ตอนที่ 89 ถ้ำทองถ้ำเงินยังดีไม่เท่ากรงเลี้ยงหมา
เย่เทียนรออยู่ที่ประตูหลังของสถานีโทรทัศน์เกือบสองชั่วโมงแต่นักต้มตุ๋นที่ไปเอาเงินก็ยังไม่มา
สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่ส่ายหัวยิ้มแล้วไปสนามบินเซี่ยงไฮ้คนเดียว
เขาคิดถึงอาหารกับเตียงนอนที่บ้านจึงซื้อเที่ยวบินรอบแรกเพื่อบินกลับไห่จิง
ทันทีที่เย่เทียนลงจากเครื่องบิน เขาก็เห็นป้าย'ยินดีต้อนรับคุณเย่กลับบ้าน!’อยู่ทั่วสนามบิน
ป้ายไฟทั้งภายในและภายนอกสนามบินต่างไม่มีขาด คำทั้งแปดสว่างจนแทบทำให้เขาและผู้โดยสารคนอื่นตาบอด
ต่อให้เย่เทียนใช้หัวแม่เท้าคิดเขาก็รู้ว่านี่เป็นฝีมือของพวกผางเหว่ย แต่ป้ายไฟพวกนี้มันเอิกเกริกเกินไป
ด้วยการกระทำของพวกผางเหว่ยจึงทำให้ผู้โดยสารคนอื่นต่างพากันอยากรู้อยากเห็นและพยายามเดาว่าคุณเย่คนนี้เป็นใคร หน้าจอที่เอาไว้แจ้งเที่ยวบินและเสียงประกาศของสนามบินต่างสลับไปมากับข้อความยินดีต้อนรับกลับบ้าน
“ยินดีต้อนรับพี่ชายกลับบ้าน” โหยวฉินเสี่ยวเหยามารับเย่เทียนแทนสี่สาว
“ยินดีต้อนรับพี่ชายกลับบ้าน” ฉินเยี่ยนและเจียงเซิ่งเฟิงมาในนามของผางเหว่ยซึ่งเป็นมัมมี่อยู่ที่โรงพยาบาล
“ยินดีต้อนรับคุณเย่กลับบ้าน” ประธานกรรมการบริษัทต้าเฟิงอย่างหลิวหรูเยียน เมื่อเธอจัดการงานในมือเสร็จเธอรีบมาที่สนามบินทันที
“ยินดี...ยินดีต้อนรับกลับ” หลังจากได้รับแจ้งเรื่องจากเลขา เซียวหรงไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ เธอรีบมาสนามบินเพื่อรับเที่ยวบินของเย่เทียนด้วยอามรมณ์ที่ซับซ้อนและใบหน้าที่เขินอาย
“ขอบคุณทุกคนที่มาต้อนรับนะ ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวเช้าเอง” เย่เทียนชนมือกับฉินเยี่ยนและเจียงเซิ่งเฟิง “ขอบอกเลยนะว่าพวกนายเล่นใหญ่จริงๆ ตามจริงแล้วค่อยมารับทีหลังก็ได้…”
ก่อนที่เย่เทียนจะเมื่อพูดจบ ร่างกายอวบอิ่มที่ส่งกลิ่นหอมก็มาโอบแขนเขาไว้ แน่นอนว่านั่นคือหลิวหรูเยียนในชุดสูทดำ
“อะไรกัน ฉันไปแค่สองวันบริษัทก็มีปัญหาแล้วเหรอ? ไม่อย่างนั้นประธานบริษัทต้าเฟิงคงไม่ทำงานข้ามวันแบบนี้แน่ ฉันบอกเธอแล้วไงว่าฉันไม่ได้ขาดเงิน เธอไม่ต้องทำงานหนักขนาดนั้นหรอก อย่าดื่มกาแฟกับบุหรี่เป็นอาหารเย็นแทนสิ กลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปกินข้าวเช้ากับฉัน กลับมาก็ไปนอนก่อนเรื่องอื่นไว้จัดการทีหลัง”
หลิวหรูเยียนไม่คิดว่าเทียนจะเดากิจวัตรของเธอได้จากการดมกลิ่นบุหรี่บนตัวเธอ “แล้วใครบอกให้ประธานใหญ่ไม่สนใจธุรกิจของบริษัทล่ะ”
“บอกมาว่าใครรังแกน้องสาวฉัน? ดูสิเธอร้องไห้น้ำตาไหลเต็มเลย...”
เย่เทียนยังพูดไม่ทันจบหลังของเขาก็โดนโหยวฉินเสี่ยวเหยาที่กำลังร้องไห้เข้ามากอด “พี่ชายเป็นยังไงบ้าง ฉันเป็นห่วงพี่มากเลยนะ เมื่อคืนที่โดนตีไหล่ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”
โหยวฉินเสี่ยวเหยาถามเขาในขณะร้องไห้ เธอลูบไหล่เย่เทียนราวกับว่าตัวเองเป็นคนที่ถูกตีเมื่อคืน
“เด็กโง่ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก พี่ชายของเธอใช่คนธรรมดาที่ไหนล่ะ อย่าร้องเลยนะ”
สุดท้ายเย่เทียนก็หันไปหาเซียวหรงที่กำลังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ เขาผละตัวออกจากสองสาวแล้วยื่นมือขวาไปทักทาย “สวัสดี”
เซียวหรงปฎิเสธการจับมือแล้วเดินถอยหลังรักษาระยะห่าง “วัน...วันนี้ฉันมาคุยเรื่องสร้างศูนย์กีฬาบนที่ดินเขตเหนือ”
เธอรู้ว่านี่เป็นคำแก้ตัวที่แย่แต่เธอไม่มีความคิดที่ดีกว่านี้ ยิ่งเธอพูดเสียงก็ยิ่งเบาลงจนเป็นเสียงยุง
เซียวหรงไม่ปล่อยให้ตัวเองรู้สึกอึดอัดอีกต่อไปเพราะหลังจากนี้เธอต้องคุยเรื่องธุรกิจต่อ
เย่เทียนขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเขาต้องการแค่กลับไปกินนอนทั้งวัน
เมื่อหันกลับมาก็เห็นตาแดงก่ำของโหยวฉินเสี่ยวเหยาที่ดูเหมือนจะหยุดร้องไห้ได้แล้ว เขากอดหญิงสาวทั้งซ้ายและขวาออกจากสนามบินดั่งจักรพรรดิ
เย่เทียนและพรรคพวกเดินไปที่ลานจอดรถของสนามบิน พวกเขาเห็นแม็คลาเรน พี1 ทั้งห้าคันถูกคนลุมล้อมเอาไว้
“ว้าว แม็คลาเรน พี1 แถมยังมีตั้ง 5 สีแหนะ”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มีมหาพมากมายขับรถแม็คลาเรน พี1แบบนี้?”
“พวกนายถ่ายอะไรกัน รถพวกนี้ดูแปลกจัง ทำไมรถพวกนี้ถึงหน้าตาแปลกแบบนี้ล่ะ”
“ถ้าไม่รู้อะไรก็ไม่ต้องพูก็ได้ รถห้าคันนี้รวมกันแล้วราคาเกือบ 70 ล้าน”
“ว่าไงนะ แพงขนาดนั้นเลยเหรอ งั้นต้องถ่ายเอาไปให้หลานเปิดหูเปิดตาสักหน่อย เด็กคนนั้นเอาแต่ซ่อมรถมือสองทั้งวี่ทั้งวัน”
“อ๊าาา~พี่สาวช่วยถ่ายให้หน่อย ฉันจะเอารูปไปอวดเพื่อน”
“ไม่รู้จริงๆว่าใครเป็นเจ้าของรถห้าคันนี้ ถ้าเขาสูงหล่อรวยฉันกลัวว่าจะไปเป็นลมในอ้อมแขนเขา ไม่สิ ในรถเขาต่างหาก”
“มหาเทพที่ซื้อแม็คลาเรน พี1ได้แบบนี้ ต่อให้เขาเป็นตาแก่หน้าเกลียดฉันก็ยินดีถวายตัวให้”
“หยุดเลย…”
“น่าอายจริงๆ…”
“โลกนี้ชักแย่ลงทุกที...”
เย่เทียนเดินเข้าไปที่รถเมื่อเห็นว่าฝูงชนเริ่มออกห่างจากแม็คลาเรนพี1แล้วไปต่อว่าหญิงแปลกหน้าที่ยอมถวายตัวให้คนแก่ หลิวหรูเยียนขยิบตาให้โหยวฉินเสี่ยวเหยา พวกเธอเดินไปที่รถของตัวเองแล้วเปิดประตูรถขึ้น
ทั้งคู่ไม่ได้รีบปิดประตูรถและไปติดหนึบกับเย่เทียนแทน พวกเธอมองเย่เทียนด้วยแววตาน่าสงสารและหวังให้เขาเลือกกลับบ้านด้วย
เย่เทียนมองพวกเธอทั้งคู่ สุดท้ายเขาก็เลือกนั่งรถเซียวหรงกลับบ้านแทน
แบบนี้เขาจะได้ไม่ผิดต่อหลิวหรูเยียนและได้ไม่เป็นการทำร้ายหัวใจโหยวฉินเสี่ยวเหยาด้วย
ที่สำคัญคือระหว่างทางกลับจะได้นอนเงียบๆด้วย
ตามทัศนคติของเซียวหรงที่มีต่อเขา ตราบใดที่เขาไม่ชวนคุยก่อนเซียวหรงก็จะไม่รบกวนเขาแน่นอน
เมื่อฝูงชนเห็นกลุ่มหนุ่มหล่อและสาวสวยของเย่เทียนเสียงติ๊ดก็ดังขึ้นห้าครั้งตามมา หลังจากนั้นประตูรถแม็คลาเรนพี1ก็เปิดออก การพูดคุยในฝูงชนเริ่มดุเดือดขึ้นอีกครั้ง
“ใครก็ได้หยิกฉันที ฉันอยากรู้ว่าตัวเองฝันอยู่รึเปล่า รถแม็คลาเรนพี1ห้าคันนี้เป็นของกลุ่มหนุ่มหล่อกับสาวสวยตรงนี้ โดยเฉพาะหนุ่มหล่อตาจิ้งจอกที่ขับรถสีแดงนั่น พอเขามองมาวิญญาณของฉันอย่างกับโดนเขาดูดไปแหนะ”
“แต่ฉันว่าผู้ชายที่ใส่สูทขับรถสีเหลืองหล่อกว่า โดยเฉพาะสูทที่เขาใส่เป็นของแบรนด์เนมด้วย ตอนที่เขามองฉันด้วยหน้าตาคิ้วขมวดนั่นชีวิตของฉันก็หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว”
“ผู้หญิงบ้าพวกนี้คุยกันอย่างกับฝูงนกกระจอก พวกเธอรู้จักแต่ดูผู้ชายหล่อ ผู้หญิงที่นั่งในรถสีแดงไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียวแต่ยังดูเป็นคนมีความรู้ด้วย”
“แม็คลาเรนพี1สีขาวเป็นของคนที่น่ารักที่สุดแน่นอน ถึงเธอจะใส่หน้ากากแต่ก็ปิดตากลมโตนั่นไม่ได้…”
“ฉันบอกเลยว่าคนขับรถสีเขียวสวยที่สุด ถึงหน้าจะเย็นชาแต่ก็สวยอยู่ดี...”
“เฮ้ พวกนายว่าหนุ่มสาวพวกนั้นบ้าหรือเปล่า?”
“พวกเขาจะบ้าหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผู้ชายตรงกลางถูกอีกห้าคนล้อมไว้อยู่ ขนาดหญิงแก่อย่างฉันยังคิดว่าเขาหล่อเลย ถ้าฉันอายุน้อยกว่านี้สัก 50 ปีนะ...”
“หยุดเลย…”
“น่าอายจริงๆ…”
“โลกนี้ชักแย่ลงเรื่อยๆ ...”
เย่เทียนได้หลับอยู่ในรถของเซียวหรงหนึ่งชั่วโมง หลังกลับมาถึงวิลล่า A1เขาก็รีบไปอาบน้ำจากนั้นก็ไปที่วิลล่าB1เพื่อกินข้าวเช้ากับพวกเขา
“พี่เย่กลับมาแล้ว ฉันให้เชฟโรงแรมเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์เตรียมอาหารเช้าตั้งแต่ 2 ชั่วโมงก่อนแล้ว แค่รอให้พี่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มากินได้เลย”
ผางเหว่ยที่ถูกพันเป็นมัมมี่เดินไปหาเย่เทียนด้วยความรู้สึกสดชื่นจากการช่วยเหลือจากพยาบาลสาวสวยสองคน เขาดึงเย่เทียนให้มาทานอาหารด้วยความกระตือรือร้น
“พ่อ ลูกชายของคุณโทรมา...”
ฉินเยี่ยนที่กินโจ๊กอยู่หยิบโทรศัพท์ออกมากดปฎิเสธรับสาย
“พ่อ ลูกชายของคุณโทรมา…”
ฉินเยี่ยนที่เพิ่งวางสายไปสายที่สองก็เข้ามา
ฉินเยี่ยนกดปฏิเสธอีกครั้ง
จากนั้นสายที่สาม สายที่สี่ ด่านที่ N...
ถึงเย่เทียนจะอยากรู้แต่เขาก็ไม่สามารถถามได้ เขาส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบลงก่อน
“มีเรื่องอะไรฉินเยี่ยน?”
เย่เทียนมองฉินเยี่ยนที่กำลังเศร้าก็อดรู้สึกตลกไม่ได้
เขารู้จักฉินเยี่ยนมาได้สักพักแล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นฉินเยี่ยนมีสีหน้าเศร้าแบบนี้
แต่สำหรับเขาตราบใดที่แก้ปัญหาด้วยเงินได้มันก็ไม่มีปัญหาอะไร
ดังนั้นมหาเทพเย่เทียนกำลังรอให้ฉินเยี่ยนบอกเขาว่ามีปัญหาอะไร
“1,000 ล้านพอไหม?”
ตาของฉินเยี่ยนเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเย่เทียนพูดตัวเลขโดยไม่เปลี่ยนท่าทาง
“2,000 ล้านล่ะ?”
เย่เทียนกังวลว่าเขาจะให้เงินไม่พอจึงเพิ่มเงินให้อีก
แต่ฉินเยี่ยนอ้าปากกว้างด้วยความตกใจยิ่งกว่าเดิมหลังได้ยินว่า 2,000 ล้าน
“3,000 ล้าน?”
จำนวนเงินที่เย่เทียนพูดด้วยเสียงเบาทำให้ทุกคนอึ้งทันที
รวมถึงเจียงเซิ่งเฟิง ผางหว่ย เซียวหรงที่เป็นคนรวยรุ่นที่สองอายุน้อยในโลกธุรกิจและหลิวหรูเยียนที่ขึ้นไปเป็นประธานกรรมการบริษัทต้าเฟิงด้วยลำแข้งของตัวเอง
ตอนนี้สิ่งที่เจียงเซิ่งเฟิงกับผางเหว่ยกำลังคิดคือทำไมที่บริษัทเจียงหรือตระกูลไม่เกิดปัญหาบ้างนะ?
สิ่งที่ผางเหว่ยกำลังคิดคือทำไมที่บริษัทผางหรือตระกูลไม่เกิดปัญหาบ้างนะ?
ถ้ามีปัญหาคุณเย่จะได้ช่วยออกเงินให้1,000 ล้าน 2,000 ล้าน 3,000ล้าน
หญิงสาวทั้งห้ารวมถึงโหยวฉินเสี่ยวเหยาที่เคยชินกับความลำบากมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้พวกเธอไม่ต่างจากฝูงห่านที่เป็นใบ้ ปากของพวกเธอเปิดปิดอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีเสียงอะไรออกมา
พระเจ้า พี่ชายฉันพูดเรื่องอะไรเนี่ย?
3,000 ล้าน?
3,000 ล้านนี่มันเยอะมากเลยนะ แต่ทำไมพี่ชายพูดเป็นสามสิบหยวนเลยล่ะ?