ตอนที่แล้ว428 - ความแค้นที่พอกพูน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป430 - อัจฉริยะที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้

429 - เด็กหนุ่มลึกลับ


กำลังโหลดไฟล์

429 - เด็กหนุ่มลึกลับ

ในวันเดียวกันนั้น พวกเขาออกจากหมู่บ้านหินเพื่อไล่ตามต้นกำเนิดแสนจิน

ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดพาใบไม้สีเหลืองยุ่งเหยิงและทำให้ภูเขาและแม่น้ำเยือกเย็น

ภาคเหนือเป็นดินแดนที่หนาวเหน็บ ฤดูกาลทั้งสี่เปลี่ยนไป ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวยาวนานมากมันกินเวลายาวนานกว่าครึ่งปี และทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยอากาศที่หนาวเหน็บ

"ข้าคิดว่าที่นี่ค่อนข้างดี" เย่ฟ่านกล่าว

ตู้เฟยพยักหน้าและกล่าวว่า "ที่นี่มีภูเขาสูงตระหง่านและสันเขาสูงชัน เหมาะสำหรับการดำเนินแผน"

เมืองหลัวอวิ๋นซึ่งอยู่ห่างจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ของภาคเหนือสิบเอ็ดหรือสองวันถูกแยกออกจากเมืองโฮ่วอวิ๋นโดยพื้นที่สีเขียวและทะเลทรายสีน้ำตาลแดงสองแห่ง

พวกเขาใช้เวลาเลือกสถานที่นานกว่าครึ่งเดือน และในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นที่นี่เพื่อทำการปล้นต้นกำเนิดครั้งใหญ่

จักรพรรดิดำซ่อนตัวอยู่บนภูเขาและรับผิดชอบในการสลักอักขระเต๋าในขณะที่เย่ฟ่านและตู้เฟยเดินไปรอบๆเพื่อรวบรวมข้อมูล

เมืองนี้ไม่ได้สวยงามเท่าไหร่ ถนนถูกสร้างจากดินลูกรัง ต้นไม้สองข้างทางของถนนโบราณแทบจะเปลือยเปล่า ใบไม้สีเหลืองชุดสุดท้ายกำลังจะร่วงหล่นแล้ว

เย่ฟ่านกำลังเดินไปรอบๆเมือง บนถนนหินที่ไม่กว้างนัก และในไม่ช้าเขาก็ได้รับข่าวบางอย่าง

บุคคลที่ยิ่งใหญ่ของดินแดนศักสิทธิ์ทุกคนต่างหลงใหลในคัมภีร์โบราณ และตอนนี้พวกเขาทุ่มเทพลังทั้งหมดของพวกเขาบนภูเขาสีม่วง

เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่ฟ่านก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาเดินขึ้นไปบนเหลาสุราแห่งหนึ่งและสั่งอาหารมานั่งกินพลางฟังการสนทนาของผู้คนที่อยู่บนเหลาสุราแห่งนี้ไปด้วย

“ได้ยินว่าที่เมืองศักดิ์สิทธิ์มีของดีปรากฏขึ้นอีกแล้ว ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ได้ยินมาว่าจักรวรรดิทางภาคกลางได้ซื้อมันไปในราคาที่แพงมาก”

“หลายคนตามหาเย่ฟ่านคนนั้น เจ้ามีเบาะแสอะไรไหม ค่าหัวเป็นต้นกำเนิดแสนจิน แม้กระทั่งในชีวิตนี้ข้าก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน”

“ต้นกำเนิดแสนจินนั้นยังน้อยเกินไป มันเทียบไม่ได้กับปราณปฐพีต้นกำเนิดที่เขาครอบครอง ของชิ้นนี้แม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องการ”

“ยอดฝีมือของดินแดนรกร้างตะวันออกต่างก็ชุมนุมกันอยู่ที่ภูเขาสีม่วง สุดท้ายแล้วใครจะเป็นคนครอบครองคัมภีร์เล่มนั้นกันนะ?”

"สำหรับเด็กน้อยเย่ฟ่าน ดินแดนรกร้างตะวันออกของเราถูกปกครองโดยดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมาย มันไม่มีที่ให้เขาหลบซ่อนตัวอยู่แล้ว ต่อให้ตอนนี้เขายังใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่การที่เขาจะถูกจับมันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น”

“อันที่จริงข้าได้ยินมาว่าผู้อาวุโสที่มีอายุหลายร้อยปีต่างก็ออกค้นหาเด็กน้อยคนนั้น น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของเรายังไม่เพียงพอไม่อย่างนั้นพวกเราก็สามารถเข้าร่วมความสนุกครั้งนี้”

“พูดถึงเรื่องเขาแล้วก็น่าเสียดายจริงๆ ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกกลับไม่สามารถทะลวงออกจากอาณาจักรตำหนักเต๋า

หากว่าเด็กน้อยคนนั้นสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ ข้าคิดว่าอย่างน้อยๆเขาก็ต้องเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนใหม่ของดินแดนรกร้างตะวันออก"

หัวใจของเย่ฟ่านเต้นกระหน่ำ ในขณะที่แอบฟังนี้เขาได้ยินชื่อของผู้ยิ่งใหญ่มากมายที่มายังภาคเหนือ ชื่อพวกนี้ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย

ทันใดนั้นเด็กหนุ่มอายุสิบสามหรือสิบสี่ปีก็เดินขึ้นบันไดมาด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง เขาแต่งกายด้วยชุดขาว ผมดำขลับ ผิวขาวเหมือนหิมะ ดวงตาเหมือนอัญมณีสีดำ

หากเขามีอายุมากกว่านี้สักหน่อยจะต้องเป็นชายหนุ่มรูปงามที่สุดในแผ่นดินอย่างไม่ต้องสงสัย

“ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณคงกระพันในระดับเดียวกันจริงหรือ หากข้าพบเขาข้าจะเอาเขามาเป็นสัตว์เลี้ยงให้พวกเจ้าดู”

ชายหนุ่มผู้นี้หล่อเหลาและสูงส่ง แต่คำพูดของเขาหยาบคายอย่างยิ่งทำให้หลายคนขมวดคิ้ว

ข้างหลังเขาตามมาด้วยชายชราสองคนซึ่งสวมชุดสีเทาและหลังค่อมเหมือนคนรับใช้ชราที่ซื่อสัตย์สองคน

คนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าขยับเก้าอี้ให้ชายหนุ่มพร้อมกับใช้แขนเสื้อเช็ดเก้าอี้อย่างระมัดระวังก่อนจะเชิญให้ชายหนุ่มนั่งลง หลังจากนั้นเขาก็ถอยไปยืนทางด้านหลัง

“เด็กคนนี้เป็นลูกหลานของใคร ด้วยคำพูดที่หยาบคายเช่นนี้ดูเหมือนไม่ใช่ทายาทของตระกูลใหญ่”

แม้ว่าคนที่อยู่ชั้นบนจะรู้ดีว่าสถานะของเด็กหนุ่มคนนี้ต้องไม่ธรรมดา แต่บางคนก็ยังทนไม่ได้พวกเขาจึงเยาะเย้ยออกมาในทันที

“ทำไม ข้าพูดผิดเหรอ” เด็กชายเหลือบไปมองอีกฝั่งแล้วถามอย่างใจเย็น

“เด็กน้อยเจ้าต้องรู้จักแสดงความเคารพมากกว่านี้ แม้ว่าเจ้าจะทรนงตัวว่าเป็นอัจฉริยะ แต่อัจฉริยะที่ตายแล้วก็มีอยู่ถมไป”

"ฮะ!"

ชายหนุ่มแค่นเสียงอย่างเย็นชาก่อนจะกล่าวว่า

“ร่างเซียนโบราณแข็งแกร่งอย่างที่คนอื่นร่ำลือจริงหรือ เรื่องนี้ผ่านมาหลายแสนปีแล้ว พวกเจ้าได้เห็นความแข็งแกร่งของร่างเซียนโบราณจริงหรือไม่?”

"ร่างเซียนโบราณกวาดล้างทั่วทั้งแผ่นดิน เรื่องนี้มีหลักฐานยืนยันมากมาย แม้กระทั่งตอนนี้เพียงเด็กพิการคนหนึ่งก็ยังไม่มีผู้ใดที่อยู่ในระดับเดียวกันสามารถต่อสู้กับเขาได้" ผู้คนที่อยู่บนเหลาสุราไม่ยอมลดราวาศอก

เด็กชายคนนั้นยิ้มเยาะแล้วพูดว่า

“เด็กพิการคนนั้นแข็งแกร่งจริงหรือ ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าอ่อนแอกันเองหรอกนะ?”

“เด็กน้อยเจ้าไม่เห็นว่าเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน แม้แต่ทายาทของตระกูลขุนนางโบราณก็ตายด้วยมือเขามามากแล้ว”

“เจ้าก็แค่กบน้อยที่อยู่ก้นบ่อ เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท้องฟ้านี้กว้างใหญ่แค่ไหน หลังจากที่ข้าฆ่าเขาแล้วพวกเจ้าจะได้เห็นเอง” เด็กชายชุดขาวเปล่งเสียงอย่างเฉยเมย

“เด็กน้อยเจ้ามาจากไหน เจ้ามีความมั่นใจจะเอาชนะร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณจริงๆ?” มีคนถามด้วยความประหลาดใจ

“พวกเจ้าก็แค่คนบ้านนอกพูดไปเจ้าก็ไม่รู้จัก” เด็กชุดขาวดูเย็นชาและเลิกให้ความสนใจกับทุกคนที่อยู่บนเหลาสุรา

ใครบางคนอดไม่ได้ที่จะใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองตรวจสอบเด็กหนุ่มชุดขาว แต่ก่อนที่เขาจะได้รับข้อมูลใดๆสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ถูกโจมตีอย่างรุนแรงราวกับสายฟ้าฟาด

หนึ่งในสองข้ารับใช้ชรามีดวงตาที่เปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ เขากำลังเดินเข้าหาผู้บ่มเพาะที่ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์มา แต่ทันใดนั้นก็มีใครบางคนเข้ามาขัดจังหวะ

“ใครกำลังคุยโม้อยู่ที่นี่เจ้าไม่กลัวว่าจะกัดลิ้นตัวเองตายหรือ?” ตู้เฟยเดินขึ้นมาชั้นบนพร้อมกับนั่งลงบนโต๊ะที่อยู่ใกล้เคียงกับเย่ฟ่าน

"เจ้าเป็นใคร" ตู้เฟยมองหน้าเด็กหนุ่มชุดขาวและถามอย่างเย็นชา

“เซี่ยจี้หยู”

ในฐานะทายาทของโจรผู้ยิ่งใหญ่ตู้เฟยไม่เคยหวาดกลัวผู้ใดทั้งสิ้น แน่นอนว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่มีชื่อเสียงนี้เขาไม่จำเป็นจะต้องให้เกียรติ

"ข้าเคยได้ยินชื่อเกอจิ่วโหยวแต่ข้าไม่เคยได้ยินชิอเซี่ยจี้หยู" ตู้เฟยเยาะเย้ย

“จงจำชื่อนี้ไว้ให้ดีๆหลังจากนี้มันจะคอยหลอกหลอนเจ้าอยู่ทุกวัน” เด็กชายชุดขาวเซี่ยจี้หยูเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำอีก

ตู้เฟยเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่คล้ายกับกำลังมองคนปัญญาอ่อน

“เจ้าไม่ใช่ร่างเซียนโบราณรีบออกไปให้พ้นหน้าข้า ข้าไม่สนใจเจ้า” เซี่ยจี้หยูเมินเฉยต่อตู้เฟยอย่างสมบูรณ์

ตู้เฟยอยากจะตบเด็กคนนั้นจนตาย แต่เขาไม่ได้ทำเพียงถามออกไปด้วยความสงสัยว่า

“ร่างเซียนร้างโบราณเคยมีปัญหาอะไรกับเจ้า?”

“ข้าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขาเพียงแต่ได้ยินว่าเลือดของเขาสามารถกลั่นเป็นยาศักดิ์สิทธิ์ได้ ข้าจึงมาตามหาเขาเป็นการเฉพาะ”

"ความคิดของเด็กๆ" เย่ฟ่านกล่าวแล้วเทเหล้าให้ตัวเองจอกหนึ่ง

“เจ้ามาที่นี่เพื่อร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตระกูลจี้และดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงตั้งค่าหัวคนคนนั้นมากเท่าไหร่?”ตู้เฟยถามอย่างมีความสุข

“พวกเขาให้เท่าไหร่ข้าให้เท่านั้น” เด็กชายชุดขาวเซี่ยจี้หยูกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

แต่ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นทุกคนก็มองไปที่เขาด้วยความตกใจ จำนวนต้นกำเนิดที่มากมายมหาศาลนี้ไม่มีทางที่ทายาทของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะจ่ายได้อย่างแน่นอน

“ต้นกำเนิดแสนจินเจ้ามีมันจริงๆ” เย่ฟ่านดวงตาเปล่งแสงวิบวับ

“ถึงแม้ต้นกำเนิดหนึ่งแสนจินจะค่อนข้างมาก แต่ก็ใช่ว่าข้าจะจ่ายไม่ได้” เด็กชายชุดขาวเซี่ยจี้หยูแค่นเสียงดูถูก

“เบื้องหลังของชายหนุ่มคนนี้คืออะไร? เป็นไปได้ไหมว่าเขาเป็นทายาทจากตระกูลจักรพรรดิในภาคกลาง” บางคนเริ่มคาดเดา

“ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะอันแสนหวานดังขึ้นจากด้านล่าง "น้องชายคนนี้มีทัศนคติที่ดี”

เจ้าของเสียงคือจี้ปี้เยว่ นี่เป็นหนึ่งในสามยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลจี้ ความแข็งแกร่งของนางเป็นรองเพียงจี้ฮ่าวเยว่เท่านั้น

"จี้ปี้เยว่?" เด็กหนุ่มชุดขาวถามอย่างไม่แน่ใจ

จีปี่เยว่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีและนั่งลงตรงข้ามเด็กหนุ่มชุดขาวโดยไม่คิดจะขออนุญาต

“เจ้าคิดจะต่อสู้กับข้าเพื่อแย่งชิงร่างเซียนโบราณหรือเปล่า?” เซี่ยจี้หยูถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เขาฆ่าผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเราและข้าก็ต้องการฆ่าเขา” จี้ฮ่าวเยว่ยิ้มหวาน

“ข้าไม่ได้ต้องการฆ่าเขาด้วยตัวเอง ข้าต้องการเพียงเลือดของเขา เรื่องนี้พวกเราสามารถตกลงกันได้” เซี่ยจี้หยูกล่าว

ตู้เฟยแอบยักคิ้วให้เย่ฟ่านและกล่าวว่า

"ดูเจ้าเด็กน้อยนี่สิ ข้าเกือบจะเอาไม้เรียวหวดก้นเขาแล้ว"

“เด็กน้อยคนนี้มีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยม หลังจากที่เสร็จงานแล้วเราค่อยดูว่าเด็กน้อยคนนี้มีต้นกำเนิดแสนจินอย่างที่เขากล่าวอ้างหรือไม่?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด