ตอนที่ 91 ตีให้หนัก
“ไอ้เวร จิ้งจอกเยี่ยนทนได้แต่ไม่ได้หมายความว่าเหล่าจื้อจะอารมณ์ดีจนไม่กล้าผายลมตอนถูกดูหมิ่น” ทันทีที่พูดจบก็มีเสียง'ปัง'ดังขึ้น ผางเว่ยขัดจังหวะฉินเยี่ยนด้วยการชกจมูกของหมาเฝ้าบ้านที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
“โอ๊ย...ไปตามหัวหน้ามาเร็ว มีคนก่อความวุ่นวายที่ประตู เรียกพี่น้องเรามาด้วย” รปภ.ที่ถูกหมัดอ้วนๆต่อยจมูกจนจมูกเบี้ยวและชุ่มไปด้วยเลือดรีบหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาและรายงานสถานการณ์ให้หัวหน้ารปภ.ฟัง
“ไปกันเถอะ”
เย่เทียนมองผางเหว่ยที่ต่อยด้วยอารมณ์เดือดดาน เขารู้ว่าหมัดเมื่อกี้ของผางเหว่ยสามารถต่อยคนถึงตายได้
ถ้าอยู่ต่อเกรงว่าอีกเดี๋ยวคงได้มีมวยแน่
นอกจากตัวเขาแล้วคนที่เหลือต่างเป็นคนรวยรุ่นที่สองที่เกิดมาพร้อมช้อนเงินช้อนทอง
ตอนแรกเรื่องนี้แค่ปัญหาเล็กๆที่แก้ได้ด้วยเงิน
แต่ตอนที่รปภ.กันพวกเขาไม่ให้เข้าไปสถานการณ์จึงเปลี่ยน
ตอนนี้หัวหน้าหน่วยรปภ.มาทางประตูหลักพร้อมกับกลุ่มรปภ.รุ่นเยาว์
เมื่อหัวหน้ารปภ.เขาก็มาได้ยินเสียงคำรามรถแมคลาเรนพี1ทั้งสี่คันขับห่างออกไปและเสียผู้ใต้บังคับบัญชาร้องโอดครวญด้วยใบหน้าซีดเซียว
หัวหน้ารปภ.เตะผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไร้ประโยชน์ด้วยความโกรธและรีบรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นขึ้นไปข้างบน เขาคิดว่าเรื่องนี้คงจะไม่กระทบต่อการประชุมผู้ถือหุ้นที่จัดโดยบริษัทตอนเก้าโมง
ธนาคารหัวเซี่ยในเมืองไห่จิง
หลี่จือเสี่ยวที่ได้รับสายจากผางเหว่ยเมื่อสิบนาทีก่อนกำลังรออยู่ในห้องรับรองvvip
บริษัทผางมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับธนาคารมาโดยตลอด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ผางเหว่ยบอกเขาเรื่องมหาเทพที่ซ่อนตัว
ว่ากันว่าถ้าเขาพอใจกับบริการในวันนี้ เขาจะฝากเงินสัก 2-300 ล้าน
“พี่เย่ไม่ต้องห่วง ระหว่างทางฉันโทรหาผู้จัดการหลี่แล้ว” ผางเหว่ยพาทุกคนขึ้นไปที่ห้องรับรองvvipบนชั้นสามของธนาคาร
โดยทั่วไปแล้วคนที่ได้เข้าห้องรับรองvipบนชั้นสองต้องฝากเงินอย่างน้อย 10 ล้าน
เฉพาะผู้ใช้ธนาคารที่ฝากเงินมากกว่า 100 ล้านเท่านั้นจึงสามารถไปที่ห้องรับรองvvipบนชั้นสามได้และผู้จัดการหลี่จือเสี่ยวจะให้บริการพวกเขาเป็นการส่วนตัว
“ไม่เจอกันนานเลยนะคุณผาง ลมอะไรหอบคุณมาล่ะ…” คำพูดสุภาพของหลี่จือเสี่ยวพุดไปได้แค่ครึ่งเดียวเมื่อเขาเห็นหลิวหรูเยียนและเจียงเซิ่งเฟิงที่ตามผางเหว่ยเข้ามาด้วย
ในช่วงสิบห้าปีที่เขาดำรงตำแหน่งผู้จัดการธนาคารประชาชนจีนสาขาไห่จิง เขาได้กลายเป็นเพื่อนพวกเขาหรือบริษัทที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา โดยเฉพาะบริษัทต้าเฟิงที่เป็นบริษัทชั้นนำของไห่จิง
ผู้จัดการหลี่ลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาเดินผ่านผางเหว่ยไปจับมือของหลิวหรูเยียนราวกับว่าเขาได้เจอลูกสาวที่หายสาบสูญไปนานและทักทายเธอกับเจียงเซิ่งเฟิงด้วยความตื่นเต้น “ลมอะไรหอบประธานหลิวมาครับเนี่ย คุณเจียงเองก็มาด้วยเหมือนกัน เชิญก่อน เชิญ เชิญ เชิญ”
หลิวหรูเยียนก็เริ่มขมวดขมิ้ว ผู้จัดการรีบปล่อยมือที่กำแน่นทันทีและหันหลังกลับไปทำกาแฟกับชาให้พวกเขาด้วยตัวเอง
“เหมือนเดิมเลยครับ กาแฟดำของประธานาธิบดีหลิว ชาหลงจิ่งของคุณเจียง”
หลังจากนั้นหลี่จือเสี่ยวก็เห็นชายหนุ่มเดินเข้ามา
แม้ว่าเขาไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อนแต่เมื่อเห็นว่าผางเหว่ย เจียงเซิ่งเฟิงและหลิวหรุเยียนให้ความเคารพเขาตลอดเวลา ผู้จัดการก็ยิ่งอยากรู้เข้าไปอีกว่าเขาคนนี้เป็นใคร
คนหนุ่มย่อมมีความอดทนและความสามารถมาก แต่วันนี้ผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ทั้งสามที่ติดอันดับในแวดวงธุรกิจของเมืองไห่จิงกำลังรอเขาคนนี้อยู่เหรอ?
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าทักทายเย่เทียนด้วยน้ำเสียงดูถูก “ไม่ทราบว่าจะให้ผมเรียกคุณว่าอะไรดี เชิญนั่งลงก่อน คุณอยากดื่มอะไรไหม?”
“เย่เทียน เบียร์” เขาไม่ได้นอนมาสองวันสองคืนแล้วมันช่างเหนื่อยจริงๆ เขาอยากดื่มเบียร์เย็นๆแก้เหนื่อย
มาห้องรับรองvvipของธนาคารตอนเช้าเพื่อดื่มเบียร์?
นี่เขาเป็นใครกันเนี่ย
เขารู้รึเปล่าว่านี่คือธนาคารประชาชนจีนสาขาไห่จิง?
แต่สุดท้ายเขาก็สั่งเบียร์สองกระป๋องขึ้นมา
เบียร์เย็นๆอยู่ในโถน้ำแข็ง
“ขอบคุณ” เย่เทียนหยิบกระป๋องเบียร์เย็นๆขึ้นมาเปิดแล้วดื่มหมดในลมหายใจเดียว
หลังจากพอใจจนเรอ เขาก็เริ่มพูดความตั้งใจออกมา “ผู้จัดการหลี่ใช่ไหม ฉันอยากรู้ว่าธนาคารประชาชนจีนสาขาไห่จิงจะระงับเงินทุนทั้งหมดของบริษัทฮั่วเหยาสาขาไห่จิงต้องใช้เงินเท่าไหร่”
บริษัทฮั่วเหยามีมูลค่าทางตลาด 20,000 ล้าน แล้วมูลค่าทางตลาดบริษัทฮั่วเหยาสาขาไห่จิงคือเท่าไหร่?
ในเมื่อกล้าลงมือกับเพื่อนของเขาโดยไม่ถามเย่เทียนก่อน ถ้างั้นก็อย่าโทษที่เขาทำลายบริษัทฮั่วเหยาเพื่อล้างแค้นให้ฉินเยี่ยน
บริษัทต้าฉินจัดประชุมผู้ถือหุ้นเวลา 9:00 น. เนื่องจากฉินเยี่ยนไม่ได้เข้าบริษัทมาพวกเขาจึงทำอะไรไม่ได้และทำได้แค่เปลี่ยนวิธี
ถ้าบริษัทฮั่วเหยาสาขาไห่จิงมีสภาพคล่องทางการเงินไม่ต่ำกว่า50% ตอนนี้เวลาว่างพวกเขาคงเอาไปแอบซื้อบริษัทอื่นหมดแล้ว
วันนี้ไม่ใช่แค่ธนาคารประชาชนจีนสาขาไห่จิงเท่านั้นที่เขาต้องไปแต่ยังมีธนาคารสาขาไห่จิงอีกสี่แห่งด้วย
แค่ใช้ปริมาณในการฝากเงินก็สามารกล่อมผู้จัดการธนาคารทั้งห้าได้แล้ว
ผู้จัดการหลี่มองเย่เทียนโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เย่เทียนหน้าแดงเล็กน้อยจากเบียร์สองกระป๋อง
จากนั้นเขาก็เหลือบมองอีกสามคนที่ไม่ได้พูดอะไร
ผู้จัดเคลียร์คอของเขาและบอกจำนวนให้เย่เทียน “ฝากเงินประจำ 1,000 ล้านอย่างน้อย 1 ปี”
เดิมทีผู้จัดการหลี่เพียงต้องการทดสอบความแข็งแกร่งคนที่อยู่ตรงหน้า เขาอยากรู้ว่าคนหนุ่มที่ดื่มเบียร์โดยไม่สนใจภาพลักษณ์ตัวเองจะมีเงินมากเท่าไหร่
แต่อีกฝ่ายกลับหยิบบัตรธนาคารสีขาวซีดออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้โดยไม่เปลี่ยนท่าที “ฝาก 1,500 ล้าน 3 ปี”
คราวนี้เป็นหลี่จือเสี่ยวที่ตกใจแทน
1,500 ล้าน?
ฝากเงินประจำ 3 ปี?
หยิบบัตรออกมาก็ฝากเงินเลย?
บัตรเก่าๆที่เย่เทียนยื่นให้มีเงินพอฝากกับธนาคารจริงเหรอ
ผู้จัดการหลี่รู้สึกสงสัยมาก
เขาหยิบเอาบัตรใบนั้นไปเช็คยอดเงินดู
พอเช็คบัตรแล้วหัวใจเขาก็แทบหยุดเต้น
ถ้าไม่ใช่เพราะยาบำรุงหัวใจที่ออกฤทธิ์เร็วเขาคงตายไปแล้ว
ยอดเงินในบัตรของเย่เทียนคือ 81,300 ล้าน
81,300 ล้าน...
เเย่แล้วแย่แล้วแย่แล้ว หัวใจฉันเริ่มเต้นแรงอีกแล้ว
ก็แค่ดึงบัตรธนาคารสีขาวซีดเก่าๆที่มีเงินอยู่ 81,300 ล้านเท่านั้น
ในตอนนั้นเองผู้จัดการหลี่ก็เข้าใจว่าทำไมผางเหว่ย หลิวหรูเยียนและเจียงเซิ่งเฟิงถึงเคารพเย่เทียนคนนี้ นี่คือมหาเทพที่ซ่อนตัวในเมืองไห่จิง เขาร่ำรวยแต่ก็ยังทำตัวติดดินอยู่
เอ่อ...แล้วฉันพึ่งบอกให้เขาฝาก 1,000 ล้านกับธนาคารของเรา นี่มันจะไม่ดูถูกไปหน่อยเหรอ?
ผู้จัดการหลี่รู้สึกเสียใจอย่างมาก เขากินยาบำรุงหัวใจที่ออกฤทธิ์เร็วอีกสองเม็ดแล้วสงบอารมณ์
เขาเหมือนลูกวัวตัวสั่นที่เดินกลับไปที่ห้อง VVIP
คราวนี้ผู้จัดการหลี่กลับมาพร้อมกับเบียร์อีกหลายยี่ห้อพร้อมแช่เย็นมาให้ แน่นอนว่าเบียร์พวกนี้เอามาเสิร์ฟให้เย่เทียน
ถ้าวันนี้เขาทำให้เย่เทียนพอใจได้ ไม่ว่าพวกเขาต้องการดื่มเบียร์เย็นๆกี่ขวดธนาคารต้องสนด้วยเหรอ?
เขาเพิ่งสั่งให้คนไปซื้อตู้เย็นกับเบียร์อีกหลายยื่ห้อมาวางไว้ข้างห้องVVIPบนชั้นสาม สิ่งนี้เตรียมไว้ให้เย่เทียนดื่มโดยเฉพาะ
เย่เทียนสับสนเล็กน้อยเมื่อมองเบียร์เกือบหนึ่งลัง ผู้จัดการหลี่คิดว่าเขาเป็นคนติดเหล้าจริงเหรอ?
“คุณเย่โปรดให้อภัยกับดวงตาที่บอดของผมด้วยนะครับ 1,500 ล้านฝาก 3 ปีนะครับ”
หลี่จือเสี่ยวรับบัตรธนาคารเก่ามาจากเย่เทียน หลังเซ็นชื่อใบรับรองเงินฝากขนาดใหญ่แล้วเขาก็โทรหาผู้จัดการบริษัทฮั่วเหยาสาขาไห่จิงทันที เขาไม่ให้โอกาสซ่างหรงพูดตอบอะไรและยุติความร่วมมือในการร่วมมือกับบริษัท
เย่เทียนพอใจกับวิธีที่มีประสิทธิภาพของผู้จัดการหลี่มาก จากนั้นพวกเขาก็ไปที่ธนาคารเพื่อเกษตรจีนสาขาแห่งสาขาไห่จิง ธนาคารก่อสร้างจีนสาขาไห่จิง ธนาคารแห่งประเทศจีนสาขาไห่จิงและธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์สาขาไห่จิง
หลังจากกินเบียร์ในห้องvvipของธนาคารใหญ่สี่แห่งและใช้เงินไป 2,000 ล้าน การกู้เงินของบริษัทฮั่วเหยาสาขาไห่จิงก็ถูกยุติอย่างง่ายดาย
สำหรับธนาคารขนาดกลางและขนาดย่อมที่ไม่ใช่ธนาคารหลัก พวกเขาติดตามธนาคารหลักทั้ง 5 แห่งเพื่อรอโอกาสอยู่เสมอ
ทั้งหมดนี้เย่เทียนฝากเงินไป 3,500 ล้าน
ในขณะเดียวกันซ่างหรงที่กำลังจัดประชุมของผู้ถือหุ้นอยู่ในบริษัท
เขายังไม่ทันแสดงแสงยานุภาพเลยด้วยซ้ำ
เขาก็ได้รับสายจากผู้จัดการธนาคารแจ้งยุติความร่วมมือทางธุรกรรมทั้งหมด
ธนาคารใหญ่ 5 แห่งเข้ามายุติความร่วมมือกับบริษัทพร้อมกัน
เงินทุนของบริษัทในปัจจุบันที่สามารถดำเนินกิจการได้มีแค่ 30-40 ล้านเท่านั้น ซึ่งเงินนี้อยู่ได้ไม่ถึงสองสามวัน
ดูเหมือนเขาต้องรายงานสถานการณ์ล่าสุดไปยังสำนักงานใหญ่ทันที สำนักงานใหญ่จะได้ออกมากดดันธนาคารทั้ง 5 สาขาในเมืองไห่จิงให้กลับมาร่วมมือเหมือนเดิม
น่าเสียดายที่มีเสียงคำรามของประธานใหญ่ดังมาจากโทรศัพท์ของซ่างหรงทันทีที่เชื่อมต่อสายจากสำนักงานใหญ่
“ไอ้สารเลวซ่างหรง ก่อนซื้อบริษัทต้าฉินแกไม่ได้หาข้อมูลก่อนหรือไงว่ามีมหาเทพที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังตระกูลฉินหรือเปล่า แค่ไม่ถึงชั่วโมงหุ้นบริษัทดิ่งลงจนจะล้มละลายอยู่แล้ว บริษัทฮั่วเหยาที๋ฉันทำงานหนักมาหลายสิบปี แก แก แก....แกกล้าดียังไงถึงโทรมาที่สำนักงานใหญ่อีก? ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนแกก็ต้องขอให้ประธานฉินยกโทษให้ได้ แล้วขอให้เขาปล่อยบริษัทฮั่วเหยาไปด้วย”
ถ้าไม่ทำอย่างนั้นเขาคงขึ้นเครื่องไปไห่จิงแล้วฆ่าหัวหน้าสาขาที่โดนลาดีดกระโหลกนั่นแน่
ซิงเลี่ยฮั่วประธานบริษัทฮั่วเหยานที่อารมณ์ร้อนตลอดเวลาตัดสายทิ้งก่อนที่ซ่างหรงจะวางสาย
เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าเวลาไม่ถึงชั่วโมงที่เข้าซื้อบริษัทต้าฉินด้วยมูลค่าตลาด 2,000 ล้านจะทำให้สำนักงานใหญ่ได้รับผลกระทบหนักแบบนี้
ธนาคารหลักห้าแห่งในเซี่ยงไห้โทรมาหาเขาแล้วแจ้งยุติความร่วมมือทั้งหมดกับบริษัทฮั่วเหยา
แม้แต่กรมสรรพากรที่คอยแนะนำเรื่องต่างๆยังต้องการเข้ามาตรวจสอบภาษี
ตอนนี้หลายบริษัทในไห่จิงได้เทขายหุ้นของบริษัทฮั่วเหยาทั้งหมดซึ่งทำให้ราคาหุ้นดิ่งลงอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ทำให้นักลงทุนที่มองบริษัทในแง่ดียังขายหุ้นตามไปด้วย
บริษัทพกวนั้นใช้โอกาสนี้โจมตีส่วนทุนของบริษัทอย่างรวดเร็ว
แม้แต่หุ้นที่กระจัดกระจายอีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อย
ตอนนี้หุ้น 50% ของบริษัทฮั่วเหยาอยู่ที่เขาอีกครึ่งหนึ่งกระจายไปอยู่ในบริษัทต่างๆ
การเข้าซื้อกิจการที่แข็งแกร่งแบบนี้ไม่เหมือนกับการเข้าซื้อบริษัทต้าฉินที่ซ่างหรงทำเหรอ?
แค่ซ่างหรงแอบเตรียมการเกือบปีและใช้เวลาลงมือเกือบหนึ่งสัปดาห์
แต่บริษัทเหล่านี้โจมตีบริษทฮั่วเหยาทั้งหมดโดยใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง
เกรงว่าอีกหนึ่งชั่วโมงข้าหน้าเขาคงเก็บหุ้น 50% นี้ไม่ได้แล้ว
ก่อนที่มูลค่าตลาดของบริษัทจะลดลงถึงระดับต่ำสุด เขาต้องขายหุ้นทั้งหมดในมืออย่างแน่นอนเพื่อหยุดการขาดทุนและรักษาผลประโยชน์สุดท้ายเอาไว้