ตอนที่แล้วข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 38 เกาะโดดเดี่ยวในความมืด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 40 พลังพิเศษโดยกำเนิด

ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 39 วิญญาณหมอจางจ้ง


กำลังโหลดไฟล์

ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 39 วิญญาณหมอจางจ้ง

เมืองผี สถานที่ที่ภูตผีสิงสถิต

แม้จะยังไม่ได้เข้าไปจริงๆ แค่ยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้า ในฐานะที่เป็นมนุษย์ปกติ คงหนิงก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

แต่การรับรู้ของหว่านเอ๋อตอนที่อยู่ภายนอกนั้นไม่ได้ผิดพลาด เมืองผีอันเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณชั่วร้าย บัดนี้ว่างเปล่าแล้ว

โคมสีขาวลอยคว้างอยู่ทั่วทุกแห่งหน เปล่งแสงสลัวๆ ออกไปทั่วทั้งเมือง คงหนิงยืนอยู่บนสะพาน มองไปรอบๆ ภายในเมืองผีที่สว่างไสว ถนนหนทางว่างเปล่า มองดูแล้วไม่เห็นใคร

มีเพียงหมอกขาวโพลนที่ทอดยาวเข้าไปถึงเมืองผี ไม่ได้ชี้ไปทางใดทางหนึ่งโดยเฉพาะ

หว่านเอ๋อกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “หัวหน้ามือปราบหนิง หลังจากนี้ต้องฝากไว้กับเจ้าแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่หว่านเอ๋อเข้ามาในโลกวิญญาณ......”

อารมณ์ของหญิงสาวมีความประหม่าอยู่เล็กน้อย

คงหนิงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ตามข้ามาเถอะ”

เขาเองก็ไม่ใช่คนเหยาะแหยะ ในเมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องไม่ไหวหวั่น

พาหว่านเอ๋อเดินตรงไปตามสะพาน ทั้งสองรีบออกจากสะพานหินแล้วก้าวเท้าเข้าสู่ถนนสายยาว

บนถนนที่ว่างเปล่า บรรยากาศรอบข้างดูมืดมนให้ความรู้สึกเป็นอันตรายถึงชีวิต

บ้านทั้งสองฟากฝั่งถนนปิดบานประตูและหน้าต่างแน่นสนิท

ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ คิ้วของคงหนิงก็ยิ่งขมวดเข้าหากันมากเท่านั้น

เพราะถนนในเมืองผีที่ว่างเปล่านี้ ยิ่งเขามองมันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งคุ้นเคยมากเท่านั้น บ้านหลายต่อหลายหลังทั้งสองฟากฝั่ง หน้าตาเหมือนกับในเขตเมือง

หญิงสาวเห็นความสงสัยของคงหนิง จึงกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ภูตผีก็มีบ้านวิญญาณ และบ้านวิญญาณของพวกเขาก็มักจะได้รับอิทธิพลมาจากความทรงจำในช่วงชีวิตก่อนตาย ดังนั้นเมื่อหัวหน้ามือปราบหนิงเห็นบ้านเหล่านี้แล้วรู้สึกคุ้นเคยก็เป็นเรื่องปกติ”

“ภูตผีวิญญาณส่วนใหญ่ในเมืองผีแห่งนี้ต่างก็เกิดขึ้นมาหลังจากการตายอันน่าสลดของชาวเมืองในเขตชานหลานกันทั้งนั้น.......”

หมอกสีขาวยังคงแผ่ออกไปด้านหน้า

พวกของคงหนิงเดินผ่านถนนรกร้างถึงสองสาย มาจนถึงตรอกแห่งหนึ่งที่ดูวังเวง

ระหว่างทาง ไม่มีภูตผีอยู่ภายในเมืองผีที่มืดมนแห่งนี้เลย แม้แต่ไอแห่งความตายอันหนาวเหน็บก็ไม่ได้รุนแรงเท่ากับในเขตชานหลาน

ผีร้ายที่อยู่ในเมืองผี ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน

หว่านเอ๋อยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าตรอก มองดูคงหนิงที่หยุดนิ่งก็แสดงอาการสับสนเล็กน้อย

“หัวหน้ามือปราบหนิง?” หญิงสาวกระซิบคำ

คงหนิงยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าตรอกพร้อมกับขมวดคิ้ว จากนั้นจึงกล่าวว่า “ข้าพอจะรู้แล้วว่าสิ่งชั่วร้ายที่ข้ากำลังตามหาคือใคร.......”

สองข้างทางในตรอกนั้นมืดมาก มีเพียงกำแพงสีซีด เฉพาะสุดปลายทางเท่านั้นที่มีประตูปิดเอาไว้อยู่ ราวกับว่ามีเพียงครอบครัวเดียวเท่านั้นที่อาศัยอยู่ที่นี่

และหลังประตูไม้ที่ปิดสนิท ก็มีแสงสีแดงจางๆ แทรกซึมออกมาจากรอยแยกของประตู

คงหนิงมองไปที่ตรอกและประตูบ้านนั้นที่ดูคุ้นเคย ก่อนจะพูดออกมาช้าๆ

“ไม่อยากเจอก็ต้องได้มาเจอ......”

คำอุทานดังกล่าวทำให้หญิงสาวตกตะลึง “หัวหน้ามือปราบหนิง?”

คงหนิงมองไปที่ประตูบ้านภายในตรอกมืด แล้วกล่าวว่า “สิ่งที่อาศัยอยู่ภายในนี้ ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นผีร้ายที่ชื่อว่าจางจ้ง”

“เมื่อสามปีที่แล้ว ตอนที่ข้าเข้าไปทำงานที่ศาลาว่าการใหม่ๆ ก็ได้ทำคดีฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับบุคคลผู้นี้”

“ชายชราผู้นี้ประกอบอาชีพเป็นหมออยู่ในเมืองมากว่าสี่สิบปี เป็นหมอที่มีชื่อเสียงและทุกคนในเมืองต่างชื่นชม ในปีต่อๆ มา เขาก็ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ยากต่อการรักษา”

“เขาไม่ต้องการจะยอมรับชะตากรรมของตนเอง จึงใช้สูตรพิเศษเพื่อปรุงยารักษา ลักลอบฆ่าเด็กหญิงอายุแปดขวบสามคนภายในเมือง นำหัวใจและตับของพวกนางมาทำยา”

“เรื่องนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างมากภายในเมือง และทุกคนก็รู้สึกหวาดกลัวกันอยู่ช่วงหนึ่งเลยทีเดียว”

“แม้ว่าทุกปีในเขตชานหลานจะมีผู้สูญหายจำนวนมาก แต่ผู้สูญหายทั้งหมดล้วนเป็นผู้ใหญ่ และไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาถูกพาตัวไปหรือหายตัวไปเอง นี่เป็นครั้งแรกที่มีการกระทำที่น่ากลัวเช่นนี้ วางยาเด็กๆ และดึงหัวใจออกมา ทำให้ทุกคนในเมืองรู้สึกเหมือนตกอยู่ในอันตราย”

“คืนนั้นก็เป็นคืนที่มืดมิดเช่นนี้ ข้ายืนอยู่คนเดียวที่ทางเข้าตรอกแห่งนี้ มองดูประตูบ้านของจางจ้งท้ายซอยที่ปิดแน่น เดินเข้าไปด้านใน”

“สิ่งที่เห็นคือจางจ้งแขวนคออยู่ในบ้านของตนเอง”

“ใต้เท้าของศพมีชามวางเอาไว้ เศษซากของยาที่ดื่มยังคงเหลืออยู่ หัวใจและตับของเด็กหญิงทั้งสาม ถูกเขากินไปอย่างละครึ่ง ครึ่งที่เหลือเต็มไปด้วยรอยฟัน”

“แต่ระหว่างที่ชันสูตรศพ ข้าพบว่าภายในท้องของจางจ้งว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่เลย”

“แม้แต่หัวใจและตับในทรวงอกของจางจ้งก็หายไป แต่สิ่งที่แปลกคือก่อนหน้าที่จะผ่าหน้าอกของจางจ้งออก ไม่มีบาดแผลใดๆ บนร่างของเขาเลย ข้าก็ไม่รู้ว่าหัวใจเขาหายไปได้อย่างไร”

“คดีนี้จบลงด้วยการถูกตัดสินว่าเป็นการฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด”

“แต่ไม่คาดคิดเลยว่า หลังจากที่ตายไป มันจะกลายมาเป็นผีร้ายในโลกวิญญาณแห่งนี้”

คำบรรยายของคงหนิงทำให้หญิงสาวเงียบไปเล็กน้อย

จากนั้นนางก็กล่าวว่า “บางทีจางจ้งอาจจะได้รับเคล็ดชั่วร้ายบางอย่างมา รู้ว่าตนเองไม่มีหวังที่จะมีชีวิตต่อไป จึงเลือกใช้คาถาเพื่อทำให้ตนเองกลายเป็นผีร้ายหลังตายไป หัวหน้ามือปราบหนิง พวกเรายังจะเข้าไปอยู่ไหม?”

คงหนิงมองดูหมอกขาวที่อยู่ในลานสายตาของตนเองค่อยๆ จางหายไป แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน เราต้องเข้าไปข้างใน ไม่เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ก็คงไม่สามารถถอยได้แล้วใช่ไหมเล่า?”

หมอกสีขาวจางหายไป ซึ่งหมายความว่าคงหนิงมาถึงที่หมายแล้ว

เขาก้าวเท้าเข้าไปในตรอก เดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับหญิงสาว

สุดซอย ภายในประตูสีดำสนิท มีประกายแสงสีเลือดฉายออกมาตามรอยแยกของประตู ไม่รู้จริงๆ ว่าด้านในมีฉากแบบไหนกำลังรออยู่

คงหนิงเดินตรงไปยังประตูที่ปิดอยู่ ดึงห่วงที่อยู่ติดกับประตูออกมา แล้วเคาะเบาๆ

ตึกตึกตึก----ตึกตึกตึก---

เสียงเคาะประตูของคงหนิงดังขึ้นเป็นจังหวะ กระจายไปทั่วตรอกมืด

ละอองเลือดที่ไหลซึมออกมาจากด้านหลังประตูสีดำดูเหมือนจะเข้มข้นขึ้น

หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างเบิกตากว้าง---นางตั้งใจจะชักกระบี่แล้วบุกทะลวงเข้าไป แต่หัวหน้ามือปราบหนิงกลับเคาะประตูเนี่ยนะ?

เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อสังหารปีศาจหรอกหรือ? ทำไมถึงเคาะประตูอย่างสุภาพ?

หญิงสาวตกตะลึง แต่ท่าทางของคงหนิงสงบนิ่ง

ในไม่ช้า เสียงคนแก่แหบแห้งก็ดังขึ้นมาจากข้างในลานบ้าน

“ประตูไม่ได้ปิด เข้ามาได้เลย”

คำตอบทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างอีกครั้ง

ผีตนนี้กลับตอบรับเช่นนี้?

วินาทีต่อมา ประตูก็ถูกผลักเปิดออก และคงหนิงเป็นคนเดินเข้าไปก่อน

สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาของพวกเขาคือลานเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเลือดกระจายอยู่ทั่ว

ต้นไม้แห้งเหี่ยว ขวดเหล้าหลายใบวางเรียงกันอยู่ที่มุมลาน และเห็นผีร่างผอมกำลังนั่งยองอยู่หน้าขวดเหล้าด้วยเหตุผลบางอย่าง......นี่คือสิ่งที่พวกคงหนิงเห็นหลังจากผลักประตูเข้ามา

และจากละอองเลือดภายในลาน ดูเหมือนจะมีบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเมืองผีที่อยู่ด้านนอก

ก่อนที่คงหนิงจะทันได้สังเกตรอบๆ โดยละเอียด ผีเฒ่าที่นั่งยองอยู่หน้าขวดเหล้าก็สังเกตเห็นบางอย่าง และหันกลับมามองทันที

สีหน้าดุร้าย

“พวกเจ้ามาจากไหน?” ผีร้ายใบหน้าซีดจ้องมองมาที่ประตูแล้วเอ่ยออกด้วยเสียงแหบพร่า “ทำไมข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน”

ในเวลานี้หว่านเอ๋อก็เดินเข้ามาในลานอย่างระมัดระวัง และยืนอยู่เคียงข้างคงหนิง

คงหนิงที่ไร้อารมณ์ มองไปยังชายชราที่อยู่เบื้องหน้า มองดูใบหน้าที่ดูคุ้นเคยแต่ดุร้ายและน่ากลัวกว่าเดิมมาก จากนั้นจึงกล่าวว่า

“จางจ้ง หมดเวลาของเจ้าแล้ว โปรดมาพร้อมกับพวกเรา”

เสียงของคงหนิงต่ำลง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ผีร้ายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับเบิกตาโพลงทันที แสดงท่าทางหวาดกลัว

“ยม......ยมทูตดำขาว[1]?!”

“ไม่! นี่เป็นไปไม่ได้!”

ผีร้ายหวาดกลัวก้าวถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า มันตะโกนอย่างสิ้นหวัง “เป็นไปไม่ได้ที่เขตชานหลานจะมียมทูตขาวดำ! พวกมันตายกันหมดแล้ว! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!”

ผีร้ายที่ฆ่าเด็กหญิงสามคนอย่างไร้ความปรานีมีท่าทีหวาดกลัว ดูเหมือนจะเห็นบางสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ถอยกลับอย่างสิ้นหวัง

สีหน้าของคงหนิงยังคงไม่แยแส ไม่ได้แปลกใจต่อสิ่งตรงหน้าเลย

หว่านเอ๋อที่อยู่ด้านข้าง มองดูฉากตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ยมทูตดำขาว? มันเกิดอะไรขึ้น?

ยมทูตดำขาวมาจากไหน?

วิญญาณหมอจางจ้งคงไม่ได้มีอาการหลอนใช่หรือไม่?

---------------------------------------------------

[1] ยมทูตดำขาว (黑白无常) เป็นทูตสวรรค์ที่คอยจับผี ตอบแทนความดี ไม่ก็ลงทัณฑ์วิญญาณชั่ว มักจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเทพเจ้าในยมโลก

เทพไป๋อู่ฉาง (白无常) มีหน้าที่รับดวงวิญญาณที่เป็นคนดีมีศีลธรรม ไปรับการพิจารณาจากศาลในนรก แล้วไปเสวยกรรมดีที่เคยทำ

เทพเฮยอู่ฉาง (黑无常) คอยใช้โซ่มัดจับดวงวิญญาณบาป (สมัยเป็นคนมีจิตใจชั่วช้า) ที่สิ้นอายุขัยลากไปรับกรรมในนรก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด