ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 8 สายเลือดอีกาทองคำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 10 อาจารย์

MDB ตอนที่ 9 ทำให้เรื่องมันยุ่งยากมากขึ้น


หลังการประเมินที่ชนบทแต่ละครั้ง ผู้ประเมินจะต้องส่งผลการประเมินให้สมาคมทราบ ทางสำนักงานของสมาคมมีหน้าที่ดูแลงานประจำวันดังกล่าว รวมทั้งการจ่ายเงินเดือนให้กับผู้ประเมิน

หลินจินกับจ้าวหยิงมาพบกันในตอนเช้าและมุ่งหน้าไปที่สำนักงานพร้อมกับสมุดบันทึกในมือ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงอาคารไม้ขนาดใหญ่

พวกเขาเพิ่งก้าวข้ามธรณีประตูเมื่อเกือบจะชนกับใครบางคน คน ๆ นั้นเงยหน้าขึ้นมองทันที ก่อนจะพูดอย่างดูถูก “หลินจิน ทำไมเจ้าถึงยังอยู่ที่เมืองเมเปิ้ล? หัวหน้าสั่งให้เจ้าไปที่หมู่บ้านเอเวอร์ลาสซิ่งเพื่อประเมินสัตว์วิเศษไม่ใช่หรือ?”

ชายคนนั้นมีรูปร่างเตี้ย เขาหรี่ตามองและแสดงสีหน้าไม่พอใจ บนแขนเสื้อของเขามีลายปักลายคลื่นที่มองเห็นได้

“โจวซิว!”

ความทรงจำผุดขึ้นในใจของหลินจิน ความทรงจำของเขาทำให้เขารู้ว่าเขาเป็นตัวแทนของสำนักงานสมาคม เด็กฝึกงานอันดับสองในหมู่เด็กฝึกหัด

ภายในสมาคมเมืองเมเปิล โจวซิวเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์และอายุ อายุของเขาใกล้เคียงกับของหัวหน้าหวังจี

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสามารถจัดการงานเอกสารต่าง ๆ และรับผิดชอบของหน้าที่บางอย่างที่เขาได้รับมอบหมายได้ แต่เขาเป็นคนที่เหิมเกริมและชอบวางอำนาจ เขาปฏิบัติต่อที่ระดับต่ำกว่าด้วยความเกรี้ยวกราด นิสัยของเขาช่างน่ารังเกียจอย่างยิ่ง

จากความทรงจำของเขา หลินจินได้รับความเดือดร้อนเล็กน้อยจากมือของชายผู้นี้

สำหรับผู้ประเมินสัตว์วิเศษทางการที่ถูกเด็กฝึกหัดรังแก เจ้าของร่างคนเก่าของหลินจินนั้นไร้เกียรติเกินไป

“เจ้ากำลังมาที่สำนักงานเพื่ออะไร? ข้ากำลังถามเจ้าอยู่ทำไมไม่ตอบ แล้วเจ้าไม่ได้ไปที่หมู่บ้านเอเวอร์ลาสซิ่งใช่ไหม?” เขาคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับหลินจิน นั่นทำให้โจวซิวดูมีความสุขขึ้นมาทันที

หลังจากหลุดจากภวังค์ หลินจินก็พูดอย่างเฉยเมย "ข้าไปมาแล้ว"

โจวซิวเย้ยหยัน เห็นได้ชัดว่าปฏิเสธที่จะเชื่อเขา

“หลินจิน เจ้าควรรู้ผลของการปลอมรายงาน มันจะเป็นอย่างไร หากเจ้าโกหก ใบรับรองของเจ้าในฐานะผู้ประเมินสัตว์วิเศษทางการจะถูกเพิกถอนได้ทันทีและเจ้าจะถูกไล่ออกจากสมาคม”

เขากำลังรอคำตอบแต่หลินจินก็ไม่สนใจ เขาหันกลับมาและมองจ้าวหยิงอย่างรวดเร็ว เธอเข้าใจการแสดงออกทางสีหน้าของเขาและยื่นสมุดบันทึกทันที

โจวซิวรับไว้ มีตราประทับอย่างเป็นทางการจากที่ทำการของหมู่บ้านเอเวอร์ลาสซิ่ง ดังนั้นมันควรจะเป็นของแท้ อย่างน้อยก็พิสูจน์ให้เห็นว่าหลินจินไปมาจริง ๆ โจวซิวพ่นลมออกมาและกวาดตามองเนื้อหาข้างในทันที

หลังจากอ่านแล้ว โจวซิวก็เย้ยหยันอีกครั้ง

“ประเมินไป 163 ครั้ง? พวกเจ้าคิดว่าข้าปัญญาอ่อนงั้นเหรอ!?” โจวซิวตะคอกหลังจากอ่านบันทึก “หัวหน้าได้จัดเตรียมให้เจ้าไปที่หมู่บ้านเอเวอร์ลาสซิ่ง เมื่อวานนี้ตอนเที่ยงเท่านั้น แม้ว่าเจ้าจะออกไปทันทีและประเมินมาทั้งคืน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะประเมินสัตว์วิเศษได้มากมาย บันทึกพวกนี้คงจะเป็นของปลอมและเจ้าก็พยายามแต่งเติมข้อมูลปลอมเข้าไป!”

พูดจบเขาก็เหวี่ยงสมุดบันทึกลงกับพื้นทันที

จ้าวหยิงเป็นคนแรกที่เผยความโกรธออกมา “ศิษย์พี่โจว ท่านเพียงแค่ดูสมุดบันทึกและกล่าวว่าตัดสินใจว่าผู้ประเมินหลินกำลังโกหกงั้นเหรอ มันไม่มากไปหรือไง!?”

โจวซิวโกรธมาก “เด็กสาวอย่างเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงกล้าสั่งสอนข้า? ไปให้พ้น!”

ในระหว่างการโต้เถียง เงาสีเหลืองข้างหลังเขาวิ่งออกมาและพุ่งเข้าหาจ้าวหยิง จ้าวหยิงตกใจและรีบร่ายมนตร์ ตัวนิ่มของเธอพุ่งมาจากข้างหลังเธอ

*บูม!*

เสียงทื่อ ๆ ดังขึ้น ตัวนิ่มของจ้างหยิงก็ล้มลงกับพื้นในขณะที่เงาสีเหลืองกลับมาหาโจวซิว

จิ้งจอกเหลืองจ้องตรงมาด้วยแววตาอันแหลมคม มันแยกเขี้ยวของมัน ปล่อยเสียงคำรามเบา ๆ ขณะลมพัดเข้าปกคลุมร่างกายของมัน มันคือสัตว์วิเศษของโจวซิว

จิ้งจอกตัวนี้จัดเป็นสัตว์ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และปศุสัตว์ เป็นสัตว์ดุร้าย อย่างไรก็ตาม จิ้งจอกเหลืองของโจวซิวเป็นสายพันธุ์พิเศษ ไม่เพียงแต่จะตัวใหญ่เท่านั้นแต่ยังมีขนสีเหลืองสองเส้นที่ดูเหมือนปีกบนหลังของมันด้วย มันเป็นคุณสมบัติลม พรสวรรค์ด้านความเร็วและสามารถเรียกพายุได้ โจวซิวได้เสริมพลังมันด้วยทักษะการฝึกฝนสัตว์วิเศษที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของมัน

จ้าวหยิงเฝ้าดูสัตว์สัตว์เลี้ยงของเธอกระแทกพื้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาขณะที่หัวใจของเธอเจ็บปวด เธอรีบวิ่งไปและสังเกตเห็นรอยเล็บข่วนบนตัวนิ่ม เกล็ดสองสามอันหลุดออกมา มีเลือดไหลออกจากบาดแผล มันได้รับบาดเจ็บสาหัส

“สาวน้อย เจ้ารนหาที่เอง นี่เป็นบทเรียนสำหรับเจ้า จงจำไว้ให้ดี” โจวซิวเผยท่าหยิ่งผยองและอวดดี

ขนาดหลินจิน โจวซิวยังไม่แสดงความเคารพต่อเขาด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับเด็กฝึกหัดที่เพิ่งมาใหม่ เขาสามารถรังแกพวกเขาทั้งหมดเหมือนกัน

จ้าวหยิงกัดฟันด้วยความโกรธแต่เธอก็ตระหนักดีว่าความสามารถในการประเมินของโจวซิวและทักษะการฝึกฝนสัตว์วิเศษนั้นลึกซึ้งพอ ๆ กัน ที่สำคัญกว่านั้น จิ้งจอกเหลืองของเขาตอนนี้เป็นสัตว์วิเศษ ระดับสองซึ่งมีอันดับสูงกว่าตัวนิ่มของเธอไปหนึ่งระดับ แม้ว่าเธอจะโกรธแต่เธอก็ไม่สามารถล้างแค้นได้

เธอรู้ดีแต่เธอยังคงโกรธเคือง เธอจ้องเขม็งไปที่โจวซิว

“สาวน้อย เจ้าไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้งั้นหรือ?” โจวซิวเย้ยหยัน

ทันใดนั้นก็มีเสียงมาจากข้าง ๆ “จ้าวหยิง สัตว์เลี้ยงของเจ้าได้รับบาดเจ็บ ขอข้าดูหน่อย ไว้หลังจากดูเสร็จ เจ้าสามารถดวลกับเจ้าเตี้ยได้ จำไว้ว่าใครก็ตามที่ตีเจ้า เจ้าต้องตีกลับ”

เสียงมาจากหลินจิน เขากำลังลูบหัวตัวนิ่มด้วยความมั่นใจ

ใบหน้าของโจวซิวขมวดคิ้ว เขาเกลียดการถูกเรียกว่าเจ้าเตี้ย “นี่เป็นเรื่องตลกที่ข้าได้ยินมาตลอดทั้งวัน หลินจินด้วยความสามารถขอเจ้า เจ้าแทบจะไม่สามารถช่วยตัวเองได้เลย เจ้ากลับบอกว่าให้เจ้าดูอาการ เจ้าจะไปเห็นอะไร ฮึ!! ข้าขอประกาศว่า ถ้าสาวน้อยคนนี้เอาชนะข้าได้ ข้าจะเรียกเธอว่าอาจารย์ของข้า!”

“เจ้าพูดออกมาแล้วนะ ทุกคนก็ได้ยินแล้วด้วย!” หลินจินเงยหน้าขึ้นมอง โดยธรรมชาติแล้ว ความสับสนวุ่นวายในตอนนี้ได้ดึงดูดให้ผู้ชมเข้ามารุมล้อมพวกเขา หลินจินเพิกเฉยต่อโจวซิวและก้มลงและกดลงบนร่างของตัวนิ่ม

จ้าวหยิงหวาดกลัว น้ำตาของเธอไหลลงมาบนใบหน้าของเธอ เธอพูดด้วยเสียงเล็ก ๆ ว่า “ผู้ประเมินหลิน ข้าทำไม่ได้ สัตว์เลี้ยงของข้าอยู่ในระดับหนึ่งเท่านั้นแต่สัตว์เลี้ยงของศิษย์พี่โจวอยู่ในระดับสอง”

ระดับสัตว์วิเศษมีตั้งแต่หนึ่งถึงเก้าโดยยิ่งมีจำนวนมากเท่าไหร่ก็จะบ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง

หลินจินพูดพร้อมกับก้มหน้าลง “อย่าได้กังวลไป ตัวนิ่มของเจ้ามีศักยภาพ การเลื่อนระดับเป็นระดับสองสามารถเปิดใช้งานความสามารถของคุณสมบัติได้ มันอาจจะแข็งแกร่งกว่าสัตว์เลี้ยงของโจวซิว”

จ้าวหยิงยิ้มอย่างขมขื่น เธอคิดว่า 'ผู้ประเมินหลินแค่พูดมันง่ายมาก ในทางทฤษฎีนั้นถูกต้องแต่การส่งเสริมระดับสัตว์เลี้ยงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าได้ทำพันธสัญญาโลหิตกับตัวนิ่มเมื่อสามปีที่แล้วและตลอดเวลานี้ ข้าพยายามทำทุกอย่างเพื่อส่งเสริมให้ตัวนิ่มแต่ก็ล้มเหลวในทุกครั้ง'

ด้วยเหตุผลนี้ เธอจึงเดินทางไปขอคำแนะนำจากผู้เมินทางการเมื่อเร็ว ๆ นี้ เธอได้ขอคำแนะนำจากผู้ประเมินทางการคนอื่นในสมาคม เกาเจียง เขากล่าวว่าตัวลิ่นจะเพิ่มระดับได้ มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองปีในการฝึก ไม่มีทางลัดใด ๆ

สัตว์วิเศษบางตัวก็เป็นแบบนี้ บนเส้นทางแห่งการเติบโต พวกมันจะต้องพบกับอุปสรรคต่าง ๆ

“ผู้ประเมินหลิน ท่านไม่จำเป็นต้องเสียความพยายามเลย ข้า…” จ้าวหยิงครุ่นคิด

ความแข็งแกร่งตัดสินได้ทุกอย่างและสิ่งที่ตัดสินความแข็งแกร่งคือระดับของสัตว์วิเศษ

แม้ว่าจะมีความแตกต่างของระดับระหว่างระดับหนึ่งและสอง แต่จุดแข็งที่เก็บไว้ในทั้งสองระดับนั้นแยกจากกันคนละโลก

ระดับหนึ่งขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง ในขณะที่ระดับที่สองขึ้นอยู่กับพลังงานจิตวิญญาณ

ความหมายว่า สัตว์วิเศษระดับหนึ่งสามารถพึ่งพาความแข็งแกร่งทางกายภาพของพวกมันในการต่อสู้แต่ในระดับสอง พวกมันสามารถใช้คุณสมบัติที่ติดตัวโดยกำเนิดของพวกมันได้ เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงของโจวซิว สายลมที่พัดไปทั่วร่างกายของมันเป็นตัวอย่างที่ดี

ก่อนที่จ้าวหยิงจะพูดจบ เธอเห็นพลังวิญญาณพุ่งออกมาจากร่างของสัตว์วิเศษของเธอ ในเวลาเดียวกัน รัศมีของเธอก็หนาแน่นขึ้น เสื้อคลุมของเธอกระพือปีก หินที่อยู่รอบ ๆ เท้าของพวกเขาก็สั่นสะเทือนและลอยขึ้นเล็กน้อยในอากาศ

ในฐานะเจ้าของสัตว์เลี้ยง จ้าวหยิงสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสัตว์เลี้ยงของเธอในทันที

“ระดับสอง?”

หัวใจของจ้าวหยิงเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง นิ้วของเธอก็ชาเพราะตัวสั่นอย่างแรง

‘ไม่ใช่ว่าตัวนิ่มของข้า ไม่สามารถเพิ่มระดับได้ภายในหนึ่งปีหรือสองปีไม่ใช่หรือ? แถมยังไม่มีทางลัดใด ๆ ด้วย!’

‘แล้วสถานการณ์นี้คืออะไร?’

ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างพูดไม่ออกราวกับว่าพวกเขาได้เห็นบางสิ่งที่เหลือเชื่อ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นปรากฏการณ์ของสัตว์วิเศษ ทันใดนั้น เสียงแตกที่คมชัดมาจากตัวนิ่มและสัตว์ตัวนั้นก็ใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าในเสี้ยววินาที เกล็ดของมันแข็งขึ้น หนาขึ้นและกรงเล็บของมันคมอย่างอันตราย ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย เกิดรอยขีดข่วนลึกบนแผ่นหินด้านล่าง นอกจากนั้นยังมีเศษดินและหินที่สะสมอยู่รอบ ๆ ตัวมันซึ่งเหมาะสมกับคุณสมบัติดินของตัวนิ่ม

ทางด้านโจวซิว เขามองเห็นทุกอย่าง ดวงตาของโจวซิวเกือบหลุดออกจากเบ้าตา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตัวลิ่นได้วิวัฒนาการและมันอยู่ห่างจากเขาไปสองสามเมตร มันเป็นไปได้อย่างไร?

การนวดเพียงเล็กน้อยสามารถส่งเสริมสัตว์วิเศษได้งั้นหรือ?

เรื่องนี้เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน!

"เสร็จแล้ว!" หลินจินลูบหัวตัวนิ่มโดยไม่สนใจสายตาที่ตกใจของทุกคนและลุกขึ้นยืน เขาหันไปพูดกับจ้าวหยิงว่า “ไปต่อสู้กับเขาอีกครั้ง!”

เลือดร้อนพุ่งผ่านเส้นเลือดของจ้าวหยิง แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าผู้ประเมินหลินทำอะไรแต่ก็ชัดเจนว่าความสามารถของเขานั้นเหนือจินตนาการ เขาสามารถส่งเสริมสัตว์เลี้ยงที่ติดอยู่ในคอขวดได้อย่างง่ายดายซึ่งเป็นสิ่งที่หัวหน้าหวังจีอาจไม่สามารถทำได้ด้วยซ้ำ ทว่าที่ตลกก็คือ ยังมีคนโง่เขลาที่ปล่อยข่าวลือแถมเรียกเขาว่าขยะที่ไม่สมควรเสียได้รับเกียรติและยังบอกว่าเขาเป็นความอัปยศของผู้ประเมินสัตว์วิเศษทุกคน

ตอนนี้ ดูเหมือนว่าพวกมันทั้งหมดเป็นเพียงการใส่ร้ายป้ายสีเท่านั้น

ผู้ประเมินหลินเป็นผู้สูงศักดิ์ มีเมตตาและไม่เคยอธิบายตนเอง เขาทำงานอย่างเงียบ ๆ และไม่ทำตัวโดดเด่น อดทนทุกอย่างด้วยความสามารถของเขา เขาเป็นคนที่ดีและเป็นอาจารย์ที่มีความสามารถ ก่อนหน้านี้ จ้าวหยิงได้หลงเชื่อในข่าวลือไปแต่ตอนนี้เธอรู้ความจริงแล้ว เธอจึงตัดสินใจทุ่มเทความพยายามทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือเขา

นั่นคือการล้างชื่อผู้ประเมินหลิน!

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด