ตอนที่ 90 บริษัทต้าฉินถูกบริษัทฮํ่วเหยากลืน
“พี่ชายค่อยๆกินไปนะ พวกเราอิ่มแล้วขอขึ้นไปพักก่อน”
โหยวฉินเสี่ยวเหยาหันไปมองอีกสี่คนแล้วลุกออกจากโต๊ะไป เธอนำกลุ่มออกจากห้องทานอาการที่บรรยากาศไม่ค่อยธรรมดา
พี่ชายของพวกเธอไม่ใช่คนธรรมดา เขามีพลังเกินกว่าจินตนาการได้
ทันทีหลังจากนั้นเซียวหรงรู้สึกเขินอายอย่างยิ่ง เธอมองสามีที่มีตำแหน่งสูงด้วยท่าทางซับซ้อนแล้วลุกจากไป
สุดท้ายก็เหลือแค่ประธานหญิงอย่างหลิวหรูเยียน
แต่ในขณะที่เธอกำลังจะลุกจากที่นั่ง เย่เทียนก็ขัดจังหวะเธอก่อน “เธออยู่ก่อน”
“ไอหยา ร้อนจังเลย” หลังจากผางเหว่ยได้ยินจำนวนเงินที่เย่เทียนพูด เขาก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัว
เขาสนใจเรื่องนี้มากเกินไปจนไม่ได้ยินเสียงพยาบาลสาวสวยสองคนที่พยายามห้ามเขาแก๊ะผ้ากอซ
สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือตอนแกะผ้ากอซออกมา รอยช้ำที่ถูกกระแทกหรือรอยแผลต่างๆกับไม่มีให้เห็น
ฉากนี้ถือได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ของประวัติศาสตร์การแพทย์แน่นอน
ผางเหว่ยไม่เคยคิดว่าเขาจะหายเป็นปกติได้ในเวลาไม่ถึงสามวัน เขารีบเข้าไปกอดเย่เทียนด้วยความตื่นเต้น “พี่เย่ คุณเป็นพี่ชายของฉัน”
จากนั้นเขาก็นึกอะไรได้บางอย่าง “ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเหล่าฉินมีปัญหาอะไร แต่พี่เย่ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวเหล่าฉินคงหาทางออกได้เองนั่นแหละ”
ฉินเยี่ยนไม่ได้บอกเรื่องของทางบ้านหรือบริษัทให้ใครฟัง เขาแค่รอให้เย่เทียนเข้าร่วมรายการใครคือนักร้องแล้วก็ขายของทางโทรทัศน์อีกครั้ง สุดท้ายเขายังทำให้เย่เทียนยินดีจ่ายเงิน 1,000ล้าน 2,000ล้าน 3,000ล้านให้อีกด้วย
มูลค่าทางตลาดของบริษัทฉินและทรัพย์สินของตระกูลรวมกันแล้วมีแค่ 3,000 ล้านเท่านั้น
แค่เย่เทียนโบกมือเขาก็สามารถรับทั้งหมดนั่นได้แล้ว
ผางเหว่ยยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากด้วยความตื่นเต้น
ตอนนี้ในใจของเขากำลังสาปแช่งหญาติพี่น้องตระกูลผางไปหลายร้อยครั้งแล้ว
ไม่ใช่ว่าพวกคนรวยรุ่นสองชอบก่อปัญหาหรือไง?
ทำไมช่วงนี้พวกเขาเชื่อฟังกันแล้วไม่ออกไปสร้างปัญหาบ้างนะ?
ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง
แม่งเอ้ย!
ตอนนี้ผางเหว่ยไม่มีความหวังที่ตระกูลหรือบริษัทของเขาจะมีปัญหาเลยแม้แต่น้อย
ถ้ามีปัญหาขึ้นมาพี่เย่ต้องช่วยเหลือด้านการเงินให้เขา1,000ล้าน 2,000ล้าน 3,000ล้านแน่นอน
หลังกลับไปบริษัทแล้วถ้าไม่ได้ไล่พวกญาติๆที่เอาแต่ใช้ชีวิตดีๆออกฉันจะยอมเขียนชื่อกลับด้านเลย
ในอนาคตเขาจะไม่ถูกเรียกว่าผางเหว่ยแต่จะเป็นเหว่ยผาง
แม้จะไม่ได้ทำงานแต่พวกเขาก็ได้รับเงินจากบริษัทไปใช้กินดื่มทุกปี
ถ้าไม่ไล่แกะดำของตระกูลออกคงเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขความเกลียดชังในใจเขา
“ฉันไม่ได้มีงานอดิเรกแบบนั้นนะ” เย่เทียนหยิบซาลาเปาขึ้นมากินแล้วเตือนผางเหว่ยที่กอดเขาแน่นด้วยท่าทางตลกๆ
สิ่งที่ผางเหว่ยคิดคือไม่ใช่ต้องถามว่าที่ตระกูลผางหรือบริษัทมีปัญหาหรือเปล่าเหรอ
แต่สิ่งที่เย่เทียนคิดในใจคือ
ฉินเยี่ยนกับผางเหว่ยมาเป็นเพื่อนเขาหลังจากเขาย้ายมาที่อ่าวอิมพีเรียล
หวังว่าสักวันหนึ่งจะไม่ถูกขอให้ไปช่วยเรื่องเงินนะ
“เลิกตื่นเต้นได้แล้วผางเหว่ย รอให้เหล่าฉินมาบอกปัญหาก่อนแล้วค่อยดูว่าเราช่วยเขาได้ไหม ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรือไม่ต้องใช้ทุนมากก็ไม่ต้องให้คุณเย่ช่วยหรอก ด้วยความแข็งแกร่งของบริษัทพวกเราก็น่าจะพอช่วยเขาแบบลับๆแล้ว”
การแสดงออกของเจียงเซิ่งเฟิงถูกขัดเช่นเคย เขาต้องพูดบรรเทาความตื่นเต้นของผางเหว่ยที่ตื่นเต้นจนเหงื่อออก
เอาจริงแล้วใครบ้างที่จะไม่สนใจหลังจากได้ยินเย่เทียนพูดให้เงิน 3,000 ล้านอย่างไม่แยแส
ในฐานะผู้สืบทอดของเจียงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เขาต้องดิ้นรนอยู่ในตลาดอยู่หลายปีและไม่คุ้นชินกับการร่วมมือเลยสักนิด
แต่คนอย่างเย่เทียนสนใจแค่ว่าเขาจะมีความสุขได้หรือไม่ มหาเทพที่ไม่สนใจเงินทองและการประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ตั้งแต่เกิดมาเขาพึ่งเคยเจอคนแบบนี้
เนื่องจากเย่เทียนเชื่อในตัวพวกเขาและให้พวกเขาจัดการทุกอย่างได้เต็มที่ในการสร้างรายการวาไรตี้ด้วยเงินหนึ่งพันล้าน เย่เทียนถือว่าพวกเขาเป็นเพื่อนแท้และวางใจในความสามารถ
ในเมื่อเป็นแบบนี้พวกเขาจึงต้องให้คำตอบที่น่าพอใจสำหรับเรื่องในวงการบันเทิงของโหยวฉินเสี่ยวเหยาและสี่สาว
ส่วนเรื่องอื่นเขาไม่ได้คิดอะไรมาก
ยังไงแล้วเขาก็รู้จักกับเย่เทียนไม่ใช่ฉินเยี่ยนและผางเหว่ย
แต่ในช่วงเวลาสั้นๆที่รู้จักกัน เย่เทียนได้มอบของมีค่าให้เขามากมาย
ตอนแรกเป็นแลมโบกินีราคา 3 ล้าน
ต่อมาเป็นแมคลาเรนพี1ราคา 14 ล้าน
“ตราบใดที่เย่เทียนเห็นด้วย ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเราปัญหาของฉินเยี่ยนสามารถแก้ได้ง่ายๆแน่นอน”
คนที่พูดด้วยความมั่นใจได้แบบนี้ ถ้าไม่ใช่หลิวหรูเยียนที่เป็นประธานบริษัทต้าเฟิงแล้วจะเป็นใครได้?
เย่เทียนมองผางเหว่ย เจียงเซิ่งเฟิง หลิวหรูเยียนอย่างโกรธเคือง หน้าของฉินเยี่ยนซีดขาวเหมือนพึ่งถูกโจรปล้นไป
เขาแค่อยากใช้เงิน
ใช้เงินเพื่อให้ตัวเองมีความสุข
คิดมากไปแล้วมีประโยชน์อะไร?
หรือว่าสามคนนี้มีความแค้นกับเขา?
พวกเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้เขาใช้เงิน 3,000 ล้าน
เขาไม่รู้ว่าตัวเองใช้เงินเร็วพอรึยัง ไม่อย่างนั้นสักวันเขาคงได้กลายเป็นคนที่รวยที่สุดในจีนแน่
แน่นอนว่ายังไม่เร็วพอ
“ว่ามาสิ ฉันไม่ปฏิเสธที่จะใช้เงินแก้ปัญหาอยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะเย่เทียน เรื่องมันเป็นแบบนี้...”
อธิบายไปหลายหมื่นคำ...
ปัญหาของเรื่องนี้คือตระกูลฉินถูกบริษัทฮั่วเหยาหลอก
เขาถูกฉวยโอกาสตอนที่ออกจากบริษัทต้าฉินไปบริหารบริษัทบันเทิงที่เย่เทียนลงทุน ฉากหน้าที่ร่วมมือกับบริษัทต้าฉินคือร่วมมือกันสร้างศูนย์การค้าที่ผสมผสานการพักผ่อนและความบันเทิง แต่ลับหลังคือแอบซื้อหุ้นของบริษัทต้าฉินจนตอนนี้แม้แต่หุ้นเล็กๆที่กระจายอยู่ในตระกูลฉินก็ไม่เหลือ
แต่พอฉินเยี่ยนรู้ตัวมันก็สายไปแล้ว
ตอนนี้เรียกได้ว่าบริษัทต้าฉินกลายเป็นสาขาไห่จิงของบริษัทฮั่วเหยาแล้ว
และคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือซ่างหรงซึ่งเป็นผู้จัดการสาขาไห่จิงของบริษัทฮ่วเหยาหรือที่รู้จักกันอีกชื่อคือมือปืนศูนย์การค้า
พ่อของฉินเยี่ยนที่เห็นว่าบริษัทที่ตัวเองทำงานหนักหลายสิบปีถูกเปลี่ยนชื่อและเจ้าของในเวลาแค่ 2 วัน เขาจะทนกับเรื่องแบบนี้ได้งั้นเหรอ
แน่นอนว่าไม่ เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาฉุกเฉินเมื่อวานนี้
เขาได้รับการช่วยเหลือได้ทันเวลาแต่ตอนนี้เขาเหี่ยวเฉาไม่ต่างจากมะเขือม่วงที่โดนน้ำแข็ง
คนที่โทรหาเขาก่อนหน้านี้คือซ่างหรง ซ่างหรงเป็นพังพอนที่ส่งคำอวยพรปีใหม่ให้ไก่
เพื่อที่จะเอาหุ้นอีก 30% ที่เหลืออยู่ในมือ เขาจึงโทรหาฉินเยี่ยนและเชิญให้เข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งจัดขึ้นในตอนเช้าเวลา 9.00 น. ...
ถ้าซ่างหรงอยู่หน้าฉินเยี่ยนตอนนี้เขาคงโดนฉินเยี่ยนเอาโทรศัพท์ทุบหัวแล้ว
บริษัทฮั่วเหยาที่มีมูลค่าตลาด 20,00 ล้านมันสุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ?
ผู้จัดการบริษัทฮั่วเหยาสาขาไห่จิงยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลย?
ขอเวลาให้เขาเตรียมตัวสามวัน
ซ่างหรงที่สู้กับเขาอยู่จะไม่มีทางโต้กลับได้แน่นอน
ไม่อย่างนั้นชื่อจิ้งจอกเยี่ยนจะมีไว้เพื่ออะไร
แต่ตอนนี้เขาแค่อยากถอนหายใจ มันวิเศษมากที่พ่อเขาซื้อวิลล่าในอ่าวอิมพีเรียลให้เขาเมื่อไม่กี่ปีก่อน
เหตุผลส่วนใหญ่ที่เขาอยู่ที่นี่ก็เพื่อทำความรู้จักกับมหาเทพที่ซ่อนตัวอย่างเย่เทียน
เย่เทียนหยิบชามโจ๊กเนื้อไม่ติดมันใส่ไข่เยี่ยมม้าขึ้นมาหนึ่งชามแล้วกินหมดในคราวเดียว
เขาลุกขึ้นแล้วบอกให้ทุกคนตามฉินเยี่ยนไปที่บริษัทต้าฉิน
ซ่างหรงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจแท้จริงในการควบคุมบริษัทต้าเฟิงแต่เขาต้องการกลืนบริษัทต้าเฟิงอย่างลับๆแล้ว?
แน่นอนว่าเขาทำได้
ถ้าไม่กลัวตายก่อนจะได้บริษัทต้าเฟิงล่ะนะ
นั่นเป็นเพราะเย่เทียนพึ่งได้รับเงินหลายหมื่นล้านมากจากระบบ
นี่พึ่งผ่านไปกี่วันเอง
เย่เทียนยังคิดว่าบริษัทฮั่วเหยาที่มีมูลค่าทางตลาด 20,000 ล้านแข็งแกร่งอยู่เหรอ?
ต่อหน้าคนที่ลงชื่อเข้าใช้อย่างเดียวก็ได้เงินเป็นแสนล้านเนี่ยนะ
ไม่สำคัญว่าจะเป็นบริษัทฮั่วเหยาหรือสุ่ยเหยา
ฉันจะเป็นคนสั่งสอนเขาในการประชุมผู้ถือหุ้นนี้เอง
“พี่ชาย เชิญทางนี้”
ฉินเยี่ยนสงบลงทันทีเมื่อเห็นว่าเย่เทียนจะไปร่วมการประชุมของผู้ถือหุ้นกับเขา
ใบหน้าที่มืดมนในก็เริ่มดีขึ้นและเริ่มกลับเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ฉินเยี่ยนพาเย่เทียนและเพื่อนพ้องไปที่บริษัทต้าฉิน
บริษัทต้าฉินตั้งอยู่ในอาคารสำนักงานของสำนักงานใหญ่ใจกลางเมืองไห่จิง
ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม
แม็คลาเรนพี1สี่คันในสีต่างๆมาพร้อมเสียงคำรามของรถสปอร์ตที่ไม่เหมือนใครจอดอยู่ที่ประตูพร้อมกัน
สิ่งนี้ทำให้ดึงดูดสายตาอิจฉาของพนักงานบริษัทและคนที่ผ่านไปมาทันที
เมื่อฉินเยี่ยนที่เป็นนายน้อยคนเก่าลงจากที่นั่งคนขับของแม็คลาเรนพี1สีแดง
รปภ.ที่เคยให้ความช่วยเหลือก่อนหน้านี้ก็รีบมาห้ามฉินเยี่ยนทันที “ขอโทษนะครับคุณฉิน เราไม่สามารถให้คุณจอดที่นี่ได้ กรุณาไปจอดกลางแจ้งที่ห่างไป 200 เมตรด้วย ค่าจอดตรงนั้นยุติธรรมดีแค่ 10 หยวนต่อชั่วโมงเอง”
สิ่งสำคัญที่สุดคือมีลุงป้าในลานจอดรถกลางแจ้งไล่ตามรถคันหรูเพื่อเก็บค่าจอดรถและขอทิป
ถ้าเป็นในอดีตที่ฉินเยี่ยนมาประชุมที่บริษัทหรือจัดการเรื่องต่างๆ พวกเขาจะจอดรถให้เขาด้วยความเคารพจากนั้นก็จะไปเปิดประตูให้เขาเข้าไปในบริษัท
แม้ว่าฉินเยี่ยนจะขับรถสปอร์ตมาที่บริษัทอยู่ แต่ความเคารพต่อเขากลับเหลือเพียงเล็กน้อย
เลขาของประธานคนใหม่ได้ออกคำสั่งมาตั้งแต่เช้าคือไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจกับสมาชิกตระกูลฉินดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องความเคารพเลย
แน่นอนว่ากลุ่มรปภ.ระดับล่างพวกนี้ย่อมไม่พลาดโอกาสประจบประธานคนใหม่
สุดท้ายก็มีแค่หนึ่งจักรพรรดิหนึ่งข้าราชบริพาร การเอาใจประธานคนใหม่มีประโยชน์มากกว่า
เรื่องการไม่ล่วงเกินนายน้อยไม่ได้อยู่ในหัวรปภ.เลยด้วยซ้ำ
“พวกนายเป็นแมวหมามากจากไหน วันนี้ที่มาได้นัดไว้ล่วงหน้าหรือเปล่า? ถ้าเป็นแขกธรรมดาก็มาลงทะเบียนกับฉันก่อนแล้วค่อยรับบัตรยืนยันตัวเข้าไป”