ตอนที่แล้วบทที่ 79 ชุมนุมที่ศาลาหยางจู 4
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 81 ทดสอบพรสวรรค์

บทที่ 80 หัวกะไดไม่แห้ง


กำลังโหลดไฟล์

“ขอบคุณ น้องชายหนิงเทียนมากที่สั่งสอนถึงวิถีปรุงโอสถลับที่หาได้ยากเช่นนี้”จินเจียงหยาไม่รู้สึกอับอายเลยแม้แต่น้อยที่จะต้องก้มหัวขอบคุณเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่ามันนับร้อยปี

“ไม่ต้องมากพิธี พวกเราสองตระกูลนั้นไม่ต่างจากตระกูลพี่ตระกลูน้อง นับแต่นี้ไปข้าขอให้ท่านจินช่วยชี้แนะคนอื่นในที่นี่แทนข้าด้วย ข้าต้องโอสถกลั่นกระดูกทะลวงชีพจร ให้แก่คนของตระกูลซือหม่านับหมื่นชีวิต

ความหวังนี้ข้าคงต้องฝากไว้ที่ท่านจินแล้ว” มันกล่าวออกพร้อมป้องมือขึ้นแสดงความเคารพตามมารยาท

แม้ในสายตาของผู้อื่นตัวตนของหนิงเทียนนั้นจะสูงส่งและเหนือภูมิความรู้ของพวกมันไปมากล้น แต่การกระทำของหนิงเทียนที่ไม่แบ่งชนชั้นนั้นสร้างความประทับใจให้แก่พวกมันทั้งหมดเป็นอย่างมาก

“อย่าได้ห่วงในเรื่องนี้ ข้าจินเจียงหยาให้คำสัตย์ โอสถลับหมื่นขวดจะสำเร็จครบก่อนที่น้องชายหนิงจะกลับมาอย่างแน่นอน” จินเจียงหยารับคำอย่างหนักแน่น

หนิงเทียนยิ้มออกจากนั้นมันกล่าวขึ้น“เช่นนั้นข้าขอฝากห้องโอสถของตระกูลซือหม่าไว้กับท่านจินแล้ว”

กล่าวจบมันหันไปทางจินเหล่าต้าพร้อมเอ่ยขึ้น “เจ้าไปตามจิงหนานมาให้ข้า พวกเรามีเรื่องสำคัญต้องประชุมกัน” กล่าวจบหนิงเทียนเดินออกจากห้องปรุงโอสถ ทิ้งให้กลุ่มของจินเจียงหยาเริ่มที่จะปรุงโอสถกันต่ออย่างบ้าคลั่ง

หลังจากที่เรียกจินเหล่าต้า จั่วจิงหนานและเสี่ยวซวงทั้งสามมารวมกัน มันได้เดินไปนั่งอยู่บนเก้าอี้มีพำนักพิงที่ตกแต่งด้วยลวดลายมังกรอันวิจิตรงามตาเป็นอย่างมากถ้าดูเผินๆคล้ายกับที่นั่งบัลลังก์ขององค์จักรพรรดิก็ไม่ปาน

หนิงเทียนยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออก“ข้ามีเรื่องที่ต้องรบกวนพวกเจ้าทั้งสามคนทำในตอนที่ข้าไม่อยู่”

“ไม่อยู่? พี่ชายหนิงท่านต้องการจะหลบซ่อน ดีเหมือนกันพวกเราได้ยั่วยุสำนักและเป็นศัตรูกับตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจทั้งในและนอกเมืองฉางผิง

จนกว่าขุมกำลังของพวกเราจะใหญ่โต การหลีกเลี่ยงที่จะปะทะนับว่าเป็นความคิดที่ดี”จินเหล่าต้ารีบกล่าวอย่างเป็นห่วง

หนิงเทียนส่ายหน้าเล็กน้อยมันไม่คิดที่จะอธิบายอันใดออกมา มันเพียงกล่าวต่อกับจินเหล่าต้า “ในกลุ่มพวกเราทั้งหมดเจ้าเป็นคนที่เอาตัวรอดเก่งที่สุด ข้าจึงขอฝากคฤหาสน์ซือหม่าไว้กับเจ้าด้วย”

กล่าวจบหนิงเทียนยื่นหยกสื่อสารสีเขียวให้จินเหล่าต้า “รับไว้ ถ้ามีปัญหาใดที่แก้ไม่ตก ให้ติดต่อหาข้าได้ทันทีและนี้คือรางวัล”หนิงเทียนโยนแหวนมิติที่ได้มาจากซีฉินออกไป

จินเหล่าต้ารับมาพร้อมสำรวจของภายใน“นี้...นี้มันเตาโอสถเทพแมงป่อง”

“มันจะช่วยให้เจ้าสามารถกลั่นโอสถลับได้ง่ายขึ้น”

จากนั้นหนิงเทียนมองไปยังเสี่ยวซวงด้วยสายตาที่อ่อนโยนพร้อมกับครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนก่อนจะนำหยกจื่อลู่ที่ปล้นมาจากตี้หูออกมาพร้อมกล่าวขึ้น

“เสี่ยวซวงระหว่างที่ข้าไม่อยู่เจ้าจงหลอมรวมธาตุสายฟ้าเข้าสู่ร่างซะ มันจะช่วยเสริมส่งท่าเท้าประหลาดๆของเจ้าให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ถ้าเจ้าทำได้สำเร็จ ข้าเกรงว่าท่าเท้าประหลาดของเจ้าทั่วทั้งแดนสวรรค์แห่งนี้อาจจะเหลือเพียงแค่เก้าวิญญาณท่องนภาของข้าที่ตามความเร็วเจ้าได้ท่าน”

เสี่ยวซวงรับหยกจื่อลู่มาพร้อมกับพยักหน้าอย่างเชื่องช้า หนิงเทียนเห็นเช่นนั้นมันได้แต่ยิ้มที่มุมปาก

นางยังคงเป็นสตรีที่ไร้ซึ่งความรู้สึกเช่นเคย ก่อนจะหันไปกล่าวออกแก่จั่วจิงหนาน “ตลอดเวลาที่ข้าไม่อยู่ ห้ามไม่ให้ใครออกจากคฤหาสน์ซือหม่าแห่งนี้เด็ดขาด

ใครฝ่าฝืนเจ้าลงโทษได้ทันทีและถ้ามีผู้ใดกล้าบุกรุกคฤหาสน์ของข้าละก็ สังหารพวกมันอย่าได้เว้นไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นใครและถ้าเจ้าทำหน้าที่ได้ดี เมื่อข้ากลับมาข้าจะมีของรางวัลมอบให้เจ้าด้วยเช่นกัน”

“ขอบคุณนายท่าน”จั่วจิงหนานก้มศีรษะพร้อมยกสองมือขึ้นขอบคุณ ขณะที่หนิงเทียนกำลังกล่าวสั่งในเรื่องต่างๆอยู่

เสียงของเหยาเฮย(เจ้าฟันดำ)หัวหน้าของกลุ่มทาสที่มันได้ซื้อมาจากหอการค้าเหล่าตงวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบพร้อมกล่าวขึ้น “นายท่าน นายท่าน ผู้อาวุโสจากตระกูลซาง ซางฉู่มาขอพบท่าน เวลานี้พวกเขารอท่านอยู่ที่สะพานข้ามคฤหาสน์”

“บอกไปว่าไม่ต้องรอ ข้าไม่มีเวลามากพอที่จะพบพวกมัน”หนิงเทียนกล่าวอย่างไม่สนใจ

ได้ยินเช่นนั้นภายในใจของเหยาเฮยรู้สึกตกตะลึง มันยืนนิ่งราวกับว่ากำลังประมวลคำพูดนั้นของหนิงเทียนอีกครั้งภายในใจ

“เอ๋....ไม่ว่าง แต่ว่า..นะ..นั้นมันตระกูลซางเลย นะ” มันยืนอยู่ครู่หนึ่งก่อนเสียงของหนิงเทียนจะดังขึ้นมาเรียกสติของมัน

“ยังไม่รีบไปอีก”

“ขอรับ ขอรับ”จากนั้นเหยาเฮยวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นเหยาเฮยวิ่งไปแล้ว หนิงเทียนกล่าวกำชับอีกครั้งหนึ่ง “ในส่วนของกองทัพห้าธาตุเจ้าสามารถเลือกพวกมันห้าคนขึ้นมาเป็นหัวหน้านายกองเพื่อแบ่งเบาภาระเจ้าได้”

หนิงเทียนกล่าวสอนวิชาทหารที่มันเคยเรียนรู้มาเมื่อชาติภพที่แล้วแก่จั่วจิงหนาน

เวลาผ่านไปไม่นานนัก ยังคงเป็นเฮยเหยาวิ่งเข้ามาเหมือนเช่นเคย “นายท่านคราวนี้ผู้พิทักษ์ฟ้าอี้เหวินตงต้องการเข้าพบ”

“ข้าไม่ต้องการพบ บอกมันให้กลับไป”น้ำเสียงที่เปล่งออกนั้นเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย

เห็นหนิงเทียนปฎิเสธถึงสองครั้งจินเหล่าต้าอดถามออกไม่ได้“พี่ชายจะไม่เป็นการดีกว่าหรือที่พวกเราจะเชื่อมสัมพันธ์กับพวกมันไว้ อย่างน้อยพวกมันก็เป็นถึงบุคคลผู้ที่มีอำนาจในเมืองฉางผิง”

หนิงเทียนส่ายหน้าพร้อมกล่าวขึ้น“ไม่จำเป็นพวกมันไม่ได้อยู่ในสายตาข้า”

ช่วงเวลาต่อมา เฮยเหยาวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง “นายท่าน ประมุขตระกูลจ้าวเดินทางมาด้วยตัวเองพร้อมกับของขวัญจำนวนหลายลัง มันบอกว่าเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดเล็กน้อยที่เกิดขึ้นระหว่างท่านกับคนของมัน”

“บอกให้มันวางของไว้และกลับไปได้” หนิงเทียนยังคงกล่าวอย่างไม่สนใจเช่นเดิม ขณะเดียวกันมันหันไปกล่าวแก่จั่วจิงหนาน

“ถ้าท่านจินปรุงโอสถเปลี่ยนกระดูกทะลวงชีพจรสำเร็จเมื่อใดให้เจ้านำมันไปแจกจ่ายแก่เหล่าทหารทั้งหมด”

“พี่ชายหนิง ท่านช่างใจกว้างจริงๆที่เอาโอสถลับระดับสูงมาใช้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้คนธรรมดาเช่นนี้”จินเหล่าต้ากล่าวด้วยความนับถือ หนิงเทียนนั้นดูแลคนใต้อาณัติของมันอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่เหล่าทาสที่ได้ซื้อมา

เมื่อสิ้นคำกล่าวของจินเหล่าต้านั้น เฮยเหยาคนเดิมยังคงวิ่งมาอีกเป็นรอบที่สี่ “นายท่าน นายท่านคราวนี้เป็นคนสติไม่ดีที่ผมเผ้ารุงรัง

มันมานอนอยู่หน้าสะพานพร้อมตะโกนร้องเรียกนายท่านอย่างโอดครวญ จะให้ข้าไล่มันไปเลยหรือไม่ขอรับ”เฮยเหยากล่าวออกอย่างระวัดระวัง

ในคร่าแรกมันจะสั่งให้คนไล่กลับไปด้วยซ้ำเพราะขนาดผู้นำ3ตระกูลใหญ่มาด้วยตัวเอง นายของมันยังไม่มีความคิดแม้แต่จะพบเจอ

แต่ถึงอย่างไรการที่มันตัดสินใจเองคงไม่ใช่เรื่องดีนัก คิดได้เช่นนั้นมันจึงวิ่งมารายงานพร้อมกล่าวถามออกอย่างระวัง

หนิงเทียนได้ยินเช่นนั้นมันยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก พร้อมกล่าวออก “ดี บอกมันให้รอ ข้ากำลังออกไปพบ” จากนั้นมันกล่าวออกแก่เสี่ยวซวง “เจ้าไปพักได้แล้ว ข้ามีเรื่องต้องจัดการเล็กน้อย”

กล่าวจบหนิงเทียนเดินจากไปปล่อยให้กลุ่มของจินเหล่าต้ายืนสงสัยถึงผู้ที่มานั้นเป็นใคร ถึงขนาดทำให้หนิงเทียนต้องเดินออกไปพบด้วยตัวเอง

เสียงของหนิงเทียนไล่หลังออกมา “พวกเจ้ายืนนิ่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบตามมา” ได้ยินเช่นนั้นจินเหล่าต้าและจั่วจิงหนานเดินตามหลังหนิงเทียนไปโดยไว

หนิงเทียนเดินออกจากห้องของมันโดยที่ด้านข้างมีจั่วจิงหนานเดินตามด้วยความเคารพและด้านหลังจินเหล่าต้ายังคงวิ่งมาด้วยความสงสัย

เมื่อหนิงเทียน จั่วจิงหนานและจินเหล่าต้าเดินทางมาถึงสะพานที่ทอดยาวเข้าสู่คฤหาสน์ซือหม่า มันพบชายชราร่างยักษ์ที่ผมสีแดงของมันกระเซอะกระเซิงรุงรังราวกับคนจรจัด

จินเหล่าต้านั้นเพ่งมองช้าๆอีกครั้งก่อนจะเห็นว่าชายชราผู้นั้นคือตี้หู

มันจึงกล่าวออกอย่างสงสัย“พี่ชาย นั้นมันกระเพาะเหล็กตี้หู มันมาที่นี้ทำไม”

หนิงเทียนยิ้มอย่างสบายๆพร้อมกล่าวอย่างขบขัน “เพราะมันต้องการโอสถพิษของข้าเป็นอาหารว่างอีก”

ได้ยินเช่นนั้นจินเหล่าต้าหวนคิดถึงโอสถพิษที่หนิงเทียนปรุงขึ้นเมื่อช่วงบ่ายจนทำให้ขนในกายของมันลุกชันขึ้นมาทันที มันจึงรีบกล่าวออก“พี่ชายหนิงท่านอย่าได้ล้อเล่น”

ขณะที่จั่วจิงหนานมองไปยังตี้หูด้วยสายตาครุ่นคิดมันเอ่ยออกมาแผ่วเบา “ตี้หู”

“หืมม์ เจ้ารู้จักมัน”หนิงเทียนปลายตามองพร้อมถามออกแก่จั่วจิงหนาน

“ข้าเพียงเคยประมือและร่ำสุรากับมันในอดีตครั้งสองครั้ง ตัวมันนับว่าเป็นพวกคนป่าที่น่านับถือในน้ำใจคนหนึ่งทีเดียว”

“อืม ไม่เลว นับว่าสายตาข้าไม่ได้ฝ้าฟางจนเกินไป” มุมปากของหนิงเทียนยิ้มออกมาก่อนจะเดินตรงไปยังร่างของตี้หูที่นอนแผ่ด้วยลมหายใจอันแผ่วเบา

เมื่อตี้หูมองเห็นร่างของหนิงเทียนที่กำลังเดินเข้ามา มันพยามใช้กำลังที่มีทั้งหมดของมัน ยันกายขึ้นนั่งกับพื้น “นะ..น้องชาย ช่วยถอนพิษยะเย็นให้..ให้ข้าที”มันกล่าวออกอย่างยากลำบาก

“ข้าใช้พิษเย็นเพื่อยับยั้งโอสถพิษชีวิตนิรันดร์ในร่างของเจ้า ถ้าข้าถอนพิษเย็นออก เกรงว่าเจ้าจะตายในสภาพเดียวกับซีฉินแน่นอน”หนิงเทียนกล่าวออกราวกับมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

“ชะช่วยข้าที...จะให้ข้ายอมทำอะไรก็ได้ ข้าหนาวจน จะทนไม่ไหวแล้ว”น้ำเสียงที่ตี้หูกล่าวออกมานั้นสั่นเครือด้วยความหนาวเย็น

“ขอเวลาให้ข้าคิดเล็กน้อย” หนิงเทียนกล่าวถึงตรงนี้มันมองไปยังสะพานที่ทอดยาวไปสู่คฤหาสน์ซือหม่า มันกล่าวออกแก่จินเหล่าต้า “ข้าจะเรียกสะพานนี้ว่าอะไรดี?”

“เอ๋...”จินเหล่าต้าได้ยินเช่นนี้ภายในใจมันรู้สึกงุนงงเป็นอย่างยิ่ง ‘นี้มันใช่เวลามาตั้งชื่อสะพานหรือไม่ แล้วพี่ชายหนิงเทียนต้องการจะทำอะไรกับตี้หูกันแน่’ คิดออกเช่นนั้นมันเริ่มรู้สึกหดหู่อยู่มาก

ก่อนที่จะได้พบกับหนิงเทียน ตัวมันนั้นนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะผู้ชาญฉลาดแต่เวลานี้มันกลับคล้ายคนโง่เง่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ชายคนนี้ของมัน

มันระบายลมหายใจพร้อมกล่าวด่าว่าตัวเองออกอย่างไม่คิดอันใด "*ซาจี่จริงๆ"

*โง่ หรือไม่ฉลาด

“หืมม์ สะพานซาจี่” หนิงเทียนกล่าวถามออก ขณะที่สายตาของมันละจากตี้หูอย่างไม่สนใจ

ได้ยินเช่นนั้นจินเหล่าต้าสะดุ้งขึ้นมา มันที่หลุดปากด่าตัวเองออกไปแต่กลับกลายว่าเป็นชื่อที่ตั้งให้แก่สะพานแห่งนี้ มันรีบกล่าวแก้ตัวโดยทันที

“พี่ชายหนิง ผู้ที่ข้ามสะพานนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน มันก็เปรียบเหมือนเช่นคนโง่ ใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นสะพานนี้ก็คือสะพานของคนโง่”

“ดีแม้เจ้าจะคิดมันขึ้นมาเพื่อแก้ตัวก็ตามที แต่ข้านั้นชอบชื่อนี้ สะพานของคนโง่ตกลง ต่อจากนี้ข้าจะเรียกมันว่าสะพานซาจี่”หนิงเทียนกล่าวขึ้นอย่างรู้เท่าทันในความคิดของจินเหล่าต้า

ได้ยินเช่นนั้นจินเหล่าต้าได้แต่ยิ้มแห้งๆพร้อมพยักหน้าว่าตามอย่างเห็นด้วย

ตี้หูที่นอนหายใจอย่างเบาบางอยู่นั้น ได้ยินถึงการสนทนาของหนิงเทียนทำให้มันกระอักเลือดออกมากองโต มันรีบกล่าวออกอย่างอ้อนวอน “โปรด...โปรดช่วยข้าด้วย” ตี้หูร้องขออย่างเวทนา ความถือดีของมันเมื่อกลางวันสูญสลายไปหมดสิ้นแล้ว

หนิงเทียนมองไปยังตี้หูก่อนจะกล่าวขึ้นมา“ช่วยเจ้าย่อมได้ ถ้าเจ้ายอมทำหน้าที่เป็นผู้เฝ้าสะพานซาจี่ ของตระกูลซือหม่าละก็ ข้าจะไม่เพียงแค่ถอนพิษให้เจ้า ข้ายังจะช่วยเจ้าให้ฝึกวิชากายาภูผาทมิฬจนถึงขั้นหลอมรวมได้อีกด้วย”

“ได้ได้ ตกลง ข้าตกลง ถ้าท่านช่วยข้า จะสิบปีหรือร้อยปีข้าก็จะยอมเป็นผู้เฝ้าสะพานให้แก่ตระกูลท่าน” ตี้หูเค้นแรงเฮือกสุดท้ายของมันกล่าวออกอย่างรวดเร็ว

มันไม่ได้สนใจถึงกายาขั้นสมบูรณ์มันเพียงแต่ต้องการหลุดพ้นความทรมานจากพิษเย็นที่ได้รับ

หนิงเทียนพยักหน้าจากนั้น มันดีดโอสถสีขาวและสีเขียวสองเม็ดเข้าปากของตี้หู จากนั้นมันจึงกล่าวออก“โอสถเม็ดแรกคือยาแก้พิษเย็นและพิษชีวิตนิรันดร์

ส่วนอีกเม็ดคือโอสถสวรรค์เข็มเจ็ดทะลวง ถ้าเจ้าไม่ได้รับยาถอนพิษจากข้าทุกๆปีละก็ เจ้าจะได้รู้ถึงรสชาติของโอสถสวรรค์ว่ามันจะอร่อยถูกปากเจ้าหรือไม่” มันยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอๆ

“โอ....โอสถสวรรค์” เมื่อสามคำนี้ออกจากปากของหนิงเทียน จินเหล่าต้า จั่วจิงหนานทั้งสองตกตะลึงอย่างไม่สามารถเก็บอาการได้

ปากของมันพวกทวนคำพูดราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน อยู่สามถึงสี่รอบ “โอสถสวรรค์ โอสถสวรรค์ โอสถสวรรค์”

แม้แต่ตี้หูเองก็ยังก่นด่าตัวของมันอย่างบ้าคลั่งภายในจิตใจ “เหตุใดกันข้าถึงโง่งมมายุ่งเกี่ยวกับตัวตนอันตรายเช่นนี้ได้”

แม้ตอนนี้มันจะได้รับโอสถสลายพิษแล้วก็ตาม แต่ด้วยความเสียใจอย่างที่สุดในชีวิตก็ยังทำให้มันกระอักเลือดออกมาอีกกองหนึ่ง

จากนั้นผ่านไปเพียงชั่วอึดใจ ตี้หูค่อยๆปิดตาและเร่งลมปราณส่งเสริมโอสถที่มันได้รับเพื่อขับพิษทั้งสองออกจากร่างโดยไว เวลาต่อมาอีกราวๆ2เค่อมันยันกายขึ้นยืนก่อนจะยกสองมือทำความเคารพ

“นายท่าน ข้าตี้หูจะทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสะพานซาจี่แห่งนี้ด้วยชีวิต ตราบใดที่ไม่ได้รับอนุญาตจากนายท่าน ข้าจะไม่ยอมให้ใครผู้ไหนก้าวล่วงผ่านสะพานนี้ไปเป็นอันขาด”

“ถ้าเจ้าภักดีต่อข้า ภายใน2ปี ข้าจะถอนพิษเข็มเจ็ดทะลวงให้แก่เจ้า”กล่าวจบหนิงเทียนหันหลังกลับเข้าไปในคฤหาสน์ของมันในทันที

เวลานี้มันรู้สึกเบาใจเป็นอย่างมากถ้าต้องจากคฤหาสน์ของมันไป เนื่องจากตอนนี้มันมีจั่วจิงหนาน ยอดยุทธในแดนวีรชนขั้น9เป็นผู้ดูแลกองทัพ และยังมีกระเพราะเหล็กตี้หูที่อยู่ในขั้น9แดนวีรชนเป็นผู้เฝ้าสะพานซางจี่

และในพื้นที่รอบๆยังมีค่ายกล7ทิศ4ผนึกที่ถูกวางไว้โดยราชันจ้าวสมุทรปกป้องอีกชั้นหนึ่ง คิดได้เช่นนั้นมันก็เบาใจ จากนั้นมันรับสั่งเรื่องราวสำคัญๆแก่จินเหล่าต้าและเดินจากเข้าห้องไป

ภายในห้องหนิงเทียนหยิบหน้ากากหนังมนุษย์ที่ประมูลมาจากสมาคมการค้าจ้าวสมุทรขึ้นมา พร้อมกล่าวออกแก่ตัวเอง “แสงสว่างที่ปัดเป่าเมฆหมอก ดีข้าจะชื่อ*หยางกวง”

*หยางกวง แสงของตะวัน

จากนั้นหนิงเทียนเป่าลมดับเทียนในห้องจนมืดมิดและปิดตาลงและทิ้งร่างลงบนเตียงก่อนจะหลับไป...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด