ตอนที่ 92 ชาวเน็ตตั้งฉายาให้ว่ากงกง
“อะไรเนี่ย? มันเกิดอะไรขึ้น?”
ซ่างหรงถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความสับสนหลังโดนประธานตัดสายทิ้ง
มันเกิดอะไรขึ้นก่อนจัดประชุมผู้ถือหุ้น
ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงโลกมันเปลี่ยนไปแล้วเหรอ
“มีอะไรรึเปล่าคะผู้จัดการ?” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง เลขาส่วนตัวของซ่างหรงก็ตัดสินใจระงับการประชุมผู้ถือหุ้นทันที
หลังจากผู้ถือหุ้นที่กำลังสับสนได้ออกจากห้องประชุมไป เลขานุการก็รีบถามเขา “เกิดอะไรขึ้นคะผู้จัดการ ทำไมคุณทำหน้าเครียดขนาดนั้น หรือว่าสำนักงานใหญ่…”
เลขาสาวเจ้าเสน่ห์ไม่กล้าถามอะไรต่อแพราะในหัวเธอมีอยู่สามคำคือล้มละลาย บริษัทฮ่วเหยาเป็นถึงบริษัทใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดถึง 20,000ล้าน ถ้าจะมีปัญหาก็ไม่น่าจะใหญ่โตมากนัก
ผู้จัดการที่มองการณ์ไกลเสมอได้รับสายโทรเข้าห้าสายและเขาโทรไปที่สำนักงานใหญ่หนึ่งครั้ง ทำไมหน้าของผู้จัดการถึงเคร่งเครียดแล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินและขาวแบบนั้น?
“ทำไมถึงมีมหาเทพซ่อนตัวอยู่ในไห่จิงด้วย? แล้วเขาเป็นใครเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลฉิน เขายอมใช้เงินมหาศาลช่วยต้าเฉินอินดัสทรีด้วยเหรอ?”
ซ่างหรงมองห้องประชุมที่เงียบสงบ เขาลุกขึ้นเตรียมตัวไปโรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมอดีตต้าเฉินอินดัสทรีอย่างฉินชางหยุนที่โกรธมากจนต้องเข้ารักษาฉุกเฉินที่โรงพยาบาล
ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนเขาก็ต้องให้ประธานฉินให้อภัยเขาให้ได้ แม้ว่าต้องคุกเข่าหน้าเตียงของประธานฉินก็ตาม
เขาหวังว่ามหาเทพที่ซ่อนตัวจะพอใจกับเรื่องนี้แล้วเลิกโจมตีบริษัทฮั่วเหยา
ไม่ใช่แค่บริษัทฮั่วเหยาเท่านั้นที่จะถูกทำลาย แต่รวมถึงงานที่ซ่างหรงทำในบริษัทฮั่วเหยาสาขาไห่จิงทั้งหลายจะต้องสูญเปล่าเช่นกัน
“แมรี่ เธอช่วยไปหาทีว่าใครเป็นมหาเทพที่หยุดการให้บริษัทฮั่วเหยากู้เงินจากธนาคารใหญ่ทั้ง 5 แห่ง แล้วไปหาข้อมูลมาด้วยว่าเขากับตระกูลฉินมีความสัมพันธ์แบบไหน ด้วยความสามารถของเธอ เธอต้องใช้เวลาแค่ไหนถึงจัดการเขาได้?”
“ผู้จัดการคุณจะให้ฉันไป…” หลังจากเลขาสาวได้ยินสิงที่ซ่างหรงพูด หน้าของเธอก็ซีดลงทันที
สุดท้ายก็หนีไม่พ้นเรื่องนี้
ไอ้สารเลวซ่างหรงนี่จะส่งเธอไป 'ประชาสัมพันธ์' ทุกครั้งที่เขาเจอคนที่ไม่สามารถต่อกรได้
ตำแหน่งของเธอคือเลขาผู้จัดการ แล้วเธอกลายมาเป็นสตรีประชาสัมพันธ์พิเศษของซ่างหรงตั้งแต่เมื่อไหร่?
ถ้าเธอไม่เชื่อไอ้ชั่วนี่แล้วใช้เงินทั้งหมดมาเก็งกำไรหุ้น เธอจะถูกควบคุมให้ทำเรื่องน่าอายแบบนี้เหรอ?
“ไอ้คนหลอกลวง โอนหุ้นมาซะ ก่อนหน้านี้แกบอกว่าได้บริษัทต้าฉินมาอยู่ในมือแล้วและขอให้บริษัทของเราร่วมมือกับแกซื้อหุ้นต้าเฉินอินดัสทรีที่กระจัดกระจายอยู่แล้วแกให้หุ้น 3% หลังจบเรื่อง พวกเราเชื่อแกแล้วช่วยจัดการกับฉินชางหยุนและต้าเฉินอินดัสทรีไม่ใช่หรือไง?”
“ฉันเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติหลังจากที่แกรับสาย เสียงนั่นที่ฉันได้ยินเป็นเสียงของผู้จัดการจูจากธนาคารประเทศจีนสาขาไห่จิง ฉันโทรหาผู้จัดการจูทันทีเลยได้รู้ว่าบริษัทฮั่วเหยาของแกเป็นกลายเป็นเสือกระดาษแล้ว”
“ฉันพึ่งได้รับข่าวล่าสุดมาว่ามีคนคอยช่วยบริษัทต้าฉินอยู่ แค่คำพูดของเขาไม่กี่คำก็ทำให้บริษัทฮั่วเหยาไปต่อไม่ได้แล้ว ตอนนี้บริษัทของพวกแกกำลังวุ่นวายกันอยู่ใช่ไหม?”
“ซ่างหรง คายเงินที่หลอกพวกเรามาซะแล้วแกถึงจะออกไปได้”
“ใช่ แกไม่เข้าใจสถานการณ์แล้วยังหลอกให้ผู้ถือหุ้นมาประชุมผู้ไร้สาระนี่อีก แกทำให้พวกเราต้องขุ่นเคืองกับบริษัทต้าฉินแล้วก็ฉินชางหยุนด้วย”
“แกมันคนโกหกน่าตาย...”
“ไอ้เวรเอ้ย…”
“เอาหุ้นมาซะ...”
“คืนเงินเรามา…”
ซ่างหรงรีบพาเลขาส่วนตัวพร้อมกับรถกุญแจวิ่งออกมาจากห้องประชุม กลุ่มผู้ถือหุ้นที่ได้รับข่าวล่าสุดมาก็ขวางทางตะโกนให้ซ่างหรงจ่ายเงินคืน
แม้ว่าบริษัทพวกเขาจะเป็นเพียงธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง แต่พวกเขาก็ไม่ได้โง่ที่จะใช้เงินสำรองหลายร้อยหรือหลายสิบล้านมาใช้
โดยเฉพาะผู้สนับสนุนซ่างหรงอย่างบริษัทฮั่วเหยาที่กำลังจะล้มละลาย
แน่นอนว่าที่พวกเขายึดมั่นกับซ่างหรงเป็นเพราะสัญญาที่ซ่างหรงจะให้หุ้นพวกเขาเพื่อจะได้รับเงินปันผลจากบริษัท
ถ้าซ่างหรงไม่ชี้แจงให้ชัดเจนหรือถ้าไม่ให้คำอธิบายที่น่าพอใจแก่ผู้ถือหุ้นจำนวนมาก เขาก็จะไม่ได้ออกไปไหนทั้งนั้น!
การขวางทางและโดนลุมด่าดึงเวลาไปเกือบ 40 นาที
ในที่สุดซ่างหรงก็บุกฝ่าวงล้อมได้ เขาไปที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับหนึ่งเมืองไห่จิงด้วยชุดสูทที่ขาดรุ่ยเพราะโดนเหล่าผู้ถือหุ้นฉุดกระฉากมา
แพทย์บอกพวกเขาว่าสภาพร่างกายในปัจจุบันของประธานฉินยังไม่สู้ดีนักและไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปเยี่ยมได้
พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขับรถไปอ่าวอิมพีเรียลที่ฉินเยี่ยนอาศัยอยู่
น่าเสียดายที่พวกเขาถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหยุดทันทีที่ไปถึงประตูทางเข้า
ใครจะรู้ว่าซ่างหรงจะเป็นคนใจเด็ดแบบนี้
หลังลงจากรถเขาก็คุกเข่าหน้าประตูอ่าวอิมพีเรียลซึ่งมีผู้คนผ่านไปมาจำนวนมาก
เจ้าของวิลล่าที่อญู่รอบๆและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เห็นแบบนี้ก็พากันอึ้ง
เดิมทีอ่าวอิมพีเรียลเป็นสัญลักษณ์สถานะของเมืองไห่จิง
คนที่สามารถอยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นพวกคนรวยเท่านั้น คนที่มีแย่สุดคือดาราดังที่มีทรัพย์สินมากกว่า 100 ล้านอย่างนักร้องหญิงชื่อดังจื่อฉี
ดังนั้นทางเข้าหลักของอ่าวอิมพีเรียลจึงเป็นที่เดียวที่เน็ตไอดอลจากทุกสาขาอาชีพมาถ่ายรูปและอยากเข้าไป
วันนี้เป็นวันที่ดี เน็ตไอดอลได้เจอชายคนหนึ่งที่ขับแลมโบกินี่ราคาหลายล้านกำลังคุกเข่าอยู่หน้าทางเข้าอ่าวอิมพีเรียลโดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ตัวเอง
หลังโพสต์เรื่องนี้ลงเน็ตก็เกิดความโกลาหลบนโซเชียลทันที ซึ่งเรื่องนี้ทำให้อ่าวอิมพีเรียลขึ้นสู่การค้นหายอดนิยมสิบอันดับแรกทันที
“ขอทานคนรวยกำลังคุกเข่าอยู่
“นี่มันสมัยคนมีอารยะธรรมแล้ว เขาไม่น่ามาทำแบบนี้เลย”
“แย่จริงๆ”
“เปิดเผยชีวิตมหาเทพที่ซ่อนตัวในอ่าวอิมพีเรียล”
“...”
ตอนนี้นักธุรกิจชั้นนำหลายสิบคนกำลังตั้งกลุ่มรอบในวิลล่าB1เพื่อรอซุ่มโจมตีบริษัทฮั่วเหยา
หลังเย่เทียนดื่มเบียร์หลายขวดในห้องvvipของธนาคารใหญ่ทั้ง 5 เสร็จ เขาก็กลับมาที่วิลล่าB1แล้วนอนลงบนโซฟาหนังอิตาลีเพื่อชดเชยการอดนอนสองวันที่ผ่านมา
“ให้ตายเถอะ เหล่าฉินรีบเข้ามาดูในกลุ่มวีแชทเจ้าของวิลล่าของอ่าวอิมพีเรียลเร็ว คนในคลิปผีนี่มันขันทีสมัยใหม่ซ่างหรงที่แอบจัดการบริษัทต้าฉินของนายไม่ใช่เหรอ?”
ใช่แล้ว คนที่กินเม็ดแตงโมดูเรื่องนี้อยู่ต่างตั้งฉายาให้อดีตผู้จัดการบริษัทฮั่วเหยาสาขาไห่จิงmujgpjvspbj’ว่ากงกง(ขันที)!
คลิปผี?
ขันทีสมัยใหม่ซ่างหรง?
คำแปลกๆพวกนี้มันอะไรกัน?
สุดท้ายบริษัทต้าฉินก็ได้กลับสู่มือฉินเยี่ยน ในที่สุดหน้าของเขาก็เริ่มผ่อนคลายลง
ครั้งนี้เขาเต็มใจมอบหัวใจให้เย่เทียนอย่างใจจริง
เขามองผางเหว่ยที่กำลังพิมพ์ข้อความราวกับพายุบนโทรศัพท์ด้วยความสงสัย
ทันใดนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์เข้ากลุ่มวีแชทของเจ้าของวิลล่าในอ่าวอิมพีเรียลแล้วเลื่อนหาคลิปผีที่ผางเหว่ยบอก
เขาเห็นว่าคนในคลิปคือซ่างหรงที่พึ่งกลืนบริษัทต้าฉินเมื่อ 2 วันก่อนจริงๆ แต่ชุดสูทที่สั่งตัดจากฝรั่งเศษของเขากลายเป็นผ้าขีริ้วไปซะแล้ว
บนหน้าซ่างหรงมีลอยเล็บข่วนอยู่มากมายและกำลังคุกเข่าอยู่หน้าทางเข้าอ่าวอิมพีเรียลด้วยท่าทางเคร่งขรึม รถแลมโบกินี่ส่องแสงอยู่ข้างหลังเขาสร้างความแตกต่างของเขาให้เห็นอย่างชัดเจน
คลิปที่พึ่งลงล่าสุดมีเพลงประกอบใส่คลิปให้ด้วย
พูดได้เลยว่า...สมควรแล้ว!
หลังดูคลิปผีของซ่างหรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉินเยี่ยนก็โทรไปที่ห้องรักษาความปลอดภัยและให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ซ่างหรงเข้ามาได้
ส่วนจะปล่อยซ่างหรงไปหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขาเพราะเขาไม่ใช่คนที่จะตัดสิน
ซ่างหรงแบกความเป็นความตายของบริษัทฮั่วเหยาไว้อยู่บนหลัง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเย่เทียนทั้งนั้น
“เหล่าฉิน นี่นาย…”
“คุณเย่มักทำตัวติดดินและไม่ชอบมีปัญหา แต่ซ่างหรงเป็นพวกหน้าด้านไร้ยางอายเลยกล้ามาคุกเข่าอยู่หน้าประตูแบบนี้ อย่าว่าแต่เจ้าของวิลล่าคนอื่นเลยถ้าคุณเย่ตื่นขึ้นมาแล้วเราจะอธิบายให้เขาฟังยังไง เกรงว่ามันต้องส่งผลกระทบต่อการอยู่ในชุมชนของคุณเย่แน่”
ผางเหว่ยเดินไปหาฉินเยี่ยนและตบไหล่ของเขาอย่างเคร่งขรึม “ขอมอบหัวใจนี้ให้คุณเย่”
เมื่อซ่างหรงนำเลขาเจ้าเสน่ห์มาที่วิลล่าB1 เขาก็เห็นวิลล่าหรูสามชั้นที่ราวกับพระราชวังอยู่ตรงหน้า เขาแทบอยากจะตบตัวเองให้ตายสักพันครั้งทันที
คนที่อาศัยในวิลล่านี้ได้จะเป็นแค่คนธรรมดางั้นเหรอ?
ดูเหมือนว่าที่ประธานบริษัทฮั่วเหยาด่าเขาจะถูกต้องแล้ว เพราะก่อนเข้าซื้อกิจการบริษัทต้าฉินเขาไม่ได้ถามเรื่องภูมิหลังและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของอีกฝ่าย
เอาล่ะ มหาเทพที่ซ่อนตัวคนไหนกันที่เขาไปล่วงเกินเข้า?
ซ่างหรงสูดหายใจเข้าลึก เขาขยิบตาให้เลขาผู้เจ้าเสน่ห์ที่อยู่ข้างหลังเขาแล้วกดกริ่งประตู
ติ๊งต่อง
“อ่า นั่นไม่ใช่กงกงซ่างหรงที่โด่งดังบนอินเทอร์เน็ตหรอ? ลมอะไรหอบคุณมาล่ะ...”
ผางเหว่ยนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เขาโดนหมาเฝ้าประตูของบริษัทต้าฉินขวางไม่ให้เข้าไป เขาหัวเราะเยาะซ่างหรงที่กลายสภาพมาเป็นแบบนี้
แต่ก่อนที่เขาจะเยาะเย้ยจบ ซ่างหรงที่อยู่นอกประตูก็คุกเข่าบนพื้นหินอ่อนดัง'ปัง'อีกครั้งและพูดขอโทษ
คำพูดพวกนั้นเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ผางเหว่ยที่มีหน้าหนาราวกับกำแพงเมืองจีนยังต้องรู้สึกเขินเมื่อเขาได้ฟัง สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวจนต้องบอกให้หยุด “หุบปาก ถ้าฉันได้ยินแกพูดแบบนั้นอีกครั้งฉันจะให้คนมาโยนแกออกไป”
วินาทีต่อมาก็ไม่มีเสียงใดๆออกมาจากปากของซ่างหรงอีกเลย
ในตอนนั้นเองผางเหว่ยก็ยกนิ้วขึ้นอย่างพอใจ “เดี๋ยวพี่จะพาไปที่ที่นึงก่อนแล้วค่อยไปคุกเข่าตรงนั้น”