเขากำลังปิดอยู่แถมเขากำลังดูเพลิดเพลินด้วย สงสัยการลูบหัวเจ้าหมาจะเป็นสิ่งที่เขาพึงพอใจ”

“งั้นเหรอแต่เขาไม่ควรทำกลางทางแบบนี้ เขานี่แปลกคนจริง ๆ”

ตอนนี้ไม่ใช่แค่ผู้คนจากสมาคม แม้แต่ลูกค้าที่อยู่ที่นั่นเพื่อรอการประเมินสัตว์เลี้ยงของพวกเขาก็เริ่มจ้องมองมาที่เขา ทุกคนไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เพราะชายที่กำลังนั่งลูบศีรษะหมาป่า  เขาสวมเสื้อคลุมของผู้ประเมินสัตว์วิเศษทางการ

ณ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งที่ไม่ไกลจากที่นี่ มีชายหนุ่มผิวขาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในเงามืด หากสังเกตดี ๆ จะพบเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้มีผิวอันอ่อนนุ่มและขาวซีด แม้เขาอาจจะแต่งตัวเป็นผู้ชายแต่ไม่พบลูกกระเดือกของเขา คุณสามารถบอกได้ว่าภายใต้การแต่งกายเยี่ยงบุรุษ แท้จริงแล้วคือผู้หญิงคนหนึ่ง

ผู้หญิงคนนี้ยังเด็กแต่เด็ดเดี่ยวและมีวุฒิภาวะเกินกว่าที่คนวัยเดียวกันจะเข้าใจได้ เธอซ่อนใบหน้าของเธออย่างดี ปกป้องสายตาของคนทั่วไปราวกับว่าเธอไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเธอเป็นใคร

ข้างหลังเธอเดินตามผู้อาวุโสที่ดูเคร่งขรึม ผู้เฒ่ามีออร่าที่ใครเห็นก็รู้สึกกดดันแต่เขาเดินตามหลังหญิงสาวด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนเล็กน้อย

“ลู่ป๋อ ข้าอยากอยู่ตามลำพัง” หญิงสาวกล่าวอย่างแผ่วเบา

ผู้อาวุโสมีสีหน้าวิตกกังวลในขณะที่เขาแนะนำ “นายท่าน ข้ารู้ว่าท่านต้องการพักผ่อนที่เมืองเมเปิ้ลแต่ท่านไม่จำเป็นต้องรอที่นี่เพียงเพื่อขอป้ายทะเบียนจากสมาคมประเมินสัตว์วิเศษที่พวกเขาอาจจะปฏิเสธพวกเรา เราสามารถไปยังสมาคมอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องมารอรับป้ายทะเบียนสถานที่เล็ก ๆ แห่งนี้ ข้าสามารถนำมาให้ท่านได้โดยง่ายแต่ท่านไม่ปล่อยให้ข้าทำ...และอีกอย่างพวกเรากำลังไปพบอาจารย์เหลียวในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย…”

ขณะที่เขาพูด เขาหันไปทางหญิงสาวและมีแสงสะท้อนที่รุนแรงปรากฏบนดวงตาของเธอ ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรอีกเลย

“ข้ามาที่นี่เพื่อพักผ่อน ข้าไม่อยากรบกวนคนอื่น อาจารย์เหลียวเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่เราไม่ควรประเมินคนอื่นต่ำเกินไปเช่นกัน แม้ว่าเราไม่สามารถหาป้ายทะเบียนของหัวหน้าหวังและเกาเจียงได้ก็ไม่เป็นไร แต่ที่นี่ไม่มีผู้ประเมินทางการคนอื่นอีกหรือ?”

“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับบุคคลนั้น เขามีชื่อเสียงที่แย่มาก เขาเป็นนักประเมินขยะตัวจริง เขาประเมินสัตว์เลี้ยงอย่างผิด ๆ ! ใครจะรู้ว่าคนอย่างเขาถึงกลายมาเป็นผู้ประเมินทางการได้”

หญิงสาวส่ายหัว “ทิวทัศน์ที่นี่สวยดี ให้ข้าเดินคนเดียวเถิด อย่าตามข้ามา จำไว้ว่านี่คือคำสั่ง!”

ผู้อาวุโสดูเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่พูดและยืนอยู่ตรงที่ที่เขาอยู่

หญิงสาวเดินผ่านเส้นทางที่ปูด้วยหิน เสียงนกร้องอันไพเราะไหลออกมาเมื่อกลิ่นหอมหวานของดอกไม้เล็ดลอดเข้ามาในรูจมูกของเธอแต่เธอก็ไม่สามารถดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติได้ ราวกับว่ามีขอบเขตระหว่างความเพลิดเพลินของเธอ มันเป็นฟองสบู่ที่มองไม่เห็นที่ขว้างกั้นเธออยู่

หลังจากก้าวไปไม่กี่ก้าว เธอสังเกตเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมของผู้ประเมินทางการนั่งอยู่ริมถนน เธอสังเกตว่าเขาหลับตาในขณะที่ปล่อยเสียงหัวเราะเป็นครั้งคราวขณะลูบหัวหมาป่าที่อยู่ถัดจากเขา

หญิงสาวอยากรู้ หลังจากครุ่นคิดแล้วเธอก็เดินเข้าไปหาเขา

คนนั้นจดจ่ออยู่กับการลูบไล้หมาป่าของเขาจนเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนเดินเข้ามาหาเขา เรื่องนี้ทำให้เธอสนใจในตัวเขามากขึ้นไปอีก เธอมักจะมองว่าตัวเองเป็นคนประหลาดเพราะเธอรู้ว่าคนอื่นเห็นเธอแตกต่างไปจากเดิมตั้งแต่เธอยังเด็ก ต่อมา หลังจากที่เธอเข้าใจ 'หน้าที่' ของเธอ เธอจึงผนึกหัวใจของเธอออกจากคนอื่น ๆ

แม้ว่าเธอจะยังพยายามเปิดใจแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

ผู้คนพยายามเกลี้ยกล่อมเธอแต่เธอไม่ฟังเลย โดยมองว่าเธอคือ 'ตัวประหลาด' ในสายตาของทุกคน

วันนี้เธอได้พบกับคนแปลกหน้าอีกคนหนึ่ง ผู้คนรอบตัวเขามองมาที่เขาและชี้นิ้วมาที่เขาทำให้เธอสนใจตัวตนของเขา เธอรู้สึกสบายใจที่จะเข้าใกล้เขาและนั่งข้างเขา

หมาป่าที่ดูเงียบ ๆ มองดูเธอหนึ่งครั้งและเพิกเฉยต่อเธอ มันรู้สึกว่าเธอไม่ใช่ภัยคุกคาม

เธอยังคงนิ่งเงียบ เธอเพียงแค่นั่งอยู่ที่นั่นและอาบแดด คนที่อยู่ข้าง ๆ เธอกำลังดึงดูดความสนใจของทุกคนซึ่งทำให้เธอรู้สึกสงบ

"เข้าใจแล้ว!" หลังจากนั้นไม่นาน หลินจินก็เชี่ยวชาญในการทำเม็ดยาวิญญาณสุริยา เขาจำขั้นตอนต่าง ๆ ได้อย่างสมบูรณ์

เขาลืมตาและเห็นว่าหัวของเสี่ยวฮั่วยุ่งเหยิงจากการลูบที่มากเกินไปของเขา เจ้าตัวเล็กมองมาที่เขาด้วยสีหน้าตำหนิ หลินจินหันกลับมาและเห็นว่าเขานั่งอยู่ไปไกลจากเขา

หัวใจของหลินจินแทบจะบินออกมา

"เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?" ผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายถาม นี่คือสิ่งที่เธออยากรู้

“ข้ากำลังทบทวนการอัดเม็ดยาอยู่น่ะ!” หลินจินตอบอย่างตรงไปตรงมา

“เจ้ามาที่นี่เพื่อประเมินสัตว์เลี้ยงของเจ้าหรือไม่? หรือว่า…” หลินจินเดินออกไปในขณะที่เขาไม่เห็นสัตว์เลี้ยงใด ๆ รอบตัวอีกฝ่ายเลย

“อืม ข้าก็ตั้งใจอย่างนั้นเหมือนกัน ข้ากำลังมองหาคำแนะนำแต่ข้าไม่สามารถหยิบป้ายทะเบียนของหัวหน้าสมาคมได้”

“ข้าสามารถช่วยดูให้ได้นะ!” หลินจินพูดอย่างไม่ตั้งใจ แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจ คน ๆ นั้นก็ตอบอย่างสบายๆ เช่นกันว่า

“เอาสิ”

ในที่สุด หลินจินก็มีลูกค้า!

หลินจินรู้สึกตื่นเต้น สมาคมประเมินสัตว์วิเศษมีดัชนีการประเมินที่ทำให้เขาไม่สามารถรับเงินเดือนขั้นพื้นฐานได้ เว้นแต่เขาจะมีลูกค้าอย่างน้อยหนึ่งรายต่อวัน

“เกี่ยวกับเรื่องนั้น เจ้าได้ป้ายทะเบียนของข้าหรือเปล่า” หลินจินถามและบุคคลนั้นก็ส่ายหัว เขากลัวว่าจะสูญเสียธุรกิจนี้จึงโพล่งทันทีว่า “ไม่เป็นไร ข้ามีอยู่กับตัว ข้าจะให้เจ้า เจ้าเพียงแค่ลงนามของเจ้าในภายหลังและชำระค่าธรรมเนียมตรงห้องโถงรับรอง”

หลินจินหยิบป้ายทะเบียนและส่งต่อให้บุคคลนั้น

บุคคลนั้นหยิบป้ายทะเบียนและเก็บไว้กับพวกเขาหลังจากเหลือบมอง บุคคลนั้นไม่พูดอะไรเลย หมายความว่าพวกเขายอมรับข้อตกลงนี้

หลินจินถูมือทั้งสองข้างของเขาและรอสักครู่ เมื่อเห็นว่าคน ๆ นั้นยังไม่พูดอะไร เขากระแอมไออย่างเชื่องช้าและถามว่า “แล้ว…สัตว์เลี้ยงของเจ้าล่ะอยู่ที่ไหน?”

“ข้าไม่มีสัตว์เลี้ยง...” ผู้หญิงคนนั้นส่ายหัว ประกายบางอย่างปรากฏในแววตาของเธอ

หลินจินผงะเมื่อเขาคิดกับตัวเองว่า 'โอ้ ไม่นะ เจ้านี่มันโรคจิต' เขาจะประเมินอะไร ถ้าไม่มีสัตว์วิเศษ? ถ้าไม่มีแล้วทำไมไม่พูดก่อนหน้านี้?’

ความรู้สึกตื่นเต้นก่อนหน้านี้ ได้หายไปในพริบตา

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง บุคคลนั้นก็ถามว่า “เจ้าช่วยดูหน่อยได้ไหม?”

‘ดูอะไร!’

หลินจินสงสัยว่าบุคคลตรงหน้าเขา สมองผิดปกติรึเปล่า มันน่าเสียดายที่คนตรงหน้าออกจะหน้าตาดี

5 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด