ตอนที่แล้วตอนที่ 295+296 อภิรมย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 299+300 งานแต่งงานของตระกูลเหลียง

ตอนที่ 297+298 การปฏิเสธที่หนักแน่น


กำลังโหลดไฟล์

“เราไม่ว่างครับ” ลู่ชิงสีปฏิเสธทันทีอย่างรวดเร็ว “วันนี้ผมกับเจียงเหยาจะเข้าไปที่เมืองจินโด ช่วงนี้เป็นวันหยุด เวินเวินไม่ต้องไปโรงเรียนสองสามวัน ถ้าคุณเป็นกังวลที่ฝากเวินเวินไว้กับคนอื่น ก็พาเธอไปที่โรงพยาบาลด้วยเถอะครับ อีกอย่างเวินเวินไม่ได้เจอพ่อของเธอมาระยะหนึ่งแล้ว เธอคงจะคิดถึงเขา”

เมื่อเห็นว่าลู่ชิงสีปฏิเสธอีกฝ่าย เจียงเหยาก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปในห้องนอน เพื่อหยิบกระเป๋าสะพายหลัง โดยทิ้งนางเกอและเกอเวินเวินไว้กับลู่ชิงสี

ใบหน้าของคุณนายเก๋อมืดลงเมื่อได้ยินการปฏิเสธของลู่ชิงสี

เมื่อเธออ้าปากอีกครั้ง ก็เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจพร้อมกับบ่นออกมาอย่างไม่ลังเล

“ที่โรงพยาบาลไม่มีที่พักเลย อีกอย่างเวินเวินก็ยังเด็ก ฉันจะพาเธอไปที่นั่นได้ยังไงคะ? ทุกคนในกองนี้ต่างดูถูกคนที่มาจากบ้านนอกอย่างเรา จะให้ฉันฝากเวินเวินไว้กับพวกเขาโดยไม่รู้สึกกังวลได้ยังไงล่ะคะ ฉันคิดว่าไหน ๆ เราก็เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามกัน สามีฉันก็เป็นลูกน้องคุณ จ่าลู่ อีกอย่างสามีฉันก็ได้รับบาดเจ็บระหว่างที่ออกไปทำงานกับคุณ ถ้าฉันฝากเวินเวินไว้กับพวกคุณฉันจะได้สบายใจหน่อย ฉันรู้ว่าคุณกำลังจะไปเมืองจินโด เวินเวินก็เป็นเด็กที่เชื่อฟังมาก เธอลำบากกับฉันและพ่อของเธอมาตั้งแต่เด็ก ยังไม่เคยไปเมืองใหญ่ ๆ เลย ไม่ใช่ว่าคุณจะออกงานร่วมงานแต่งงานที่เมืองจินโดหรอกหรือ พาเธอไปด้วยคนสิคะ”

เจียงเหยาซึ่งอยู่ในห้องนอน รู้สึกโกรธเคืองกับคำพูดของนางเก๋อ

ใบหน้าของลู่ชิงสียิ่งมืดลง

“คุณนายเก๋อครับ คุณควรไปโรงพยาบาลและบอกเรื่องนี้กับจ่าเกอเกิน ถ้าจ่าเก๋อเขาขอให้ผมพาเวินเวินไปเมืองจินโดด้วย ตอนนั้นคุณค่อยกลับมาบอกผมล่ะกัน! ตอนนี้ผมกำลังจะออกไปข้างนอกกับภรรยา เชิญครับ คุณนายเก๋อ!” ลู่ชิงสีส่งเธอออกนอกประตูโดยไม่แม้แต่จะมองหน้า

เก๋อเวินเวินกลัวลู่ชิงสีมาก แม้ว่าแม่ของเธอจะบอกให้เธอทำตัวดี ๆ ในตอนเช้า และรบเร้าให้อาลู่กับน้าลู่พาเธอไปเที่ยวด้วยในคืนก่อนหน้านี้ หัวใจที่อ่อนไหวของเด็กน้อยสามารถสัมผัสได้ถึงความโกรธของอาลู่ ในเวลานี้ เธอเกาะแขนเสื้อของแม่ในขณะที่หวาดกลัว และเธอก็ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังแม่ขณะที่มองดูพวกเขา อย่างไรก็ตาม เธอไม่กล้าพูดอะไรสักคำ และไม่กล้าทำตามคำแนะนำของแม่และรบเร้าขอตามพวกเขาไปด้วย

นางเก๋อสั่นด้วยความโกรธหลังได้ยินคำพูดของลู่ชิงสี ถ้าเธอบอกเรื่องนี้กับสามีของเธอจริง ๆ สามีของเธอคงจะตบเธอจนกลับบ้านเกิดเป็นแน่

ก็เพราะว่าสามีของเธออยู่ที่โรงพยาบาลนั่นแหละ เธอถึงได้กล้าเอ่ยปากขอร้องต่อจ่าลู่ ตอนแรกเธอคิดว่าจ่าลู่คงรู้สึกแย่กับอาการบาดเจ็บของสามีและตกลงที่จะพาลูกสาวของเธอไปเมืองจินโดด้วย

เมื่อคิดว่าลูกสาวของเธอจะได้ไปเมืองจินโดและเริ่มร้องไห้ มองหาแม่ของเธอ จ่าลู่จะยอมพาเธอไปด้วยเสียอีก

เธอไม่เคยไปเมืองจินโดมาก่อน แต่เฮได้ยินมาว่าที่เมืองจินโดเป็นเมืองที่มีคนพลุกพล่าน เมืองจินโดมีถนนกว้าง มีพระราขวังที่จักรพรรดิในสมัยโบราณอาศัยอยู่ และมีตึกระฟ้าที่สูงตระหง่าน

อย่างไรก็ตาม จ่าลู่กลับปฏิเสธเธออย่างตรงไปตรงมา และเขาไม่สนใจแม้แต่ความรู้สึกของเธอเสียด้วยซ้ำ

นางเก๋อรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ลึก ๆ เธอรู้สึกว่าคนที่รวยนั้นงกเสียจริง

ผู้คนในกองต่างบอกว่าจ่าลู่ร่ำรวย เธอเองก็คิดว่าเขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน เขาคงไม่รังเกียจที่จะพาเด็กไปเมืองจินโดด้วย เมื่อถึงเวลานั้น เธอสามารถขอตามพวกเขาไปที่เมืองจินโดได้เช่นกัน เพราะลูกสาวของเธอคงจะรบกวนพวกเขา และจ่าลู่จะต้องดูแลเธออย่างดี

เธอฝันกลางวันเกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอดทั้งคืน เธอหวังว่าเธอจะได้ติดตามจ่าลู่ไปที่เมืองจินโด พักในโรงแรมสุดหรูราคาแพงและได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่หรูหรา

“คุณนายเก๋อช่วยพาเวินเวินกลับไปด้วยครับ ตอนนี้ผมไม่ว่าง” หลังจากที่ลู่ชิงสีพูดจบ เขาก็หันหลังกลับไป เรียกเจียงเหยา “ที่รัก เสร็จรึยัง ไปกันเถอะ”

__

“ไอย๊ะ มาแล้วจ๊ะ มาแล้ว!” เจียงเหยาหยิบกระเป๋าสะพายหลังของเธอและรีบออกจากห้องนอน

ลู่ชิงสีเหลือบมองอย่างเย็นชาที่ไปนางเก๋อ ซึ่งยังคงยืนอยู่ตรงนั้น เขาขมวดคิ้วและชี้ไปที่ประตูอย่างไม่พอใจ หลังจากที่นางเกอออกไปพร้อมกับจูงมือเก๋อเวินเวิน เขาก็จับมือเจียงเหยาทันทีและจูงมือเธอเดินลงไปชั้นล่างหลังจากที่ปิดประตู

ลู่ชิงสีมีรถส่วนตัว แต่จอดไว้ที่กองทัพเพราะไม่ค่อยได้ขับ

ในขณะที่เขาเคยขับรถจิ๊บของกองทัพ ทว่าตอนซื้อรถ เขากลับเลือกรถเอสยูวีขนาดกว้าง

หลังจากขึ้นรถ ลู่ชิงอดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “คุณนายเกอจะมากเกินไปแล้ว คนอย่างเธอจะลากจ่าเกอให้ตกต่ำไปด้วย”

เจียงเหยาวางกระเป๋าเป้สะพายหลังของเธอไว้บนตักและรัดเข็มขัดนิรภัย หลังจากครุ่นคิด เธอก็พูดว่า “เมื่อกี้ฉันแทบจะลมออกหู! เธอยังคงเชื่อว่าเป็นความผิดของคุณที่จ่าเกอได้รับบาดเจ็บ”

“พวกเราต่างก็เป็นทหาร การได้รับบาดเจ็บเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อต้องปฏิบัติภารกิจ” ลู่ชิงสีพูดเสียงออกทางจมูก “พี่จงเสียสละขาของเขาเพื่อกองทัพ ผมไม่เคยได้ยินเขาบ่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว”

“เธอแค่พยายามหาประโยชน์โดยเอาจ่าเกอมาอ้าง เธอคงคิดจะใช้ลูกสาวเป็นข้ออ้างเท่านั้นล่ะ ฉันคิดว่าเธอนั่นแหละที่อยากจะตามเราไปเมืองจินโด ไม่ใช่เวินเวิน” เจียงเหยารู้สึกรังเกียจเมื่อนึกถึงนายเก๋อ เธอส่ายหน้าและคร่ำครวญอย่างเงียบ ๆ เธอไม่ต้องการเพื่อนบ้านอย่างเธอคนนี้เลย

ลู่ชิงสีไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็คิดเช่นเดียวกัน

เขากำลังวางแผนที่จะไปเยี่ยมจ่าเก๋อที่โรงพยาบาลพร้อมกับเจียงเหยา ก่อนที่พวกเขาจะไปเมืองจินโด หลังจากที่นางเก๋อมาสร้างความยุ่งยากในตอนเช้า เขาและเจียงเหยาก็รู้สึกว่าไม่อยากทำเช่นนั้นแล้ว

แม้ว่าจ่าเก๋อจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีอารมณ์ที่จะแวะไปเยี่ยมเขา ดังนั้นจึงวางแผนที่จะไปเยี่ยมเขาหลังจากกลับมาจากเมืองจินโดแทน

ชุดที่ลู่ชิงสีเตรียมให้กับเจียงเหยาได้รับการตัดเย็บจากร้านค้าเก่าแก่ในเมืองจิน ทั้งคู่นัดเจอกับโจวเหวยฉีที่นั่น ในขณะที่ไปถึงโจวเหวยฉีก็สนทนากับเฒ่าแก่ซีฟู่อยู่ที่นั่นแล้ว

“เจียงเหยา! ชิงสี!” โจวเหวยฉียิ้มเหมือนดอกไม้และทักทายพวกเขาเมื่อเห็นพวกเขา จากนั้นเขาก็บอกเจียงเหยาว่า “ฉันได้เห็นชุดที่ชิงสีสั่งให้คุณสองชุดแล้วนะ สวยมากเลย ต้องเหมาะกับคุณมากแน่ ๆ อ้อ ยังไม่รู้สินะ ชุดทั้งสองที่คุณจะใส่ในคืนนี้ตัดเย็บที่ร้านนี้แหละ”

เจียงเหยาเข้าไปลองชุดและดูว่าพอดีกับตัวเธอหรือไม่

ลู่ชิงสีรสนิยมดี ชุดราตรีทั้งสองแบบเป็นแบบยาว ตัวหนึ่งสีเบจมีเชือกผูก อีกตัวเป็นชึดสีน้ำเงินเข้ม ที่มีทั้งเอกลักษณ์และสไตล์ของตัวเอง แต่เมื่อเจียงเหยาได้ลองทั้งสองชุด กลับสวยงามและโดดเด่นอย่างน่าพอใจ

นอกจากนั้นยังมีเสื้อคลุม เสื้อคลุมสองตัวคล้ายคลึงกัน เป็นแบบอนุรักษ์นิยมหน่อย ๆ

เสื้อคลุมลูกไม้สีเบจแขนสั้น แม้ว่ามันจะเผยให้เห็นเศษผิวสีขาวราวกับหิมะที่คอของเธอ ทว่ายังคงดูรักนวลสงวนตัวและสง่างาม มันดูมีมนต์ขลังมากยี่งขึ้นเมื่อเจียงเหยาสวมมัน

ชุดของลู่ชิงสีเข้าคู่กับชุดของเจียงเหยา ดูเหมือนว่าเขาได้แจ้งกับคนตัดชุดไปก่อนหน้านี้แล้ว

เจียงเหยามองไปที่ลู่ชิงสี ซึ่งกำลังวางเสื้อผ้าไว้ที่เบาะหลังและอดไม่ได้ที่จะปิดปากเพื่อซ่อนรอยยิ้ม ตอนที่เธอลองชุด ลู่ชิงสีไม่ได้ลองชุดของเขาพร้อมกับเธอด้วย เพราะเขาคิดว่าดูจะลำบากไปเสียหน่อย ทว่าเธอได้เห็นสไตล์ของชุดสูทของเขาแล้ว เนคไทของเขาเป็นสีเดียวกับชุดของเธอ แม้แต่การปักแขนเสื้อก็เหมือนกันกับของเธอ

ใช้เวลาน้อยกว่าสองชั่วโมงในการขับรถจากเมืองจินไปยังเมืองจินโด โดยมีโจวเหวยฉีเป็นกระบอกเสียงสร้างเสียงหัวเราะตลอดทาง รถเอสยูวีสีเขียวทหารจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะตลอดการเดินทาง

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด