ตอนที่แล้วบทที่ 101 ลวงหลอกซ้อนหลอกลวง 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 103 หมิงหยู

บทที่ 102 เดินทางผ่านมิติ


กำลังโหลดไฟล์

เวลาเดียวกับที่หนิงเทียนกล่าวออกมา ไป๋ซัวที่กำลังจิบสุราอย่างสบายใจถึงกับพ่นสุราออกมาจากปาก มันไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าเด็กนี้จะใช้วิธีเช่นนี้ในการดัดหลังพวกมัน

ดวงตาของอานซือเปลี่ยนเป็นหรี่แคบลงทันที ถึงอย่างไรมีหรือที่อานซือจะให้หนิงเทียนเปิดถุงผ้าง่ายๆ

ถ้ามันไม่ยอมรับและดึงดันให้เริ่มเดิมพันใหม่อีกครั้งด้วยอำนาจที่มันเป็นเจ้ามือและเถ้าแก่คงจะไม่ยากเกินความสามารถของมันแน่นอน ขณะที่มันกำลังเปิดปากออก...

หนิงเทียนนำป้ายเทพท่องนภาออกมาพร้อมกับโบกสะบัดไปมาให้คนในที่นี้ได้เห็นกันอย่างทั่วถึง “อาจารย์ของข้าได้กล่าวว่า ถ้ามีใครทำไม่ดีหรือต้องการที่จะขดโกงแล้วละก็ให้ใช้ป้ายนี้กับมันผู้นั้นได้ทันที

ข้าคิดว่าท่านอานซือคงจะไม่เรียกร้องให้มีการยกเลิกเดิมพันและเริ่มใหม่อีกครั้งหรอกนะ” หนิงเทียนยิ้มออกอย่างสุภาพ

แต่สำหรับมู่เสวี่ยแล้วรอยยิ้มของหนิงเทียนนั้น มันแสนที่จะชั่วร้ายอย่างที่สุด กี่คนแล้วที่ตกเป็นเหยื่อของรอยยิ้มนั้นและกี่คนแล้วที่ต้องถูกหลอกโดยปีศาจเจ้าเล่ห์เช่นนี้

เมื่อป้ายเทพท่องนภาปรากฏแก่สายตาของอานซือ มันรีบกลืนคำพูดที่คิดไว้ลงคอในทันที

แม้มันจะเป็นคนของสำนักตู่กัว แต่สำหรับสำนักแล้ว มันไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบ่อนเดิมพันของอานซือเลยแม้แต่น้อย หรือถ้าจะพูดว่าสำนักไม่มีส่วนรู้เห็นเลยก็ไม่ใช่คำกล่าวที่ผิดไปนัก

เวลานี้ไป๋ซัวที่ได้เห็นป้ายเทพท่องนภาอย่างชัดตา มันรีบเสือกเท้าถอยหนีอย่างรวดเร็วและเงียบเฉียบ

“ส่วนแบ่งหรือ? มันไม่สนใจแม้แต่น้อย อานซือหรือ? ก็เรื่องของมันสิ เวลานี้ภายในหัวของมันคิดแต่จะจากไปและขอให้อย่าได้พบเจอกับหนิงเทียนอีกเลย

สำนักโอสถฟ้าของมันเป็นเพียงระดับอีเทียนโหลวเท่านั้นไหนเลยจะกล้าต่อกรกับนิกายระดับเอ้อร์เทียนโหลวอย่างนิกายท่องนภาได้และที่สำคัญสำนักโอสถฟ้ามีเหตุผลใดกันที่จะปกป้องศิษย์สายนอกเช่นมัน

แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้มันหายร่างไปจากบ่อนพนันตู่กัวโดยเร็ว ก่อนจะจากไปมันเพียงส่งสายตาแทนคำบอกลาให้แก่อานซือเท่านั้น

“เถ้าแก่ ท่านจะยืนนิ่งอีกนานไหม พวกเราทุกคนกำลังรอดูลูกหินที่อยู่ในมือของท่าน” หนิงเทียนกล่าวออกมาอย่างสบายๆเพื่อเตือนสติของอานซืออีกครั้ง

ได้ยินเช่นนั้นอานซือได้แต่ปิดตาของตัวมันเอง มันนั้นน่าจะฉุกคิดแต่แรกแล้วว่าถ้าปราศจากเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่เด็กอายุ15-16ปี ที่ไหนกันจะสามารถพกพาโอสถลับมากมายเช่นนี้ได้

และถ้ามันไม่ถูกความโลภเข้าครอบงำไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่มีทางรับการเดิมพันครั้งนี้อย่างแน่นอน

อานซือใช้เวลาทำใจยอมรับอยู่หลายสิบลมหายใจก่อนจะปล่อยมือจากถุงผ้าให้ล่วงลงสู่พื้น เมื่อถุงผ้าตกกระทบกับพื้นแล้ว ลูกหินสีดำค่อยๆกลิ้งออกมาให้ประจักษ์แก่สายตาผู้คน

“ฮ่าฮ่าๆๆๆ ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างข้า พี่ชายพวกเรารวยกันแล้วด้วยหยกนิลจำนวนนี้พวกเราสามารถไปกลับที่หมายได้โดยไม่ต้องควักเนื้อสักแอะเดียว”ด้วยคำพูดที่หนิงเทียนกล่าวออกมันคล้ายกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของดวงชะตาล้วนๆ

จากนั้นหนิงเทียนไม่รอช้า มันสะบัดมือครั้งเดียว หีบหยกนิลทั้งสองใบหายเข้าไปในแหวนมิติของมันอย่างรวดเร็ว

มู่เสวี่ยนั้นมองไปยังหนิงเทียนด้วยปากที่อ้าค้างแม้นางจะรู้จุดจบของอานซือก่อนใครเพื่อน แต่ถึงอย่างไรการกระทำของหนิงเทียนนั้นชั่วร้ายจนเกินไปแล้ว

ขณะที่หนิงเทียนกำลังหันหลังและพร้อมที่จะเดินจากไป เข่าทั้งสองข้างของอานซือได้ทิ้งลงกับพื้น

“อย่าได้เสียใจไปเลย อย่างน้อยเมื่อเจ้าบวกลบคูณหารดีๆแล้วเจ้ายังสามารถกินหยกนิลจากนักพนันคนอื่นๆที่เดิมพันข้างเจ้าได้อยู่บ้างไม่ใช่หรือ” สิ้นคำกล่าวนี้ร่างของหนิงเทียนและมู่เสวี่ยได้หายไปจากสายตาของมันเรียบร้อยแล้ว

อานซือที่ได้ยินคำกล่าวของหนิงเทียนเช่นนั้นมันแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ มันไม่คิดว่าต้องเองจะโง่เขลาได้ถึงเพียงนี้

มันนั้นสูญเสียไปถึง2000หยกนิลแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาแค่เพียง2-300หยกนิลเท่านั้น นี้ช่างเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย...

...

หลังจากที่ทั้งสองออกมาจากบ่อนพนันตู่กัว หนิงเทียนและมู่เสวี่ยได้กลับเข้าสู่ถนนสายหลักที่ถอดยาวไปยังประตูมิติอีกครั้งเวลานี้ ทั้งคู่ใช้เวลาไม่นานในการก้าวเท้าเดิน

เวลานี้มันใกล้พอที่จะมองเห็นลานกว้างขนาดใหญ่ที่ประดับไปด้วยวงแหวนเคลื่อนย้าย

ภายในลานกว้างนั้นมีผู้ฝึกตนระดับสูงนั่งล้อมรอบอยู่ทั่วทั้งแปดทิศ หนิงเทียนไม่สามารถที่จะบอกได้ถึงระดับของคนพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย

แต่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำให้หนิงเทียนรู้สึกแปลกใจ การที่จะใช้พลังเคลื่อนย้ายในระยะที่ไกลทางขนาดนี้ได้ แน่นอนว่าพลังของพวกมันขั้นต่ำนั้นจะต้องอยู่ในดินแดนทรราชย์ขึ้นไปอยู่แล้ว

หนิงเทียนกวาดสายตาสำรวจรอบๆอยู่มันพบว่า มีโต๊ะทหารที่ดูเหมือนจะทำหน้าที่จัดการเรื่องการเดินทางอยู่สองโต๊ะด้วยกัน และแถวที่ผู้ฝึกตนต่อนั้นก็มีด้วยกันถึงสองแถว

ขณะที่หนิงเทียนกำลังก้าวเดินไปสำรวจแถวที่ยื่นยาวทั้งสองแถวนั้น หูของมันกลับได้ยินเช่นการสนทนาของผู้อื่นดังเข้ามา ง

“โหงวเฮ้งของพี่ชายท่านนี้ดูแล้วคงจะเป็นผู้ลากมากดีจากตระกูลชั้นสูงในดินแดนรอบนอกแน่ๆ ดูสิเส้นบารมีของพี่ชายท่านนี้เด่นชัดมากๆ

บนใบหน้าของเจ้าบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังพบโชควาสนา ใช่ๆแล้ว มันต้องเป็นเพราะพี่ชายได้มาพบกับข้าแน่ๆนอน” คำพูดนี้ไม่ได้ดังออกมาจากใครที่ไหน มันเป็นไป๋ซัวที่กำลังกล่าวหลอกล่อนักเดินทางคนอื่นอยู่

เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วหนิงเทียนไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไป มันใช้มือจับไปที่บ่าของไป๋ซัวจากด้านหลัง ไป๋ซัวที่กำลังวุ่นอยู่กับการสนทนานั้นมันได้หันกลับมาด้วยใบหน้าที่รำคาญใจ

“ใครกันไม่ดูเวล่ำเวลา ไม่เห็นหรือไงว่าข้ากำ.....” ทันทีที่สายตาของไป๋ซัวมองไปยังหนิงเทียนมันต้องหยุดคำกล่าวลง พร้อมกับหัวเราะออกมาแห้งๆ “อะ...อ้าวพวกเราไม่ได้เจอกันนานเลยนะพี่ชาย”

“ไม่เจอกันนาน? ไม่ใช่พวกเราพึ่งจะแยกกันได้เพียงไม่กี่ก้านธูปเท่านั้นหรือ”หนิงเทียนกล่าวออกพร้อมรอยยิ้ม

เมื่อไป๋ซัวเห็นรอยยิ้มของหนิงเทียน ใบหน้าของมันขาวซีดลงทันที มันรีบกล่าวออกโดยเร็ว “พี่ชายเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้าไม่ได้มีเจตนาคิดร้ายกับพี่ชายเลยแม้แต่น้อย ขอให้ท่านโปรดอย่าได้ถือสาข้าอีกเลย”

“ไม่ถือสาเจ้า ไม่ใช่ปัญหา แต่ตอนนี้ข้าต้องการรู้เรื่องประตูมิติเย่อู่เหมินถ้าเจ้ายินยอมบอกข้ามาตามตรง ข้าอาจจะทำเป็นลืมเรื่องในวันนี้ไปก็ได้”

ได้ยินเช่นนั้นมีหรือที่ไป๋ซัวจะยอมทิ้งทางรอดแคบๆนั้นไป มันรีบกล่าวอธิบายอย่างชำนาญทันที

“ประตูมิติเย่อู่เหมินนั้นจะไม่เหมือนกับประตูมิติในทวีปอื่นๆ โดยทั่วไปแล้วประตูมิติของเมืองต่างๆในแดนสวรรค์หวงตี้ แค่เพียงมีเงินจ่ายตามที่กำหนด มันผู้นั้นก็จะสามารถเคลื่อนย้ายไปที่หมายได้ตามต้องการภายในหนึ่งก้านธูป

แต่อย่างไรก็ตาม ประตูมิติเย่อู่เหมินนั้นต่างออกไป ที่ประตูมิติเย่อู่เหมินแห่งนี้มีทางเลือกให้นักเดินทางเข้าถึงประตูมิติอยู่สองทาง

ในแถวฝั่งซ้ายมือที่เจ้าได้เห็นเป็นการเข้าถึงแบบที่เจ้าได้รู้ไปแล้ว นั้นคือการใช้หยกนิลสำหรับเป็นค่าผ่านทางซึ่งการเดินทางหนึ่งครั้งต้องใช้หยกนิลเป็นพลังงานให้แก่เหล่าผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ตรงนั้นจำนวน500หยกนิล

ส่วนในแถวทางด้านขวามือ ที่เห็นต่อแถวกันยาวๆนั้นเป็นการเข้าถึงสำหรับผู้คนที่เคยหยดเลือดลงในหยกจิตวิญญาณแล้ว

หยกจิตวิญญาณนั้นมีไว้เพื่อใช้แสดงตัวตนของเจ้าต่ออาณาจักรฟ้าสวรรค์ และแน่นอนว่าสำหรับแถวทางขวานี้มันไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นในการใช้ประตูมิติ

นี้เป็นแค่ความสะดวกสบายเล็กๆน้อยๆสำหรับพลเมืองในอาณาจักรฟ้าสวรรค์”

หนิงเทียนได้ยินเช่นนั้นภายในใจมันเริ่มประมวลข้อมูลต่างๆที่ได้รับมาอย่างถี่ถ้วน

“ถ้าเป็นเช่นนี้ก็แสดงว่าเจ้าสำนักร้อยพิษ ซีหมิ่นเป็นพลเมืองของอาณาจักรฟ้าสวรรค์สินะ ด้วยฐานะของจ้าวโอสถปฐพีก็คงไม่ใช่เรื่องเกินคาดอะไรไปนัก

เห้อ...เรื่องยุ่งยากคงจะเกิดเพราะมันอีกในไม่ช้าแน่นอน” มันระบายลมหายใจออกมาเสียงดัง

มู่เสวี่ยได้ยินดังนั้น นางรีบกล่าวถามขึ้นมา “อาจารย์ท่านถอนหายใจทำไมกัน?”

“ไม่มีอะไร พวกเราไปต่อแถวทางด้านซ้ายกันเถอะ เห็นทีว่าพวกเราคงเลี่ยงที่จะจ่ายหยกนิลนับ1000ไม่ได้แล้ว

แต่ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณพี่ชายไป๋ ที่ได้นำทางพวกเราไปหาเงินจำนวน2000หยกนิลเท่านั้นยังไม่พอแถมให้ข้อมูลต่างๆแก่พวกเราอีก” กล่าวจบหนิงเทียนหันไปแย้มยิ้มให้แก่ไป๋ซัวก่อนที่มันและมู่เสวี่ยจะเดินจากไป

ไป๋ซัวระบายลมหายใจออกทางปาก มันพึมพำกับตัวเองมันหยุด “โชคดี โชคดีแล้วจริงๆที่เจ้าเด็กนั้นไม่เอาเรื่องข้า”

…..

.....

เวลานี้หนิงเทียนรับรู้ถึงวิธีใช้ประตูมิติเย่อู่เหมินแล้ว มันจึงไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปในแถวทางซ้ายมือทันที

“เจ้าหนุ่มทั้งสอง บอกชื่อของเจ้ามา?” ทหารที่นั่งอยู่บนโต๊ะตะโกนถามออกตามหน้าที่

“ข้าหยางกวง และนี้สหายของข้า มู่...มู่เฉิน” มันเป็นความผิดพลาดของหนิงเทียนที่ไม่ได้คิดชื่อให้มู่เสวี่ยมาก่อน

มันไม่สามารถให้นางใช้ชื่อเดิมได้แน่ จะเป็นไปได้อย่างไรที่บุรุษนั้นจะมีนามอ้อนแอ้นเช่นสตรี และด้วยคำถามที่จวนตัว หนิงเทียนจึงคิดชื่อให้นางด้วยชื่อเดียวกันกับปู่ของนางเอง

“เอ๋.... มู่เฉินชื่อนี้”มู่เสวี่ยพึมพำตามชื่อที่หนิงเทียนตั้งให้ ภายในใจของมันแม้จะสงสัยเล็กน้อยแต่ความสงสัยนั้นก็ถูกกลบเกลื่อนด้วยคำตอบที่ดังออกมาภายในใจว่า "เรื่องบังเอิญ"

“1000หยกนิลคือค่าเดินทางไปอาณาจักรฟ้าสวรรค์สำหรับเจ้าสองคน” ทหารผู้นั้นกล่าวออกเสียงแข็ง

“พี่ทหารท่านเข้าใจผิดแล้ว พวกเราไม่ได้ต้องการเดินทางไปอาณาจักรฟ้าสวรรค์ ที่หมายของพวกเราคือหนึ่งในสามเมืองใหญ่อย่างเมืองจี้หลินต่างหาก” มู่เสวี่ยกล่าวขึ้นมาเมื่อนางได้ยินทหารนายนั้นกล่าวถึงปลายทางที่ผิดออกไป

“เจ้าว่าอะไรนะ!!” เสียงของทหารนายนั้นดังออกมาราวกับว่ามันไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินไป

คราวนี้เป็นหนิงเทียนที่กล่าวออก“พวกเราต้องการไปเมืองจี้หลิน มีเรื่องใดแปลกไปหรือพี่ชาย?”

“จะ...เจ้ารู้หรือไม่ว่า ประตูมิติเย่อู่เหมินแห่งนี้ไม่ว่าเจ้าจะใช้มันเคลื่อนย้ายไปใกล้หรือไกลเพียงใดเจ้าก็ต้องจ่ายมันในมูลค่าที่เท่าเทียมกัน”

หนิงเทียนพยักหน้าพร้อมกล่าวตอบ “ข้าพอจะเข้าใจมาบ้าง”

ทหารนายนั้นมองไปยังหนิงเทียนและมู่เสวี่ยด้วยแววตาที่สงสาร มันจึงรีบกล่าวขึ้นมา

“พวกเจ้าทั้งสอง การเดินทางจากที่นี้ไปเมืองจี้หลินโดยคาราวานนั้นใช้เวลาเพียง20วันเท่านั้น เจ้าไม่จำเป็นจะต้องเดินทางด้วยประตูมิติแต่อย่างใด มันจะเป็นการดีกว่าที่เจ้าเก็บ1000หยกนิลใส่กระเป๋าและเปลี่ยนไปใช้วิธีการเดินทางแบบอื่น”

มันยังคงกล่าวต่อด้วยความหวังดี “1000หยกนิลแม้จะมากก็จริงแต่ถ้าเทียบกับการต้องเสียเวลาเดินทางไปยังอาณาจักรฟ้าสวรรค์นับปีๆแล้วคนส่วนใหญ่จึงยินยอมที่จะจ่ายมันอย่างเสียไม่ได้แต่ว่าเจ้ารู้หรือไม่??

ตั้งแต่ข้าทำหน้าที่เฝ้าประตูมิติแห่งนี้มา ข้ายังไม่เคยพบเจอผู้ใดยอมจ่าย1000หยกนิลเพื่อเดินทางไปเมืองอื่นๆในดินแดนรอบนอกเลยแม้แต่คนเดียว

มันเป็นการใช้จ่ายที่สูญเปล่าเกินกว่าที่คนสติดีๆเขาจะทำกัน ข้าเห็นว่าพวกเจ้ายังเด็กนัก ฉะนั้นกลับไปเสียเถอะ”

มีหรือที่หนิงเทียนจะไม่เข้าใจคำพูดที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีของทหารเฝ้าประตูนายนี้ แต่ถึงอย่างไรสำหรับมันแล้ว มันมีเวลาเพียง9วันเท่านั้นก่อนที่งานประลองเลือกคู่ของมู่เสวี่ยจะเกิดขึ้น

หนิงเทียนนั้นต้องการกระชากหน้ากากของมู่ซวนเฟิงออกมาให้ผู้คนจำนวนมากได้เห็นและเวทีที่เหมาะสมที่สุดก็เห็นจะหนีไม่พ้นงานประลองที่มีชนชั้นสูงจำนวนมารวมตัวกัน

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงจำยอมต้องเสีย1000หยกนิลเพื่อลดระยะเวลาการเดินทางลง

“พี่ทหารข้าขอบคุณในความหวังดีของท่าน แต่ว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่พวกเราทั้งสองได้ตัดสินใจแล้ว เงินทองนั้นหาใหม่ได้แต่ถ้าข้าพลาดช่วงเวลาสำคัญไป ข้าอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้”

มู่เสวี่ยรีบกล่าวแทนหนิงเทียนขึ้นมาทันที ทุกถ้อยคำที่กล่าวออกไปนั้นหาได้มีคำโกหกเลยแม้แต่น้อย ถ้านางไม่สามารถหาฆาตรกรที่สังหารบิดาได้นางอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต

เมื่อทหารได้ยินเช่นนั้นมันพยักหน้าช้าๆและกล่าวออก“เอาเถอะ ข้าเองก็ลืมคิดไปว่าทุกคนมีความจำเป็น เป็นของตัวเองกันทั้งหมด ขอโทษด้วยที่ทำให้เจ้าทั้งสองเสียเวลา”

จากนั้นมันแปรเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแข็งกร้าวตามหน้าที่ทันที “เมื่อพวกเจ้าตัดสินใจแล้ว 1000หยกนิลสำหรับค่าเดินทางจากที่นี้ไปยังหมู่บ้านน้ำค้างขาวของเมืองเมืองจี้หลิน”

“หมู่บ้านน้ำค้างขาว?” หนิงเทียนกล่าวออกด้วยความสงสัยแม้มันจะมีความรู้มากมายจากการอ่านหนังสือในห้องสมุดของบิดาสี่แต่ถ้าเป็นเรื่องราวของสถานที่แล้ว มันไม่ต่างอะไรจากเด็กที่พึ่งออกมาดูโลกกว้าง

“เจ้าไม่ต้องตกใจ หมู่บ้านน้ำค้างขาวเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆที่ไร้ซึ่งผู้คน มันจึงถูกกำหนดให้เป็นปลายทางของการเคลื่อนย้ายมิติ

หมู่บ้านน้ำค้างขาวนั้นมีทางเดินสายเดียวที่ทอดยาวไปสู่เมืองใหญ่ เจ้าเพียงแค่เดินเท้าตามเส้นทางนั้นไปไม่เกินครึ่งชั่วยามเจ้าก็จะถึงที่หมายอย่างเมืองจี้หลิน”

โดยปกติแล้วเรื่องราวพวกนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว มันจึงไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องอธิบายออกไป แต่เมื่อทหารผู้นั้นเห็นท่าทีและความสงสัยในแววตาของหนิงเทียนและมู่เสวี่ยมันจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวอธิบายให้ฟังอย่างชัดแจ้ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด