ตอนที่แล้วบทที่ 568 การดื่ม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 570 สตาร์ซีเคียวริตี้

บทที่ 569 ลูกหลานทั้งสามของตระกูลจี้(ตอนฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 569 ลูกหลานทั้งสามของตระกูลจี้

ณ ว่านหลี่คลับ

เหอหงเหว่ยนั่งอยู่บนโซฟาในล็อบบี้ใกล้กับทางเข้าของว่านหลี่คลับ ชุดสูทที่เรียบหรูบวกกับท่านั่งหลังตรงทำให้เขาดูเป็นคุณชายผู้สง่างามกำลังรอเข้าร่วมงานเลี้ยงที่สำคัญหรือเป็นงานแต่งงานของตัวเขาเอง

คนที่นั่งอยู่ข้างๆเหอหงเหว่ยก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือคุณชายรองแห่งตระกูลเหอ เหอหงเฉียง!

อันที่จริงตอนนี้เหอหงเฉียงนั้นกำลังรู้สึกแปลกใจมาก เพราะเท่าที่เขาจำได้ นอกจากจะอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสที่น่าเกรงขามแล้ว พี่ใหญ่ของเขาก็ไม่เคยทำหน้าจริงจังขนาดนี้มาก่อน หรือว่าวันนี้พี่ใหญ่ได้นัดบุคคลสำคัญมา? แต่นั่นก็ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าพี่ใหญ่นัดเจอกับบุคคลสำคัญจริงๆ ก็ไม่น่าจะพาเขามาที่นี่ด้วย!

‘เป็นไปได้มั้ยว่าคุณชายอันดับหนึ่งจะมา?’ เหอหงเฉียงอดคาดเดาไม่ได้ แต่พอนึกขึ้นได้อย่างหนึ่ง ก็มีความสงสัยขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง เพราะถ้าหากเป็นคุณผู้ชายคนนั้นจริงๆ แม้ว่าพี่ใหญ่จะให้เกียรติอีกฝ่าย แต่ก็จะไม่พาเขามาด้วยแน่ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คุณผู้ชายคนนั้น!

เวลาได้ล่วงผ่านเลยไปตั้งแต่ 17.00 น. จนถึงตอนนี้ก็ 17.30 น. แล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครปรากฏตัว สมาชิกหรือลูกค้าของว่านหลี่คลับจะถูกจัดแจงให้เข้าและออกที่ประตูอื่นๆ ดังนั้นผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่ใช้ประตูนี้แน่นอน

เหอหงเฉียงเริ่มรู้สึกหมดความอดทน เขาอ้าปากและต้องการจะถามว่า ใครคือคนที่กำลังจะมาที่นี่? ทำไมคนคนนั้นถึงได้ไร้มารยาทและกล้าดีได้ขนาดนี้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของพี่ใหญ่ เหอหงเฉียงก็ทำได้เพียงกลืนคำถามของเขากลับลงท้องไป

‘อย่าหาเรื่องให้พี่ใหญ่ด่าเลยจะดีกว่า...’

“เอ่อ... พี่ใหญ่ เอาแบบนี้ดีมั้ยครับ พี่ขึ้นไปก่อนแล้วกันเดี๋ยวผมจะเป็นคนนั่งรออยู่ที่นี่ให้ พอคนที่พี่นัดมาถึงแล้ว ผมจะเป็นคนรับผิดชอบพาเขาขึ้นไปหาพี่ที่ห้องเอง โอเคมั้ย?” เหอหงเฉียงถามอย่างระมัดระวัง

แม้เขาจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในใจของเขานั้นรู้สึกไม่พอใจมาก ‘แม่งเหอะ! ไอ้เวรที่ไหนมันถึงวางท่าใหญ่โตแบบนี้ อยากให้คนมารอก็ให้พ่อแม่งมารอสิ! แต่ไม่ใช่ให้พี่ใหญ่มานั่งรออยู่หน้าล็อบบี้แบบนี้ ช่างใจกล้าดีจริงๆ!’

พี่ใหญ่เป็นใคร?

เขาคือคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเหอซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งหยานจิง! ด้วยสถานะระดับนี้ ต่อให้คุณผู้ชายคนนั้นมา ก็ยังต้องให้เกียรติคุณชายเหอ ถึงอย่างไรคุณชายเหอก็เป็นกำลังสำคัญของฝ่ายหนึ่ง ส่วนพ่อของคุณชายคนนั้นก็เป็นเพียงตัวแทนของจากอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ทุกคนต่างมีจุดยืนของตัวเอง ต่างคนต่างอยู่ แต่อย่างน้อยก็ต้องรู้จักสูงต่ำ!

แต่ถ้าหากเปรียบเทียบกันเรื่องทรัพยากรที่อยู่ในมือกันแล้วล่ะก็... คุณชายใหญ่เหอหงเหว่ยนั้นแข็งแกร่งกว่าคุณชายคนนั้นอยู่เล็กน้อยด้วยซ้ำ

แล้วในสถานการณ์เช่นนี้ ยังมีคนกล้าให้เหอหงเหว่ยคุณชายแห่งตระกูลเหอรออยู่ครึ่งชั่วโมง ความกล้าเช่นนี้ช่างน่าสมเพชจริงๆ! ไม่เจียมกะลาหัวเอาซะเลย!

ใครจะรู้ว่าหลังจากที่เหอหงเหว่ยได้ยินคำพูดแนะนำของเหอหงเฉียง เหอหงเหว่ยก็เหลือบมองเหอหงเฉียงและพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “หงเฉียง ฟังฉันให้ดี ถ้านายเจอคนที่กำลังจะมาที่นี่ นายต้องทำตัวสุภาพเข้าไว้ เข้าใจมั้ย?”

เหอหงเฉียงตกใจและถามทันทีว่า “พี่ใหญ่ ทำไมถึงได้พูดแบบนั้น...” แต่จู่ๆเหมือนเขาจะนึกอะไรได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจและถามอย่างลังเลว่า “พี่ใหญ่ คนที่พี่นัดไว้คงไม่ใช่คนของตระกูลจี้ใช่มั้ย?”

เหอหงเฉียงเหมือนจะเข้าใจความหมายในคำพูดของเหอหงเหว่ยพี่ใหญ่ของเขาแล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องรักษามารยาทและทำตัวสุภาพเวลาที่ได้พบเจอแขก เว้นเสียแต่ว่า... จะเป็นคนที่ไม่อยากเจอมาเป็นแขก!

และคนที่สามารถทำให้พี่ชายใหญ่เหอหงเหว่ยมีสีหน้าและท่าทีเคร่งขรึมขนาดนี้ได้ ทั่วทั้งเมืองหยานจิงเกรงว่าคงมีแต่ผู้อาวุโสกับคุณชายไม่กี่คนของตระกูลเซียงและตระกูลจี้เท่านั้น

และมีเพียงคนจากตระกูลจี้ไม่กี่คนเท่านั้นที่เขาไม่อยากจะเจอ!

“ใครกันแน่ที่จะมาในวันนี้... จี้ช่าวเหลย?” เหอหงเฉียงถามหยั่งเชิง

“จี้ช่าวตง!” เหอหงเหว่ยพูด “จี้ช่าวเหลยและจี้เฟิง!”

เหอหงเฉียงตกใจและโพล่งออกไปทันทีว่า “พวกเขาสามคนมาทำอะไร จะมาพังว่านหลี่คลับเหรอ?”

คุณชายสามคนนี้ของตระกูลจี้ก็เหมือนหมาป่าเหมือนเสือ! (โหดเหี้ยม ร้ายกาจ)

ประโยคนี้แพร่สะพัดไปทั่ววงการคุณชายแห่งหยานจิงแล้ว แน่นอนว่ามันเต็มไปด้วยการประชดประชัน

จี้ช่าวตง จี้ช่าวเหลยและจี้เฟิงจากตระกูลจี้ ไม่ได้ดูมีอะไรโดดเด่นนอกจากความสำเร็จบางอย่างของจี้ช่าวตง อีกสองคนก็ไม่มีผลงานอะไรเป็นที่น่าจับตามองเลย จี้ช่าวเหลยเป็นคุณชายเสเพล เกกมะเหรกเกเรมาตั้งแต่สมัยเรียน วันๆเอาแต่เที่ยวเตร่ ไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอัน

ส่วนตอนนี้จี้เฟิงก็เป็นเพียงนักเรียนคนหนึ่ง เมื่อไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งจะไปสร้างปัญหาอาละวาดที่รอยัลคลับ ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงลักษณะของคุณชายเสเพลทำตัวผลาญทรัพย์สมบัติตระกูลไปวันๆ หลายคนที่ได้ยินชื่อเสียงทางด้านนี้ก็ไม่พอใจและอดทนไม่ได้ที่จะพูดว่า ‘เป็นลูกเป็นหลานตระกูลจี้ทั้งทีก็ทำตัวดีเสียจริงๆ ไม่ลืมพื้นฐานของการเป็นลูกผู้มีอิทธิพลเลย!’

คำพูดนี้ไม่มีคำหยาบคายและดูเหมือนจะเป็นคำชม แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาแอบด่าจี้เฟิง แม้ว่าโจรจะสวมเสื้อคลุมมังกร แต่ก็หาได้มีความสง่างามอย่างที่องค์รัชทายาทควรมี โจรก็ยังคงมีกลิ่นอายของโจร จนทำให้ลืมไปได้เลยว่าเขาแซ่อะไร!

ส่วนจี้ช่าวเหลยในตอนนั้นก็เกือบจะทำลายว่านหลี่คลับ บวกกับชื่อเสียงที่โด่งดังของเขาในหยานจิงเมื่อในอดีต

เป็นสามพี่น้องที่เหมือนหมาป่าเหมือนเสือจริงๆ!

ลูกหลานของตระกูลใหญ่ มักจะถูกยกย่องด้วยคำว่า ‘อิงเจี๋ย’ ด้วยคำพูดเช่นนี้ ไม่ว่าจะหมายถึง พลังอันยิ่งใหญ่ รอบคอบ หรือมีปัญญาที่เฉลียวฉลาด ล้วนเป็นคำชม แต่กับคำว่า ‘เหมือนหมาป่าเหมือนเสือ’ ที่ใช้กับสามพี่น้องตระกูลจี้ ถือว่าเป็นคำพูดที่เป็นการดูหมิ่นมาก!

ดังนั้นเมื่อเหอหงเหว่ยบอกว่าคนที่มาคือสามพี่น้องตระกูลจี้ ปฏิกิริยาแรกของเหอหงเฉียงก็คือ “พวกเขาจะมาอาละวาดที่ว่านหลี่คลับเหรอ?”

เหอหงเหว่ยเองก็เคยได้ยินประโยคนี้มาบ้าง ดังนั้นจึงพอรู้ว่าน้องชายของเขาคิดอะไรอยู่ เขาเหลือบมองเหอหงเฉียงและพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “หงเฉียง ฉันหวังว่านายจะเก็บสิ่งที่คิดอยู่เอาไว้แค่ในใจนะ?”

แม้ว่าน้ำเสียงของเหอหงเหว่ยจะราบเรียบ แต่เหอหงเฉียงก็ยังตกใจ เพราะเขารู้ว่าพี่ใหญ่ของเขากำลังโกรธ

“พี่ใหญ่ ผมผิดไปแล้ว!” แม้ว่าเหอหงเฉียงจะเป็นคนหยิ่งยโส แต่เขาก็มีจุดเด่นอย่างหนึ่ง คือเขาเคารพและเชื่อฟังพี่ใหญ่ของเขามาก

“จำไว้นะ สำหรับสามพี่น้องรุ่นที่สามของตระกูลจี้ คำที่บอกว่าพวกเขาเหมือนหมาป่าเหมือนเสือ ไม่แน่ว่าประโยคนี้อาจจะไม่ได้เป็นการดูหมิ่นก็ได้!” เหอหงเหว่ยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“ไม่ได้เป็นการดูหมิ่นเหรอ?” เหอหงเฉียงไม่เข้าใจ

“เมื่อเวลาผ่านไป นายจะรู้ว่าคนที่ดูถูกพวกเขาสุดท้ายจะเป็นคนที่ถูกดูแคลนเอง!” เหอหงเหว่ยส่ายหัวและกล่าวว่า “ดังนั้นนายต้องสงบสติอารมณ์ของนายให้ดี ไม่อย่างนั้นก็อย่าโทษฉันที่จะต้องไล่นายออกไป!”

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดประโยคนี้ออกมา แต่เห็นได้ชัดว่าคนที่พูดนั้นคงไม่ได้พูดด้วยความรู้สึกดีและอยากจะชื่นชม แต่ถ้าใครมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก มองว่าลูกหลานตระกูลจี้ทั้งสามคนนี้เป็นคนป่าเถื่อนโหดร้ายเหมือนหมาป่าเหมือนเสือจริงๆ ตัวเขาเองนั่นแหละที่จะกลายเป็นตัวตลก!

หากใครไม่เคยติดต่อกับพี่น้องตระกูลจี้สามคนนี้มาก่อน พวกเขาก็ไม่มีทางรู้ถึงความร้ายกาจที่แท้จริงของสามพี่น้องเหล่านั้น แต่เหอหงเหว่ยเคยเจอมาแล้ว เขาจึงรู้ดี!

....................

เมื่อ BMW x6 สีดำ ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของว่านหลี่คลับ ชายหนุ่มสามคนก็ลงมาจากรถ เหอหงเหว่ยก็ลุกขึ้นยืนและก้าวไปหาพวกเขาทันที

“ช่าวตง ช่าวเหลย น้องจี้เฟิง!” เหอหงเหว่ยยิ้มทักทายและเดินเข้าไปจับมือกับพวกเขาด้วยความสุภาพและยังคงความสง่างาม ไม่ดูนอบน้อมจนเกินไปและไม่ดูเย่อหยิ่งจนเกินไป

“คุณชายเหอ ที่เชิญพวกเรามาในวันนี้ คงมีเรื่องอะไรจะอวดล่ะสินะ?” จี้ช่าวเหลยไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อเหอหงเหว่ยอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างไม่เกรงใจ

เหอหงเหว่ยยิ้มและตบไหล่จี้ช่าวเหลยโดยไม่สนใจคำค่อนแคะแม้แต่น้อย “ช่าวเหลย ฉันขอสัญญาว่าอาหารและไวน์ในวันนี้จะเป็นของชั้นเลิศ!”

จี้ช่าวเหลยลูบจมูก เขาเองก็เจอเหอหงเหว่ยอยู่หลายครั้ง และการยั่วโมโหของเขาก็ไม่ได้รับคำตอบอย่างที่ควรจะเป็นทุกครั้ง นี่จึงทำให้เขารู้สึกเบื่อมาก จึงพยักพเยิดหน้าอย่างไม่ใส่ใจและไม่ได้พูดอะไรอีก

เห็นได้ชัดว่าเหอหงเหว่ยมีเจตนาที่จะแก้ไขความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น

จี้ช่าวตงไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธการนัดพบกันในครั้งนี้แม้แต่น้อย ใบหน้ายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ฟังเหอหงเหว่ยพูดด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

ที่จริงแล้วการพบกันครั้งนี้เป็นเพียงการนัดพบกันอย่างไม่เป็นทางการ เดิมทีมีเพียงจี้เฟิงเท่านั้นที่ได้รับเชิญจากเหอหงเหว่ย ข้ออ้างก็คือเรื่องของสองพี่น้องตระกูลโจวแห่งเจียงซูและเจ้อเจียง จี้เฟิงไม่ถือสาเพราะไว้หน้าเหอหงเหว่ย นี่จึงเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆที่เขาอยากจะตอบแทนจี้เฟิงโดยการเชิญออกมาดื่มกัน

แต่อาจเพราะเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีนพอดี เหอหงเหว่ยก็เลยเสนอให้จี้เฟิงชวนพี่ทั้งสองคนของเขามาด้วย จี้ช่าวตงเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไร จี้เฟิงจึงตอบตกลง

แต่เป็นเพราะในตอนที่โทรชวนกันเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน พวกเขาสามพี่น้องอยู่กันพร้อมหน้า เหอหงเหว่ยจึงเชิญทั้งสามพี่น้องมาด้วยกันทั้งหมด และเมื่อจี้เฟิงเห็นว่าจี้ช่าวตงไม่ได้คัดค้านอะไร เขาจึงตอบตกลงกับเหอหงเหว่ย

และคนทั้งห้าก็เดินพูดคุยกันอย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง อันที่จริงทั้งสองตระกูลต่างมีเรื่องขัดแย้งกันในหลายๆด้าน แต่เมื่อคนหนุ่มสาวจากทั้งสองตระกูลมาอยู่ด้วยกัน แน่นอนว่าพวกเขาหลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องสำคัญอะไรนัก และการได้นั่งดื่มกินร่วมกันก็ถือเป็นความก้าวหน้าอย่างหนึ่ง

และสิ่งที่เหอหงเหว่ยต้องการก็คือได้สามพี่น้องตระกูลจี้มานั่งร่วมโต๊ะก็เพียงพอแล้ว และเขาก็จะไม่หวังอะไรมากไปกว่านี้ เพราะแค่การได้นั่งร่วมโต๊ะกันแบบนี้ ก็เป็นการส่งสัญญาณให้โลกภายนอกได้แล้ว พวกเขาจะสามารถคาดเดากันเองได้

จริงหรือไม่จริง ชัวร์หรือมั่ว ข่าวบางข่าวล้วนมีเมฆหมอกบดบัง แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ใครหลายคนหวาดกลัว

ไม่ใช่สามพี่น้องตระกูลจี้ไม่รู้ถึงเรื่องนี้ พวกเขารู้ดีแต่ก็ยังมา แน่นอนว่ามันก็เป็นความตั้งใจของพวกเขาทั้งสามคน

ทั้งเจ้าภาพและแขกผู้มาเยือนต่างก็ยินดีในการพบปะกันในครั้งนี้ แม้ว่าสามพี่น้องตระกูลจี้จะมาช้า แต่พวกเขาก็ใช้เวลาในการพูดคุยและกินดื่มไม่นานนัก เวลาผ่านไปเพียงสองถึงสามชั่วโมง หลังจากที่พวกเขาอิ่มหนำสำราญกันแล้ว พวกเขาก็กล่าวลา

เหอหงเหว่ยยืนอยู่บนบันไดตรงทางเดินและเห็น BMW x6 สีดำค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปและหายไปในความมืด เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา คาดว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่จะนอนไม่หลับในคืนนี้?

นี่คือชัยชนะ!

“พี่ใหญ่ หลังจากปีใหม่ พี่ยังจะต้องไปที่เจียงโจวอีกเหรอ?” เหอหงเฉียงที่ยืนอยู่ข้างๆอดถามไม่ได้

เหอหงเหว่ยและจี้เฟิงได้ตกลงกันไว้ว่า หลังจากที่สิ้นสุดเทศกาลตรุษจีนเรียบร้อยดีแล้ว พวกเขาจะหารือกันเรื่องโรงงานยาอีกครั้งหนึ่ง และเหอหงเหว่ยจะเดินทางไปที่เจียงโจว

เหอหงเหว่ยพยักหน้าและกล่าวว่า “ฉันกับจี้เฟิงมีความคิดเห็นตรงกัน เขาเองก็อยากจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น นี่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย แล้วทำไมฉันถึงจะไม่ทำล่ะ?!”

เหอหงเฉียงไม่สามารถเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ เขาทำได้แค่เพียงเกาหัวอย่างงงๆเท่านั้น

เทศกาลตรุษจีนปีนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น นอกจากเรื่องของโจวเฟยเฟยและโจวซื่อหลินสองพี่น้องตระกูลโจวแห่งเจียงซูและเจ้อเจียงแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร จี้เฟิงจึงใช้ชีวิตอย่างสบายๆ

และเมื่อเทศกาลตรุษจีนสิ้นสุดลง จี้เฟิงก็กล่าวคำอำลากับคุณปู่และพ่อแม่ของเขา เขาขับรถพาถงเล่ยและจางเล่ยกลับสู่เจียงโจว ส่วนจี้ช่าวตงและจี้ช่าวเหลยนั้นนั่งเครื่องบินกลับไปทำงานของตัวเอง

เทอมใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น

ในเวลานี้จี้เฟิงได้ทุ่มเทพลังงานทั้งหมดของเขาไปที่โรงงานยา!

…จบบทที่ 569~❤️

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด