ตอนที่แล้วบทที่ 99 ลวงหลอกซ้อนหลอกลวง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 101 ลวงหลอกซ้อนหลอกลวง 3

บทที่ 100 ลวงหลอกซ้อนหลอกลวง 2


กำลังโหลดไฟล์

ระหว่างทางเดินไป๋ซัวได้อธิบายถึงสถานที่แห่งนี้อย่างคราวๆ “ร้านนี้เป็นของสำนักตู่กัว การเดิมพันของที่นี้นั้นง่ายมากเพียงแค่เจ้าหยิบลูกหินสีดำและสีขาว ออกมาจากถุงผ้าเท่านั้น

ถ้าเจ้าหยิบได้สีขาว เจ้าก็ได้รับเงินเดิมพันทั้งหมดไป แต่ถ้ามันโชคร้ายเป็นสีดำพวกเราก็แค่เริ่มเล่นตาใหม่เท่านั้น”

กล่าวจบมันเดินนำกลุ่มของหนิงเทียนมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายชราคนหนึ่งที่มีใบหน้าคล้ายสุนัขจิ้งจอก มันเป็นใบหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง

เมื่อไป๋ซัวมาส่งกลุ่มของหนิงเทียนถึงที่แล้ว มันถอยหลังออกอย่างเงียบเฉียบและเดินไปนั่งบนโต๊ะที่ถูกจัดเตรียมไว้ด้วยสุราและอาหาร ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านของตัวมันเอง

หนิงเทียนกวาดสายตาไปรอบๆอยู่ครู่หนึ่งมันพบว่าผู้คนในที่แห่งนี้ต่างชนะเดิมพันและโห่ร้องด้วยความดีใจเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งจะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่แสดงสีหน้าเศร้าหมองออกมา

ภาพเช่นนี้มันชวนให้ตาสีตาสาที่ไม่รู้ความ ถูกหลอกโดยหน้าม้าพวกนี้ได้อย่างง่ายดายจริงๆ“โจรปล้นโจร ก็ไม่เลวเหมือนกัน” จากนั้นมุมปากของหนิงเทียนยกยิ้มขึ้นพร้อมเสียงที่เปล่งออกไป “เถ้าแก่ข้าต้องเริ่มอย่างไรบ้าง?”

“การกระทำสำคัญกว่าคำพูดเสมอ เจ้าลองเล่นด้วยตัวเองแล้วจะรู้ถึงกติกาของมัน ไม่ต้องห่วงในตาแรกข้าจะให้เจ้าลองเล่นโดยไม่มีการวางเดิมพัน” ชายชราที่หน้าตาเจ้าเล่ห์คนนี้มีนามว่า อานซือ

มันเป็นทั้งเจ้ามือและเถ้าแก่ของที่นี้ ทุกคนที่เคยหลงเข้ามาในตรอกแห่งนี้ไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของมันและด้วยเหตุนี้เองพวกหน้าเก่าๆจึงเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับอานซือโดยตรง

และถ้ามีผู้ใดกล้านั่งเล่นต่อหน้าของอานซือแล้วละก็มันผู้นั้นต้องเป็นพวกหน้าใหม่ที่พึ่งจะเคยย่างกายก้าวเข้ามาสู่ถนนสายนี้อย่างแน่นอน

“เวรกรรมของเจ้าเด็กนั้นแท้ๆ” นักเดิมพันที่กำลังเสี่ยงโชคอยู่ในโต๊ะอื่นๆต่างหันมามองและอุทานออกเป็นเสียงเดียว

อานซือยกยิ้มด้วยสีหน้าเอ็นดู ก่อนจะหยิบลูกหินสีขาวและสีดำขึ้นมาวางบนโต๊ะมันผายมือให้หนิงเทียนได้สำรวจทุกซอกทุกมุม

จากนั้นมันกล่าวขึ้นมา “สำหรับผู้ฝึกตนแล้วการที่จะใช้ลมปราณตรวจสอบและสัมผัสสิ่งที่อยู่ภายในนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าตักอาหารเข้าปาก

ด้วยเหตุนี้ กฎเหล็กของเกมส์นี้คือ ห้ามโคจรพลังลมปราณออกมาแม้แต่น้อย แต่สำหรับพ่อหนุ่มที่โชคร้ายแล้วกฎข้อนี้คงจะไม่สำคัญมากนัก เอาละพวกเรามาเริ่มกันเถอะ”

กล่าวจบอานซือเก็บลูกหินทั้งสองคืนมาจากมือของหนิงเทียนและใส่มันเข้าไปถุงผ้าสีดำทึบ จากนั้นมันใช้มือปิดถุงผ้าพร้อมกับเขย่ามันไปมา

กรุกๆๆๆ เกาะๆๆ เสียงของลูกหินทั้งสองกระทบกันไปมาเวลานี้บรรยากาศในตู่กัวแห่งนี้เงียบสงัดลงทันทีแม้แต่เสียหายใจสักเล็กน้อยก็ไม่ดังออกมาให้ได้ยิน

ราวกับว่าพวกมันทุกคนต่างพร้อมใจกันฟังเสียงของลูกหินที่กระทบกันไปมาในถุงผ้าสีดำทึบนั้น

นักพนันที่กำลังเดิมพันอยู่ในโต๊ะอื่นๆต่างหยุดการกระทำพร้อมกับเดินมามุงอยู่รอบๆโต๊ะของหนิงเทียน พวกมันต่างเอียงหูฟังอย่างชำนาญในวิชาโจร

สิ้นเสียงของลูกหินกระทบกันเป็นครั้งสุดท้าย อานซือหยุดมือของมัน พร้อมกับยื่นถุงสีดำออกให้แก่หนิงเทียน “หนุ่มน้อย สิ่งที่เจ้าต้องทำเพียงแค่ใช้โชคชะตาของเจ้าและหยิบลูกหินสีขาวออกมาเท่านั้น

เจ้าได้เห็นไปแล้วใช่หรือไม่ว่าภายในนี้มีลูกหินอยู่เพียงสองลูก ฉะนั้นโอกาสของเจ้ามีครึ่งต่อครึ่ง เป็นอย่างไร มันง่ายใช่หรือไม่”

หนิงเทียนได้ฟังเช่นนั้นมันทำความเข้าใจและวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ทันที แม้ว่าตัวมันจะมีสติปัญญาและไหวพริบ แต่มันก็เป็นนักรบไม่ใช่เป็นนักพนันแต่อย่างใด

ด้วยเหตุนี้เองไม่ว่ามันจะคิดไปมากเพียงใด มันก็ไม่สามารถหาคำตอบได้เลยว่า การเดิมพันที่ง่ายๆเช่นนี้ อานซือผู้นี้จะใช้วิธีใดโกงมัน

แน่นอนมันไม่คิดถึงเรื่องที่จะเล่นกันอย่างยุติธรรมอยู่แล้ว ถ้าเจ้ามือพนันมีความยุติธรรม เช่นนั้นก็ไม่แปลกที่พระอาทิตย์จะขึ้นในเวลากลางคืนได้

จากนั้นหนิงเทียนยื่นมือล้วงเข้าไปในถุงผ้าสีดำก่อนจะสุ่มหยิบลูกหินออกมาหนึ่งก้อน

“หยุด!! อย่าพึ่งเอามืออกมา”อานซือรีบกล่าวห้ามเมื่อเห็นว่าหนิงเทียนที่หยิบลูกหินได้แล้วกำลังชักมือออกจากถุงผ้า มันกล่าวต่อ “แม้ว่าตานี้สำหรับเจ้าจะเพียงแค่การทดลองเล่นมัน

แต่สำหรับคนอื่นๆแล้วทุกๆรอบมันคือการเดิมพัน เจ้าหนุ่มช่วยรอข้าครู่หนึ่ง”

เมื่ออานซือกล่าวกับหนิงเทียนจบ มันหันไปหานักพนันที่กำลังมุงดูอย่างตั้งใจพร้อมกล่าวออก “ใครที่ต้องการวางเดิมพันในรอบนี้ สามารถเริ่มเล่นได้ทันที

แน่นอนสำหรับตู่กัวของเราแล้ว พวกเราไม่เกี่ยงที่จะรับการเดิมพันที่มากมาย ขอแค่เจ้ามีเงินจ่ายพวกเราพร้อมจะรับทุกเงื่อนไข”

“อืม ตานี้ข้าว่าฝ่ายเจ้ามือชนะแน่ เจ้าเด็กนั้นพึ่งเล่นครั้งแรกการหยิบของมันนั้นล้วนพึ่งแต่ดวงเท่านั้น ข้าขอแทงเจ้ามือ 5หยกนิล” นักพนันคนแรกเริ่มที่จะวางเดิมพัน

“เขาว่ากันว่า คนที่เล่นไม่เป็นมักจะมีดวงที่ดี ข้าว่าครั้งนี้เจ้าหนุ่มนั้นชนะ ถ้าใครอยากรวยให้แทงตามข้าได้เลย 10หยกนิล ผู้เล่นเป็นฝ่ายชนะ”ชายคนที่สองควักหยกนิลมาวางลงไปทันที

เมื่อมีผู้นำก็ย่อมมีผู้ตามเสมอ เมื่อคนอื่นๆเห็นทั้งสองคนนั้นวางเดิมพันอย่างมั่นใจพวกมันจึงเริ่มที่จะแตกออกเป็นสองกลุ่ม และวางเดิมพันข้างเจ้ามือและผู้เล่นคละๆกันไป

เนื่องจากภายในประตูเย่อู่เหมินนั้นไม่ใช่สถานที่ที่คนทั่วไปจะก้าวถึงได้ มันมีแต่พวกคนชั้นสูงหรือแม้กระทั่งผู้คนในอาณาจักรฟ้าสวรรค์ การเดิมพันของพวกมันรวมกันในแต่ละรอบจึงมีมูลค่าที่เกือบๆจะแตะ100หยกนิล

“หมดเวลา ไม่อนุญาตให้ใครวางเดิมพันได้อีก”อานซือประกาศออกหลังจากมันจดรายชื่อและจำนวนเดิมพันของแต่ละคนเสร็จหมดแล้ว

จากนั้นมันหันไปกล่าวกับหนิงเทียน “เจ้าหนุ่มเปิดมือของเจ้าออกให้ทุกคนได้เห็นลูกหินเร็วเข้า”

สิ้นเสียงของอานซือหนิงเทียน ดึงมือออกจากถุงผ้า เผยให้เห็นลูกหินสีขาวแก่สายตาทุกคน

ไป๋ซัวที่กำลังดื่มกินอาหารอยู่นั้นได้เปล่งเสียงออกมา “ข้าบอกแล้วไงพี่ชายวันที่ท่านมากับดวงจริงๆ”

แม้มันจะดูท่าทางแล้วเหมือนจะสนใจอาหารบนโต๊ะมากกว่าแต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาปลุกใจเหยื่อของมันให้ฮึกเหิม

อานซือนำเงินที่เดิมพันฝ่ายเจ้ามือแจกฝ่ายให้แก่ผู้ชนะที่ได้วางเดิมพันข้างผู้เล่น เมื่อแจกจ่ายครบทุกคนแล้วอานซือกวาดหยกนิลส่วนต่างราวๆ10หยกนิลลงไหด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

เป้าหมายของหนิงเทียนนั้นก็คือหยกนิลจำนวน1000หยกนิลเพื่อใช้ในกรณีเลวร้ายที่สุดที่ต้องจ่ายค่าผ่านประตูมิติ แน่นอนมันไม่มีทางควักเงินของตัวเองออกใช้จ่ายเช่นคนโง่แน่นนอน

ฉะนั้นถ้ามันจะต้องจ่ายจริงๆละก็เงินของคนพวกนี้แหละเหมาะสมที่สุดแล้วที่จะเป็นค่าผ่านประตูมิติให้แก่มันและมู่เสวี่ย

หนิงเทียนคิดทบทวนแผนในใจอีกครั้งก่อนจะมองกวาดสำรวจไปรอบๆมันวิเคราะห์ออกทันทีว่านักพนันพวกนี้มีอยู่แค่สามประเภท

พวกที่พึ่งดวงแต่ใจไม่กล้า พวกที่ใจกล้าแต่ไม่มีดวง และสุดท้ายพวกที่ไม่มีทั้งดวงและใจยังไม่กล้าอีกด้วย และสุดท้ายคนสามประเภทนี้จะถูกกลืนกินโดย กลุ่มคนที่ไม่อาศัยดวงแต่ใช้วิธีโกง

“เถ้าแก่ ดูเหมือนว่าเกมส์นี้จะง่ายจริงๆ เช่นนั้นตาหน้าข้าจะเริ่มวางเดิมพันเลยแล้วกัน”หนิงเทียนไม่รอช้าที่จะเริ่มเล่นมันทันที

“หืมม์ เจ้านั้นกำลังดวงดี ข้าจะต้องแย่แน่ๆเลย” อานซือกล่าวด้วยรอยยิ้มน้ำเสียงของมันแสดงออกถึงความพอใจเป็นอย่างมาก กล่าวจบอานซือไม่รอช้ามันหยิบก้อนหินสีดำและขาวลงไปในถุงผ้าและโบกสะมัดมันอีกครั้งหนึ่ง

ในตาแรกนั้นหนิงเทียนเริ่มวางเดิมพันด้วยหยกนิล10ก้อน และก็เป็นไปตามที่มันคาดคิด ก้อนหินสีขาวถูกหยิบออกมาด้วยมือของมัน

ในตาที่สองก็เช่นกันหนิงเทียนยังคงชนะเดิมพันติดต่อกันถึงสามครั้งเวลานี้หนิงเทียนได้กำไรรวมๆเกือบ50หยกนิลแล้ว

แต่ในครั้งที่สี่เป็นต้นไป ความผิดปกติก็ได้เกิดขึ้นกับตัวหนิงเทียนเอง ไม่ว่าจะหยิบกี่ครั้ง สิ่งที่มันได้ก็หนีไม่พ้นก้อนหินสีดำ จนทำให้เวลานี้ 50หยกนิลที่ได้เป็นกำไรมาต้องเสียคืนไปจนหมด

ไม่เพียงเท่านั้นมันยังต้องควักกระเป๋าจ่ายไปร่วม100หยกนิลอีกด้วย

“เป็นอย่างที่คิด พวกมันไม่มีทางเล่นอย่างยุติธรรม แต่ว่าวิธีใดกันแน่ที่พวกมันใช้” ภายในใจของหนิงเทียนยังคงประมวลความคิดอย่างไม่หยุด

มู่เสวี่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังตลอดเวลาอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกด้วยความเป็นห่วง “อาจารย์เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลังอย่างแน่นอนเป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านจะหยิบลูกหินสีดำขึ้นมาติดกันได้ถึง10ตา”

ในความคิดของมู่เสวี่ยนั้นการที่คนธรรมดาเช่นพวกมันจะเอาชนะเซียนพนันพวกนี้ได้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แม้อาจารย์ของนางจะมีทั้งความรู้ความสามารถพร้อมทุกอย่าง

แต่ถึงอย่างไรในเรื่องนี้ก็คงเกินความสามารถของท่านไปจริงๆ พวกเซียนพนันนั้นแตกต่างจากนักพนันเป็นอย่างมาก พวกมันเรียนรู้วิธี ลับ หลอกและลวง สามศาสตร์นี้ได้อย่างสมบูรณ์

ทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือการตัดใจยอมทิ้งหยกนิลที่เสียไปและเดินจากที่นี้ให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้ต้องสูญเสียเงินไปมากกว่านี้

หนิงเทียนนั้นหาได้สนใจคำพูดมู่เสวี่ยไม่ มันนั้นจะยอมแพ้คนพวกนี้ได้อย่างไร แม้ทุกวันนี้มันจะทำตัวสบายๆไปวันๆ แต่ลึกๆในใจของมันจริงๆแล้ว มันนั้นเป็นบุคคลที่หยิ่งในศักดิ์ศรีคนหนึ่งเหมือนกัน

การที่จะให้เดินกลับและยอมรับความพ่ายแพ้จากเรื่องที่มันเป็นคนวิ่งเข้าหาเองเห็นทีจะไม่สามารถทำได้

จากนั้นหนิงเทียนสะบัดมือนำหยกนิลขึ้นมาอีก เวลานี้มันเปลี่ยนวิธีการวางเงิน เป็นเพิ่มเดิมพันรอบละ 100หยกนิลแล้ว

เห็นเช่นนั้นอานซือยกยิ้มอย่างมีความสุข มันยังคงเขย่าถุงดำอย่างต่อเนืองและครั้งที่สิบเอ็ดและสิบสองก็ยังคงเป็นเหมือนเช่นเดิม หนิงเทียนไม่สามารถหยิบลูกหินสีขาวออกมาได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

เวลานี้หยกนิลภายในตัวของมันเริ่มร่อยหรอจนเกือบจะหมดแล้ว

“ข้าไม่เชื่อว่า ข้าจะหยิบลูกหินสีดำได้ตลอดไป”น้ำเสียงของหนิงเทียนที่กล่าวออกมานั้นเต็มไปด้วยโทสะ

เวลานี้มันสะบัดมือนำหยกนิล100ก้อนสุดท้ายของตัวมันออกมาวางไว้เบื้องหน้าอานซือ ดวงตาขอหนิงเทียนเวลานี้แดงก่ำไปด้วยโทสะที่คละคลุ้ง

ไป๋ซัวที่กำลังยกจอกสุราขึ้นดื่มมองไปยังหนิงเทียนด้วยสายตาตกตะลึงอยู่ไม่น้อยเดิมทีมันคิดคนพวกนี้เป็นปลาตัวเล็กๆที่ตกขึ้นมาเพื่อรองท้องในยามว่างเท่านั้น

แต่ใครจะไปคิดว่าหนิงเทียนจะกลายร่างเป็นปลาตัวอ้วนที่มอบหยกนิลให้แก่พวกมันถึง400หยกนิล

“ส่วนแบ่งของข้าคือ2ใน10 ทั้งหมดก็80หยกนิลมันเทียบเท่ากับที่การที่ข้าต้องเปลืองน้ำลายตกเหยื่อถึงหนึ่งเดือนเต็มๆเลยนะ” ยิ่งคิดออกเช่นนั้นหัวใจของไป๋ซัวยิ่งผองโตจนแทบจะระเบิดออกมาสู่ภายนอก

ขณะเดียวกันหนิงเทียนล้วงมือเข้าไปในถุงผ้าอีกครั้ง ภายในใจของมันครุ่นคิดถึงวิธีการโกงของอานซืออยู่ตลอดเวลา แต่ไหนเลยที่มือสมัครเล่นจะไปสู้กับมืออาชีพได้

สุดท้ายแล้วหนิงเทียนก็ไม่สามารถที่จะหยิบก้อนหินสีขาวขึ้นมาได้ เวลานี้ถ้าจะบอกว่ามันถูกปอกลอกจนหมดตัวก็ไม่ผิดไปนัก

"ฮ่าฮาๆๆ ดูเหมือนว่าวันนี้ฟ้าจะเปิดทางให้แก่ข้า" เสียงหัวเราะของอานซือดังออกอย่างไม่หยุด มันกล่าวต่อไป “เอายังไงดีละเจ้าหนุ่ม เจ้าต้องการเล่นมันอีกหรือไม่”

กล่าวจบมันมองไปยังดวงตาที่เลื่อนลอยของหนิงเทียนด้วยความสมเพช

เสียงหัวเราะอันน่าเกียจของอานซือจะปลุกหนิงเทียนให้ตื่นจากภวังค์ ไม่รู้ว่าด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคอหรืออย่างไร ถึงทำให้หนิงเทียนที่รู้อยู่เต็มอกว่าพวกมันกำลังโกงถึงก้าวถลำมาลึกถึงเพียงนี้ได้

“พ่ายแพ้ ข้านี้นะพ่ายแพ้” มันพึมพำกับตัวเองคล้ายคนขาดสติ สองขาที่แข็งแรงดุจเพชรกลับอ่อนแรงและเซถลาไปด้านหลังจนเกือบล้ม

ถ้าไม่ได้มู่เสวี่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังคอยประครองไว้ เกรงว่าภาพที่มันล้มลงกับพื้นจะต้องปรากฏขึ้นอย่างน่าอดสู่เป็นแน่

ทันทีที่มู่เสวี่ยใช้สองมือประครองร่างของหนิงเทียนไม่ให้ล้มนั้น ขวดหยกสีเขียวอ่อนกระเด็นออกมาจากคอเสื้อของหนิงเทียน มันเผยให้เห็นโอสถลับกลั่นกระดูกที่กลิ้งออกมาจากขวดหยกนั้น

เมื่ออานซือมองไปตามเสียงกลิ้งของเม็ดโอสถ เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นดวงตาของมันเปิดกว้างทันที “นะ...นั้นโอสถลับ โอสถลับใช่หรือไม่”

หนิงเทียนเห็นเช่นนั้น มันรีบสะบัดกายออกจากมู่เสวี่ยโดยเร็ว พร้อมก้มเก็บขวดหยกเข้าไปในอกเสื้อทันที การกระทำของมันเร็วพอที่จะไม่ให้สายตาของคนอื่นๆได้เห็นโอสถลับที่ตกลงอย่างไม่ตั้งใจ

โอสถลับกลั่นกระดูกทะลวงชีพจรหนึ่งเม็ดนั้นมีมูลค่าถึง50หยกนิลและด้วยปริมาณถึงสี่เม็ดก็เพียงพอแล้วที่จะให้คนบังเกิดความโลภและสร้างปัญหาให้แก่มัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นหนิงเทียนรีบหันหลังกลับพร้อมเดินจากไปทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด