ตอนที่แล้วEp.28 - เจออาจารย์ซูครั้งแรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.30 - ลูกหลานคนรวย

Ep.29 - สามพี่น้องผู้โชคร้าย


กำลังโหลดไฟล์

Ep.29 - สามพี่น้องผู้โชคร้าย

ฮังอวี่ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว

เชี่ยเอ๊ย! ประมาทเกินไป ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะดูไม่ออก นั่นน่าจะเป็นสกิลที่เรียกว่า ‘ร่างเงาหุ่นเชิด’

สกิลนี้สามารถเรียกร่างเงาได้ โดยจะมีค่าพลังชีวิตและพลังจิตเพียงอย่างละ 1 หน่วย

แม้นี่จะเป็นเพียงร่างเงา ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วแทบไม่มีพลังรบเลย ทว่ามันสามารถแชร์การมองเห็นหรือแสดงอารมณ์จากร่างหลักได้ ง่ายๆเหมือนเป็นร่างจำลอง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสอดแนมและลาดตระเวน

เป็นสกิลที่ไม่เลว อาจารย์ซูระมัดวังตัวดีจริงๆ! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงกล้ามายังสถานที่นัดหมายเพียงลำพัง ที่แท้กลายเป็นว่าไม่ใช่ตัวจริงตั้งแต่แรก!

ตลอดมาเธอสื่อสารกับเขาผ่านร่างเงาเท่านั้น!

ภายใต้สถานการณ์นี้ ไม่มีทางที่เธอจะตกอยู่ในอันตรายได้

ฮังอวี่ยังรู้เช่นกัน ว่าท่าร่างเงาหุ่นเชิดไม่ใช่สกิลติดตัว แต่เป็นชิ้นส่วนมรดกของ ‘นักมายากล’ ซึ่งเป็นอาชีพลำดับต่ำของผู้ใช้วิญญาณ

กล่าวอีกความหมายนึงก็คือ ซูหยุนปิงยังมีสกิลอื่นนอกเหนือจากสกิลติดตัวที่ได้รับมาในตอนแรก

ของพวกนี้ต้องอาศัยโชคมากๆถึงจะได้มา หากไม่ดรอปจากมอนสเตอรร์ชั้นยอด  ก็บังเอิญมีขายในแผ่นศิลาโลกวิญญาณในรูปแบบของหินสกิล

ฮังอวี่รู้ดี ว่ามีมากกว่าหนึ่งวิธีที่จะได้รับหินสกิล แต่คนที่จะโชคดีได้รับมันตั้งแต่เริ่มเกมนั้น แทบนับนิ้วได้เลย

ไม่ว่าซูหยุนปิงจะได้รับมาด้วยวิธีไหน แต่เนื่องจากเธอมีความสามารถในการเป็นเจ้าของมัน นี่มากพอแล้วที่จะแสดงว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจอย่างแท้จริง

ความสามารถโดยรวมของเธออาจสูงกว่าเหล่าจ้าวซะอีก

ผู้หญิงคนนี้ ภายนอกดูสูงส่งเย็นชา  แต่ภายในลึกล้ำยากหยั่งถึง ต่อไปต้องระมัดระวังเธอให้มาก

โจรสามคนที่กระโดดออกมาขวางหน้าตื่นตระหนก

“เฮ้ย! ผู้หญิงหายไปไหน? ทำไมจู่ๆเธอถึงหายตัวได้!”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? อย่าบอกนะว่าเป็นวิชาแยกเงาแบบพวกนินจา?”

“เจ้าหนู แกห้ามหนีไปไหน หยุดอยู่ตรงนั้น!”

แม้โจรทั้งสามจะถืออาวุธครบมืออย่างพวกท่อนเหล็กและมีด แต่แขนของพวกเขากลับกำลังสั่น ท่าทางที่แสดงออกมาดูประหม่ามาก เวลาพูดก็ตะกุกตะกัก คาดว่าน่าจะเป็นมือใหม่หัดดักปล้นบนถนนครั้งแรก

ฮังอวี่รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เขาควรจัดการอย่างไรดี? ให้จับเชือดทั้งหมดคงไม่เหมาะ

ถึงอย่างไรมือเขาไม่เคยเปื้อนเลือดมนุษย์มาก่อน และเวลานี้กฏหมายกับศีลธรรมยังไม่ถึงขั้นล่มสลาย จะมีปัญหามากมายตามมาแค่ไหนหากฆ่าคนไปโดยไม่ยั้งคิด ซึ่งนั่นไม่สอดคล้องกับกลยุทธธ์อันยิ่งใหญ่ ที่เริ่มต้นจากการทำตัวติดดินในระยะแรกของฮังอวี่

เอาวะ ... งั้นมอบบทเรียนเล็กๆน้อยๆให้พวกมันก็พอ

“ขัดขวางการเดทของคนอื่น มันไม่ดีเลยนะรู้ไหม” ฮังอวี่หักนิ้วเสียงดังเป๊าะแปะ “คู่เดทสาวสวยของฉันกลัวพวกนายจนระเบิดร่างไปแล้ว ไหนลองบอกมาซิว่าจะชดใช้ยังไง?”

หน่านี๊!? สาวสวยระเบิดร่างเพราะหวาดกลัว? สาวสวยบ้านป้าแกสิทำแบบนั้นได้

“ไอ้หนู ทำตัวดีๆอย่ามาเล่นลิ้น มอบของในตัวแกออกมา ไม่งั้นฉัน ...”

ชายหัวล้านยังพูดไม่ทันจบ ก็พบว่าชายหนุ่มตรงหน้าขยับเริ่มขยับตัว แล้วในตอนนั้นเอง ร่างของเขาก็ค่อยๆโปร่งใส หายวับไปในพริบตา

โจรดักปล้นทั้งสามตะลึงงันอีกครั้ง

เชี่ยเอ๊ย! มันเกิดบ้าอะไรขึ้น มีคนหายไปอีกแล้ว!

“พี่ใหญ่ นี่มันผิดปกติแล้ว พวกเราหนีกันก่อนเถอะ”

“ใช่ ใช่ ตอนนี้ไม่เหมือนวันก่อนๆอีกแล้ว ทุกคนที่เดินสัญจรไปมาต่างมีพลังวิเศษ ธุรกิจดักปล้นของพวกเราคงไม่รุ่ง เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปหาไซด์งานก่อสร้างรับจ้างขนอิฐเหมือนเดิมดีกว่า!”

คนหัวล้าน , คนอ้วน และคนผอมกำลังคิดหลบหนี แต่ฮังอวี่มีหรือจะปล่อยพวกมันไปง่ายๆ?

ซอยในตรอกมังกรฟ้าบังเกิดเสียง ฉับ ฉับบ ฉับบบ! ดังขึ้นสามครั้ง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนขอความเมตตา

“พี่ชายโปรดไว้ชีวิตด้วย!”

“อย่าฆ่าฉัน! อย่าฆ่าฉัน!”

“อ๊าาาาา! มือฉัน! มือของฉัน!”

แค่นี้ก็เรียบร้อย

ฮังอวี่เก็บดาบ หยิบบุหรี่ของหนึ่งในสามคนที่พึ่งทำตกขึ้นมาจากพื้น แล้วจุดไฟสูบ

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ สัมผัสได้ถึงอาการแสบร้อน

ปกติไม่ค่อยสูบบุหรี่ ดังนั้นพอควันเข้าปอดเลยรู้สึกไม่สบายตัวอยู่บ้าง

ตรงข้ามกับท่าทีสงบนิ่งของฮังอวี่ เวลานี้โจรสามคนกำลังดิ้นพล่านไปมา ตรงตำแหน่งข้อมือขวาของทุกคนถูกฟันขาด เวลานี้เลือดสดๆกำลังไหลทะลัก ร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ดูน่าสังเวชมาก

รวดเร็ว!

จะรวดเร็วเกินไปแล้ว! ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย!

ทั้งสามไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายลงมือได้ยังไง เขาหายวับไปในอากาศแล้วจู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แต่โผล่มาคราวนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีดาบสั้นอยู่ในมือเขาได้ยังไง

ฮังอวี่ตัดแขนขวาของทั้งสามในเวลาไม่ถึงสองวินาทีด้วยซ้ำ ไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาโต้กลับได้เลย

อย่ามาล้อเล่นนะ! ตอนนี้ฮังอวี่เลเวล 2 แล้ว อีกทั้งยังผ่านประสบการณ์ต่อสู้กับมอนสเตอร์มามากมาย แล้วเขาจะเป็นแค่ไก่อ่อนได้อย่างไร?

ต้องขอบอกว่าสามพี่น้องกลุ่มนี้โคตรซวย ดักปล้นใครไม่ดัก แต่ดันมาดักปล้นฮังอวี่ และที่แย่ที่สุดก็คือ พวกมันทำให้เขาพลาดท่า เสียอาการต่อหน้าซูหยุนปิง!

“ร้องอยู่นั่นแหละ นี่มันก็แค่ความสามารถจากโลกวิญญาณ เป็นพวกแกเองที่ประมาท” ฮังอวี่สั่งสอนเสร็จก็กดบุหรี่จี้ลงบนหน้าผากของชายหัวล้านเพื่อดับมัน

“พวกนายคิดว่ามีแต่ตัวเองที่พิเศษรึไง? บนท้องถนนมันเต็มไปด้วยผู้มีพลังวิเศษ การดักปล้นมันมีความเสี่ยงอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเป้าหมายที่ไม่รู้ข้อมูลยิ่งไม่ต่างจากการเสี่ยงเดิมพัน”

พอได้ฟัง สามพี่น้องผู้โชคร้ายค่อยตระหนักถึงความโง่เขลาของตัวเอง แต่ตอนนี้จะให้กลับใจมันก็สายเกินไปแล้ว

คนหัวล้านรีบอ้อนวอนขอความเมตตา “ไว้ชีวิตฉันเถอะ พวกเราถูกไล่ออกจากงาน ที่ทำเรื่องโง่ๆแบบนี้ลงไปเพราะกำลังสับสน!”

“ไอ้เวรเอ๊ย! แล้วมันใช่เรื่องไหมที่พวกนายมาซุ่มในมุมมืดแล้วดักปล้นคนอื่น!” ฮังอวี่เตะปั๊กเข้าให้ หวดใส่หน้าชายหัวล้านจนเลือดกำเดาอีกฝ่ายไหลออกจมูก

“ภัยสังคมอย่างพวกแก สมควรถูกทุบตีจนตาย!”

“ขอโทษจริงๆพี่ชาย!”

“พี่ชายโปรดไว้ชีวิตด้วย!”

ทั้งสามหวาดกลัวมาก ฮังอวี่ไม่เพียงแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังเลือดเย็น! ข่มพวกเขาจนขวัญหนีดีฝ่อหมดแล้ว!

ในตอนที่อีกฝ่ายตัดแขนพวกเขา กระบวนการช่างรวดเร็ว ลงมือฉับไวไม่มีลังเล คล้ายที่ทำไปไม่ใช่การฟันคน แต่เป็นแค่การหั่นแตงโม!

แม้ทั้งสามจะพกมีดสั้นและแท่งเหล็กติดตัวมาด้วย แต่พวกมันมีไว้ใช้ข่มขู่ให้คนอื่นกลัวเท่านั้น ไม่ได้ต้องการโจมตีใครจริงๆ!

ทว่าผลลัพธ์กลับกลายเป็นถูกฮังอวี่ตอบโต้อย่างไร้เมตตา คนผู้น่าช่างอำมหิตจริงๆ!

เขาสามารถตัดแขนคนชนิดตาไม่กระพริบ ยามค่ำคืนอันเงียบสงัดแห่งนี้ ไม่รู้ว่ามีกี่คนแล้วที่ถูกเขาฆ่าตาย!

นี่คือสิ่งที่โจรทั้งสามคิด

ฮังอวี่บอกให้พวกเขาสงบ แล้วนั่งลงรายงานตัว

คนหัวล้านมีชื่อว่าหยางว่านเฉียง ฉายา ‘โล้นซ่า’

คนตัวผอมมีชื่อว่าโฮ่วผิง ฉายา ‘ลิงจ๋อ’

คนอ้วนเตี้ยชื่อว่าซุนหู่ ฉายา ‘เสืออ้วน’

ลิงจ๋อ เสืออ้วน และโล้นซ่า แม้ทั้งสามจะหวาดกลัว แต่ก็ยอมนั่งยองๆตามคำสั่งแต่โดยดี ระหว่างนั้นพยายามอุดรอยรั่วตรงแขนอย่างร้อนรน

เอาจริงๆแล้วการกระทำของพวกเขาไม่ใช่เรื่องชั่วร้ายใหญ่หลวงอะไร เหตุผลที่ทั้งหมดตั้งใจออกมาปล้นในครั้งนี้ สาเหตุหลักๆเป็นเพราะถูกไล่ออกจากงาน ไม่มีแหล่งรายได้ กระทั่งชีวิตยังยากที่จะรักษาไว้ ดังนั้นเลยต้องเสี่ยงดวงออกปล้น

และบังเอิญว่าทั้งสามเป็นชาวเมืองเจียงเฉิงพอดี ทั้งหมดอาศัยอยู่ในชุมชนตรอกมังกรฟ้า ซึ่งบ้านของโล้นซ่ากับบ้านของฮังอวี่อยู่ห่างกันไม่ถึง 30-40 เมตรเท่านั้นเอง!

“ที่แท้พวกเราก็เป็นเพื่อนบ้านกัน” ฮังอวี่พอได้รับข้อมูลมา ก็ง้างขาเตะชายหัวล้านอีกครั้ง

“ไอ้เวรเอ๊ย! ขนาดเป็นเพื่อนบ้านกันยังกล้าปล้น แกนี่มันไร้มนุษยธรรมจริงๆ”

โล้นซ่ารู้สึกว่าจมูกตัวเองหัก ฟันหน้าถูกแรงเตะหลุดออกไปสองซี่ ตอนนี้อยากจะร่ำไห้ก็ร้องไม่ออก

‘แล้วกูจะรู้ไหมว่ามึงเป็นเพื่อนบ้าน บนหน้าเอ็งไม่ได้มีคำว่า ‘เพื่อนบ้าน’ ติดอยู่บนหน้าผากซักหน่อย!’

จบสิ้นแล้ว!

ดันซวยมาดักปล้นเพื่อนบ้านที่เป็นนักเลง หลังจากนี้ต่อไปคงหลีกเลี่ยงการถูกรังแกไม่ได้

ฮังอวี่เดิมตั้งใจว่าจะทุบตีสามโจรจนหนำใจ  แต่ในเวลานี้เขาฉุกคิดอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เอ่ยถามถึงข้อมูลพรสวรรค์ของทั้งสาม

ปรากฏว่าสกิลพรสวรรค์ของโล้นซ่ามีชื่อว่า ‘พลังยักษ์’

สกิลพรสวรรค์ของลิงจ๋อมีชื่อว่า ‘ปรมาจารย์พืชวิญญาณ’

สกิลพรสวรรค์ของเสืออ้วนมีชื่อว่า ‘หัวใจแห่งช่างฝีมือ’

เอฟเฟกต์ของ ‘พลังยักษ์’ ไม่ต่ำต้อยเลย ผลของมันคือช่วยเพิ่มพละกำลังให้แก่ค่าสเตตัส และคุณสมบัติทุกอย่างที่เสริมค่าพละกำลัง 20%

พรสวรรค์โลกวิญญาณของโล้นซ่าคืออาชีพนักรบ ซึ่งนักรบเดิมมีค่าพละกำลังเยอะอยู่แล้ว เมื่อได้รับสกิลติดตัวนี้ มันก็ยิ่งทรงพลังขึ้นไปอีก ซึ่งหมายความว่าเมื่อเลเวลสูงขึ้น สูงขึ้นเรื่อยๆ ค่าโบนัสพละกำลังก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นตาม ไม่ว่าจะจากค่าสเตตัสหรืออุปกรณ์สวมใส่ก็ได้ทั้งนั้น เอฟเฟกต์ซ้อนทับของสกิลนี้ค่อนข้างน่ากลัวมาก  เรียกว่าอยู่ในสถานะคล้ายคลึงกับสกิลของเจียงหนานเลย เป็นสกิลติดตัวที่จะดีมากๆในช่วงท้ายเกม

ขณะที่ลิงจ๋อกับเสืออ้วนเป็นสกิลสายการผลิตล้วนๆ

สกิลของเสืออ้วนคือความสามารถในการเสริมพลังของอาชีพช่างตีเหล็ก ช่วงแรกที่ยังขลาดแคลนวัตถุดิบ จึงนับว่าไม่มีประโยชน์ใดๆ

ส่วนพรสวรรค์สายผลิตของลิงจ๋อ มันไม่ใช่การหลอมอาวุธหรือกลั่นยา แต่เป็นในแง่ของการเพาะปลูก ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความสามารถในการต่อสู้เลย

“พวกนายกล้าดียังไงมาปล้นฉัน? สงสัยเขียนคำว่า ‘ตาย’ กันไม่เป็นใช่ไหม!” ฮังอวี่เตะโล้นซ่านอีกครั้ง

ชายหัวล้านคร่ำครวญในใจ ‘ฉันก็เข้าใจแล้วไง เข้าใจตั้งแต่ที่แกพูดประโยคแรกแล้ว แต่ตอนนี้ฉันขอถามหน่อยเถอะ ว่าทำไมแกถึงต้องเตะฉันคนเดียวด้วย!? ไอ้สองตัวข้างฉันมันก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเหมือนกันนะ!’

“พี่ชาย! พี่ชาย! ฉันมันเป็นแค่สวะ! ฉันมันภัยสังคม! เมตตาด้วย ปล่อยพวกเราไปเถอะ” เขาพูดทั้งน้ำตา “ได้โปรดปล่อยพวกเราไปโรงพยาบาล ไม่อย่างนั้นคงได้ตายจริงๆ!”

อีกสองคนก็ร้องไห้คร่ำครวญแหกปากตะโกน พี่ชาย พี่ชายไม่ต่างกัน

แขนของทั้งสามถูกตัด เลือดทะลักเหมือนน้ำพุ หากสูญเสียเลือดมากไป บางทีอาจได้ตายจริงๆ

ที่นี่ไม่ใช่โลกวิญญาณ แผลไม่มีทางหายเองได้

“แหกปากพี่ชายๆอยู่ได้ ลดเสียงลงหน่อยไม่เป็นรึไง เพื่อนบ้านข้างๆไม่ได้หลับได้นอนกันพอดี พรุ่งนี้พวกเขาต้องไปทำงานอีก” ฮังอวี่ถีบล้นซ่าอีกครั้ง แล้วเอื้อมมือคว้าคอเสื้ออีกฝ่าย  ก่นด่าด้วยสีหน้าดูถูกดูแคลน

“ไอ้พวกภัยสังคม!”