ตอนที่แล้วบทที่ 95 อย่ามายุ่งกับข้าอีก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 97 ปลอมตัว..

บทที่ 96 เกียรติของลูกผู้ชาย


กำลังโหลดไฟล์

แม้ร่างของมู่เสวี่ยและหนิงเทียนจะหายลับไปจากสายตาของผู้คนแล้ว แต่สุ้มเสียงของมันยังดังทิ้งท้ายออกมา “จิวอิง เจ้าจะยืนนิ่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบตามข้ากลับไปอีก”

จิวอิงสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น มันเหลือบตาไปมองยังมู่หลานเจี่ยผู้เป็นนายเก่าของมันเล็กน้อย เมื่อเห็นสายตาที่กราดเกรี้ยวจ้องมองมาที่มัน มันได้แต่ก้มหน้าและวิ่งตามเสียงของหนิงเทียนไปโดยเร็ว

ระหว่างทางจิวอิงรีบส่งแหวนมิติที่เก็บหยกนิลและสัญญาเดิมพันทั้งหมดให้แก่หนิงเทียนโดยเร็ว

หนิงเทียนหาได้สนใจแหวนมิติแม้แต่น้อย มันเพียงแต่รับมาและหยิบยื่นให้แก่มู่เสวี่ยต่อ ไม่รอให้มู่เสวี่ยกล่าวคำใดออก มันเดินนำหน้าทั้งสอง ตรงกลับตำหนักหงส์ร่วงทันที

ภายในตำหนักหงส์ร่วง ภาพที่หนิงเทียนนั่งอย่างสบายอุราขณะที่สองมือยกไห เหมาไถขึ้นดื่ม นั้นสร้างความตกตะลึงให้แก่จิวอิงเป็นอย่างมาก ‘เขา...เขาเป็นข้ารับใช้จริงๆหรือ?’

จากนั้นมันสลับสายตาไปมองมู่เสวี่ย แต่สิ่งที่เห็นคือคุณหนูใหญ่ผู้นี่กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าหนิงเทียนเล็กน้อยและจับจ้องไปยังหนิงเทียนที่กำลังร่ำสุราโดยไม่ได้กล่าวคำใดออกมา

เหมือนกับว่าก่อนที่นางจะกล่าวคำใดออกไปได้ ต้องรอคอยให้หนิงเทียนร่ำสุราให้สาแก่ใจเสียก่อน

‘พวกเขาทั้งสองกำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่หรือไม่? หรือว่าพวกเขากำลังเล่นสนุก สลับสถานะของพวกเขาทั้งคู่กันอยู่’ นี้เป็นสิ่งเดียวที่จิวอิงคิดได้เมื่อเห็นภาพเช่นนี้

“อาจารย์ ท่านรู้หรือไม่ เหมาไถ นั้นแม้จะมีพิษอ่อน แต่ถ้าท่านดื่มมันมากเกินไป ต่อให้พลังบ่มเพาะท่านสูงส่งเพียงไหนและร่างกายท่านจะแข็งแกร่งเพียงใด

ท่านก็ไม่สามารถหนีพ้นพิษของมันได้” มู่เสวี่ยรีบกล่าวเตือน เมื่อนางเห็นว่าหนิงเทียนกำลังจะเปิดจุกของเหมาไถ่ออกเป็นไหที่สอง

ได้ยินคำเรียกของมู่เสวี่ย หัวใจของจิวอิงได้แต่วูบลงไปอยู่ที่ข้อเท้า ‘เอ๋... อะ..อาจารย์ คนๆนี้เป็นอาจารย์คุณหนูใหญ่!!!

ใช่แล้วต้องมิผิดแน่ แค่เพียงคำพูดของเขากลับมีพลังฉุดข้าขึ้นมาจากความตายได้ ท่านผู้นี้จะต้องเป็นยอดคนแฝงตัวมาแน่ๆ’

แม้ภายในใจมันจะคิดเช่นนี้แต่มันก็ไม่ได้กล่าวคำใดออกมาแม้แต่น้อย เวลานี้มันเข้าใจแล้วว่าทุกสิ่งที่ดูเหมือนเรื่องบังเอิญแท้จริงแล้วหาใช่ความบังเอิญแม้แต่น้อย

หนิงเทียนหาได้สนใจคำพูดนั้นไม่ มันมองไปที่มู่เสวี่ยเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าจากนั้น มันตอบกลับด้วยเสียงราบเรียบ “เจ้าควรรู้ไว้ว่า เกีรยติของลูกผู้ชายมีสองอย่าง หนึ่งตายในสนามรบ สองตายเพราะพิษสุรา”

ได้ยินคำกล่าวที่มั่วซั่วเช่นนั้นของหนิงเทียน มู่เสวี่ยได้แต่กรอกตาไปมา ‘ด้วยคำพูดแรกนั้นถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ประโยคสุดท้ายคืออะไร??

ตายเพราะพิษสุรานี้นับว่าเป็นเกียรติของลูกผู้ชาย’ ก่อนที่นางจะกล่าวอันใดออกไป ตัวของนางต้องสะดุ้งตกใจเพราะเสียง ตบโต๊ะดังออกมา

ปัง!!!!! หนิงเทียนฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง “ข้าคิดออกแล้ว!!!”

จู่ๆหนิงเทียนก็ตะโกนออกมาเสียงดัง ชวนให้มู่เสวี่ยและจิวอิงบังเกิดอาการตกใจเป็นอย่างยิ่ง

แม้อยู่ต่อหน้าวานรอัคคีหนิงเทียนก็ยังไม่เคยแสดงอาการเช่นนี้ออกมาเลย เรื่องใดกันที่ทำให้ ใบหน้าอันเย็นชาไร้อารมณ์ของคนผู้นี้แปรเปลี่ยนได้

แต่เมื่อนางลองคิดจากสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้วเห็นจะมีสิ่งเดียวที่หนิงเทียนจะกล่าวออกมาได้

มู่เสวี่ยจึงกล่าวถามด้วยความฉลาดหลักแหลมอย่างรู้ทัน “อาจารย์ท่านคิดออกแล้ว? วันนี้พวกเราสร้างเรื่องเคืองใจแก่ท่านลุงรวมไปถึงเหล่าผู้อาวุโสหลักอีก

นี้ยังไม่นับรวมคนนอกอย่างจี้หลินตงและพวกนิกายท่องนภา พวกเราจะทำอย่างไรกันต่อ” กล่าวจบทั้งนางและจิวอิงต่างรอฟังคำพูดของหนิงเทียนอย่างตั้งใจ

ได้ยินคำกล่าวถามของมู่เสวี่ย หนิงเทียนได้แต่หรี่ตาลงแคบพร้อมกล่าวขึ้น “เจ้าพูดอะไรออกมา ข้าหาได้สนใจเรื่องนั้นแม้แต่น้อย

เรื่องสำคัญที่ข้าคิดออกก็คือ ข้าจะเปิดเหลาสุราขึ้นภายในเมืองฉางผิงแห่งนี้ แน่นอนเหลาสุราของข้าต้องรวบรวมสุราชั้นเลิศจากทั่วทั้งสี่ทวีป”

“แค่กๆๆๆ” เมื่อรับรู้ถึงความคิดของหนิงเทียน ชาที่กำลังเข้าปากมู่เสวี่ยอยู่ถึงกับกระเด็นออกมาอย่างน่าอับอาย

“อาจารย์ท่านกำลังคิดไปถึงสิ่งใดอยู่กันแน่!!??” นางรีบกล่าวออกโดยเร็ว

“คิดสิ่งใด? ข้ากำลังคิดว่าโลกนี้ยังมีสุราใดที่ข้ายังไม่ได้ลิ้มรสมันอีก”หนิงเทียนกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่เมื่อมันมองไปยังดวงตาที่กรอกขึ้นบนของมู่เสวี่ยมันจึงกล่าวต่ออีกว่า

“เจ้านั้นจริงจังกับเรื่องราวในวันนี้มากไปแล้ว ป้ายเทพท่องนภาในมือเจ้าก็เพียงพอแล้วที่จะใช้แลกตัวประกันออกมา”

“ตัวประกัน!!! อาจารย์ท่านรู้!!” มู่เสวี่ยรีบกล่าวออกอย่างตกใจ

“เห้อ ถ้าข้าไม่รู้ ข้าจะยอมเสียแรงไปวิ่งหนีลิงนั้นเพื่อให้ได้ป้ายเทพท่องนภามาทำไมกัน เจ้าไม่รู้หรอกว่าสำหรับคนพิการอย่างข้าแล้ว ไฟของไอ้ลิงบ้านั้นร้อนแรงเพียงใด”

ด้วยคำกล่าวของหนิงเทียนดูเหมือนว่าการประลองอสูรจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่กับจิวอิงที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว คนๆนี้สามารถหลบหนีจากวานรอัคคีและก้าวออกจากสนามประลองอสูรโดยที่เหงื่อสักเม็ดยังไม่ตกถึงพื้นเลยไม่ใช่หรือ?

เมื่อเห็นท่าท่างของจิวอิงที่กำลังครุ่นคิดอยู่ภายในใจหนิงเทียนปลายตามองไปที่มันอีกครั้งก่อนจะกล่าวออกมา

“ข้าไม่ชอบบังคับใคร เจ้าก็เห็นแล้วว่าตำหนักหงส์ร่วงแห่งนี้มีเพียงแค่เราสามคนเท่านั้นและที่สำคัญมันยังเป็นชิ้นเนื้อที่เหล่าหมาป่าด้านนอกกำลังจ้องมองตาเป็นมันอีกด้วย

ถ้าเจ้าต้องการจะไปข้าก็ไม่ห้าม แต่ถ้าเจ้าต้องการอยู่ สิ่งเดียวที่ข้าต้องการคือความสัตย์ซื่อและภักดีต่อคุณหนูใหญ่เท่านั้น” เวลานี้น้ำเสียงของหนิงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาในทันที

ได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น จิวอิงทุบไปที่หน้าอกของตัวมันเอง โดยที่มือขวาของมันกำแน่นอยู่ระดับของหน้าอกซ้าย พร้อมกับคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น

“ข้า จิวอิงเดิมทีเป็นเพียง ขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น ถ้าไม่ได้ความเมตตาจากท่านและคุณหนูใหญ่คงจะสิ้นชีพไปในสนามประลองอสูร กลายเป็นเศษเนื้อที่ไร้ซึ่งคุณค่าใดๆ

พระคุณของท่านทั้งสองข้าขอทดแทนมันด้วยเลือด นับจากนี้ชีวิตของข้า จะขอใช้มันเพื่อนายท่านและคุณหนูใหญ่”

หนิงเทียนพยักหน้าอย่างเชื่องช้าก่อนจะกล่าวออกมา “ดีมาก หน้าที่แรกของเจ้าคือการปกป้องประตูหน้าตำหนักหงส์ร่วงแห่งนี้

ข้าและคุณหนูใหญ่จะออกไปเที่ยวข้างนอกเสียหน่อย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็อย่าให้มันได้ย่างเท้าเข้ามาเหยียบที่นี้เด็ดขาด”...

“เอ๋...ออกไปข้างนอก????” มู่เสวี่ยกล่าวย้ำด้วยความสงสัย ถ้านางนั้นออกไปภายนอกได้ง่ายๆอย่างที่หนิงเทียนกล่าวมา นางนั้นจะต้องทนอยู่ในที่แห่งนี้ถึง2ปีได้อย่างไร

“มู่เสวี่ย ข้าจะบอกเจ้าตรงๆ การที่จะช่วยเจ้าหนีไป ไม่ให้ต้องเข้าร่วมงานประลองเลือกคู่นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่นั้นหมายความว่าเจ้าจะต้องทอดทิ้งตระกูลมู่ของเจ้าให้พบกันความกราดเกรี้ยวอย่างมหาศาล”

เดิมทีภายในใจของมู่เสวี่ยนั้นรู้สึกว่า ด้วยป้ายเทพท่องนภาในมือของนางก็เพียงพอแล้วที่จะใช้ต่อรองให้ลุงของนางปล่อยตัวเฉิงฮ่าวออกมาได้และยังใช้เป็นเงือนไขในการแลกเปลี่ยนเรื่องงานประลองเลือกคู่ได้อีก

แต่สิ่งที่ได้ยินจากหนิงเทียนนั้นเห็นได้ชัดว่าเรื่องไม่ได้เป็นไปตามที่นางคาดเดาไว้ นางจึงกล่าวถามอย่างสงสัย“ท่านอาจารย์หมายความว่า”

“เจ้าคิดว่า มู่ซวนเฟิงจะกลัวตายเพราะป้ายเทพท่องนภาในมือเจ้า ถูกต้องนั้นเป็นความจริง แต่ด้วยการที่มันป่าวประกาศงานประลองเลือกคู่ของเจ้าออกไปอย่างใหญ่โต ถึงขนาดประกาศมันล่วงหน้าสามเดือน

เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติอย่างนั้นหรือ ข้าตอบได้เลยว่า เปล่า ที่มันต้องทำเช่นนั้นเพราะมันกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา

คนเจ้าเล่ห์เช่นมันไหนเลยจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ตัวประกัน มันนั้นมีแผนสำรองไว้แล้ว ถ้าเจ้าคิดขัดขืนไม่เข้าร่วมงานประลองเลือกคู่

เจ้าคิดว่าฝูงชนนับพันๆคน อีกทั้งยังเป็นกลุ่มคนชั้นสูงจากทั่วทุกสารทิศ แม้แต่ผู้คนในอาณาจักรฟ้าสวรรค์ยังคงสนใจเรื่องนี้ จะทำอย่างไรเมื่อพวกมันเดินทางมาตั้งไกล แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีงานเลือกคู่เกิดขึ้น

ไม่ใช่ว่าตระกูลมู่ของเจ้ากำลังเล่นตลกกับผู้คนทั้งหมดอย่างนั้นหรือ และถึงเวลานั้นตระกูลมู่แห่งนี้คงได้อยู่ใต้เท้าของเหล่าฝูงชนที่กราดเกรี้ยวแน่นอน

เจ้าที่เป็นสายเลือดเพียงคนเดียวและเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงจะทนให้ตระกูลที่บรรพบุรุษของเจ้าสร้างขึ้นมาต้องล่มสลายเพราะความเห็นแก่ตัวไม่อยากแต่งงานของเจ้าได้หรือไม่ ...

นั้นแหละเป็นสิ่งที่มู่ซวนเฟิงคิดไว้แล้ว เจ้าก็เป็นเพียงลูกไก่ที่วิ่งอยู่บนกำมือมันเท่านั้น”

เมื่อมู่เสวี่ยได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีเลือด กลับเศร้าหมองลงทันที สองมือของนางจิกแน่นเข้าด้วยกัน

ด้วยคำกล่าวเช่นนี้ นางจะหนีพ้นโชคชะตาที่โหดร้ายไปได้จริงๆหรือ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่สามารถเห็นแก่ตัวหนีไปได้แน่นอน

หนิงเทียนเห็นอาการของมู่เสวี่ยเปลี่ยนไป มันจึงกล่าวออกมา “อย่าได้กังวล เรื่องแต่งงานของเจ้านะแก้ง่ายนิดเดียว เพียงแค่ว่าตอนนี้พวกเรามีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ”

“อาจารย์มู่เสวี่ยนั้นโง่เขลา ขอให้อาจารย์ช่วยอธิบายให้ข้าได้ฟังด้วย” นางรีบเงยหน้าขึ้นไปจับจ้องหนิงเทียนโดยเร็ว

“การประลองเลือกคู่ของเจ้าแน่นอนว่ามันอย่างไรมันก็ต้องเกิดขึ้น แต่ถ้าเจ้าเอาชนะทุกคนได้หมด นั้นก็เท่ากับว่าไม่มีผู้ใดเหมาะสมที่จะแต่งงานกับเจ้าถูกต้องหรือไม่” หนิงเทียนกล่าวออกราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ

“ข้า...ข้าเนี้ยนะจะเอาชนะทุกคนได้ ท่านอาจารย์อย่าได้ล้อข้าเล่น” คำกล่าวของมู่เสวี่ยหาใช่คำพูดที่ขาดเขลาไม่ แต่ทุกคำที่นางกล่าวออกมานั้นรวดเป็นความจริง

ต่อให้มีร้อยมู่เสวี่ยพลังของนางก็ไม่เพียงพอที่จะเอาชนะคนที่มาเข้าร่วมงานประลองแน่นอน และต่อให้มีพันมู่เสวี่ยนางก็ไม่สามารถแม้แต่จะแตะต้องปลายเล็บของซูเหวินจากนิกายท่องนภาได้แน่นอน

“ข้าบอกไปแล้วไง เรื่องนี้มันง่ายสำหรับเจ้า เพราะเจ้าแค่ทำเหมาไถให้ข้าอีกสัก100ไหและภวนาให้ข้าชนะทุกคนได้เท่านั้น”

จิวอิงที่ยืนฟังเรื่องราวทั้งหมด มันอุทานออกอย่างตกใจ “เป็นแผนการที่วิเศษจริงๆ ถ้านายท่าน เอาชนะทุกคนได้จนหมด ทีนี้คุณหนูใหญ่จะได้ไม่ต้องลำบากใจแต่งงานกับคนอื่นใช่หรือไม่ นายท่านจะต้องเป็นสามีที่ดีได้แน่”

ด้วยคำกล่าวของจิวอิงนั้น ช่วยไม่ได้ที่มู่เสวี่ยจะหน้าแดงด้วยความเขินอาย นางรีบกล่าวออกอย่างไม่เต็มเสียงนัก “บ้า...จิวอิงเจ้ากำลังกล่าวอะไรออกมา”

หนิงเทียนถอนหายใจออก ถ้าคนพวกนี้ฉลาดได้สักครึ่งของจินเหล่าต้า ข้าจะไม่เสียเวลาอธิบายแผนการให้ยืดยาวเช่นนี้แน่นอน

“ข้าหมายความว่าเมื่อข้าชนะทุกคนได้แล้ว ข้าจะยอมแพ้ในรอบสุดท้ายเมื่อประลองกับเจ้า เท่านี้เจ้าก็จะเป็นผู้ชนะและไม่ต้องแต่งงานกับผู้ใดอีก

แต่นั้นก็หมายความว่าข้าต้องเอาชนะทุกคนอย่างปลอดภัยนะ แน่นอนถ้าข้าเห็นว่าศัตรูแข็งแกร่งเกินไป ข้าจะไม่เสี่ยงให้ตัวเองเลือดออกเด็ดขาด”

มู่เสวี่ยรีบพยักหน้าโดยเร็ว ด้วยแผนการของหนิงเทียน มู่เสวี่ยอาจจะมีคำกล่าวใดค้านออกมาได้ แต่ด้วยคำพูดประโยคสุดท้ายของหนิงเทียนว่า 'ข้าจะไม่เสี่ยงให้เลือดตัวเองออกนั้น'

สร้างความสบายใจให้แก่มู่เสวี่ยเป็นอย่างมาก แม้นางจะไม่อยากแต่งงานแต่ถ้าจะต้องให้ใครมาสละเลือดเพื่อนาง นางก็ไม่ยินยอมเช่นกัน

คิดได้เช่นนี้มู่เสวี่ยจึงกล่าวถามออกไปอีก “อาจารย์แล้วเรื่องสำคัญกว่าที่ท่านว่าคืออะไร”

“พวกเราจะไปเยือนนิกายเคลื่อนเมฆา ข้าต้องการรู้ความจริงถึงการตายของบิดาเจ้า” หนิงเทียนกล่าวออกพร้อมกับเปิดจุกเหมาไถ่ไหใหม่ออก

เมื่อได้ยินคำกล่าวถึงบิดา ใบหน้าของมู่เสวี่ยจริงจังขึ้นมาทันที “อาจารย์ท่านบอกว่าการเสียชีวิตของบิดาข้ามันเกี่ยวกับนิกายเคลื่อนเมฆา”

หนิงเทียนส่ายหน้าและกล่าวขึ้น “ข้าเพียงแต่สงสัย แต่พวกเราจะได้รู้ความจริงเมื่อไปถึงที่นั้น”

สีหน้าของมู่เสวี่ยนั้นเต็มไปด้วยความยินดี นางต้องการรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังการเสียชีวิตของบิดาตัวเองมาตลอด มู่เสวี่ยก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมา“อาจารย์ ข้าขอบคุณท่านมาก”

“ข้าได้บอกไปแล้วว่าเจ้าไม่ต้องมาขอบคุณข้า ถ้าอยากจะขอบคุณให้เจ้าไปจุดธูปไหว้บรรพบุรุษบนสวรรค์โน้น”

คำกล่าวนี้ของหนิงเทียนไม่ได้มีอะไรผิดเพี้ยนไปแม้แต่น้อย การที่มันต้องการไปนิกายเคลื่อนเมฆาไม่ใช่เพราะมันสนใจจะช่วยมู่เสวี่ยตามหาคนร้ายแต่อย่างใด

แต่เพราะว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากว่า บุตรชายคนเดียวของสหายมัน ถูกสังหาร ถ้ามันไม่หาคำตอบว่าผู้ใดกันแน่เป็นคนลงมือเกรงว่า พ่อบ้านของมันที่แดนภูตเร้นลับจะนอนตายตาไม่หลับเป็นแน่

แม้จะได้ยินหนิงเทียนจะกล่าวเช่นนั้น แต่ภายในใจของมู่เสวี่ยนั้นรู้สึกตื้นตันเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อนางครุ่นคิดถึงวิธีออกไปแล้วนางจึงต้องกล่าวถามหนิงเทียนเหมือนเช่นคนโง่อีกครั้ง

“อาจารย์จิวอิงคนเดียวจะสามารถกันคนอื่นๆไม่ให้เข้ามายังตำหนังหงส์ร่วงได้หรือและถ้าพวกนั้นบุกเข้ามาและไม่เห็นเราละก็ ข้าเกรงว่าจะเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน”

หนิงเทียนยกยิ้มพร้อมกล่าวออก “ง่ายนิดเดียว มู่เสวี่ยเจ้าไปนำกระดาษเปล่าออกมา”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด