ตอนที่แล้วบทที่ 5 ความโกลาหลครั้งใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7 ระบบสายเลือด

บทที่ 6 ความภาคภูมิใจของมนุษย์


ขณะที่เฟลิกซ์เริ่มดำดิ่งลึกลงไปในความฝัน จู่ ๆ ก็มีเสียงร้องเพลงเจาะเข้าทำร้ายจิตใต้สำนึกของเขา

"JAJA DING DONG! DING DONG! MY LOVE FOR YOU IS GROWING WIDE AND LONG"

(TL: เพลง Jaja Ding Dong ของ Will Ferrell · My Marianne aka Molly Sandén)

เฟลิกซ์ตื่นขึ้นอย่างหวาดกลัวโดยไม่รู้ว่าเสียงมาจากไหน

“หึหึ นายคิดจริง ๆ เหรอว่านายจะได้นอนหลังอย่างสงบ เฟลิกซ์ที่รัก คิดอีกครั้ง ตราบใดที่ฉันไม่ได้รับความร่วมมือจากนายเพื่อแยกวิญญาณของเราออกจากกัน นายจะไม่สามารถหลับตาลงได้ เชื่อมือฉันได้เลย” แอสน่าที่แกล้งตายทั้งวันหัวเราะเยาะในใจ

เฟลิกซ์ลืมการมีอยู่ของยัยแม่มดคนนี้ไปแล้ว เขาคิดว่าถ้าเขาไม่สนใจเธอ เธอจะหายไปเอง

“นังแม่มดเฒ่าจะเอาใช่ไหม ในเมื่อเธออยากได้สงคราม ก็เอาซี่ มาดูกันว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ!” เขาตะโกนด้วยดวงตาเปื้อนเลือดจากความเหนื่อยล้า

จากนั้นเขาก็เริ่มด่าและดูถูกเพื่อรบกวนเธอในหัว เพราะเขาคิดว่าเธอสามารถอ่านใจเขาได้ แต่เพียงประโยคเดียวจากเธอก็ส่งเขาไปสู่ความสิ้นหวัง

"เฟลิกซ์ที่รัก ฉันควบคุมได้ว่าจะอ่านความคิดนายหรือเปล่า ดังนั้นความพยายามของนายที่จะรบกวนฉันจึงไม่มีผล" จากนั้นเธอก็หัวเราะเบา ๆ

เฟลิกซ์รู้ว่าเขากำลังติดต่อกับคนโรคจิต ซึ่งเป็นโรคจิตที่ถูกผนึกไว้ 20 ล้านปี

ถ้าเขาไม่พบจุดอ่อนที่จะเอาเปรียบเธอ เขาจะถูกขู่ให้ปฏิบัติตามความปรารถนาของเธอตลอดไป

ไม่ช้าเขาก็พบว่าสิ่งเดียวที่แม่มดคนนี้แสวงหาคืออิสรภาพ เธอถูกผนึกไว้ในซากโบราณสถานตลอดกาล และในที่สุดเมื่อเธอได้รับการปลดปล่อย เธอก็ถูกผนึกอยู่ในร่างของเขาอีกครั้ง

พูดตรง ๆ ถ้าเธอไม่บ้า เขาคงรู้สึกแย่กับเธอ

แต่ไม่มีใครอยากยอมรับว่าบางทีที่เธอกลายเป็นสิ่งที่เธอเป็นอยู่ในตอนนี้ เพราะเธอถูกผนึกมาหลายล้านปี ลองนึกถึงช่วงเวลาของมนุษย์ที่อยู่คนเดียวเป็นเวลา 1 ปีโดยไม่มีคนใกล้ตัวหรือโซเชียลมีเดียดูสิ

น่าเสียดาย ที่มนุษย์เกิดมาเพื่อตัดสินหนังสือจากปก

แอสน่าเข้าใจสิ่งที่เฟลิกซ์กำลังวางแผนจะทำหลังจากอ่านความคิดของเขา “เฟลิกซ์ที่รัก นั่นเป็นความคิดของนายเหรอ ฉันคิดว่านายน่าจะทำได้ดีกว่านี้” เธอยังคงเยาะเย้ย “เมื่อนายคิดไม่ออก นายก็ตัดสินใจจะขู่ฉันด้วยชีวิตตัวเอง แล้วถ้านายฆ่าตัวตายล่ะ ฉันก็ยังเป็นอิสระ อย่าลืมว่าฉันเต็มใจรวมจิตวิญญาณของฉันกับนายเพื่อที่ฉันจะได้ถูกลบออกไปด้วย ดังนั้นฉันไม่มีปัญหาที่จะทำมันอีกครั้ง”

เฟลิกซ์ซึ่งยังไม่ชินกับการอ่านความคิดรู้ว่าเขาถูกจับได้ เงยหน้าขึ้นตอบ

“แต่เธอลืมพูดถึงไปอย่าง เมื่อเธอพยายามจะควบคุมร่างกายฉัน ฉันเต็มใจจุดชนวนจิตวิญญาณของฉันเพราะฉันไม่ต้องการตกอยู่ภายใต้ความควบคุมของเธอ ดังนั้นใช่ ฉันก็ไม่มีปัญหาในการฆ่าตัวตายเหมือนกันถ้าฉันต้องเป็นทาสเธอ”

แอสน่ารู้ว่าเขาพูดถูก เพราะชายคนนี้ไม่มีปัญหาในการยอมรับความตายเพื่ออิสรภาพ

“เฟลิกซ์ นายไม่คิดว่าเราเหมือนกันมากเหรอ นายไม่ต้องการให้เจตจำนงของนายถูกควบคุม และฉันไม่ต้องการให้เสรีภาพของฉันถูกผนึก นายไม่เข้าใจ!! ฉัน แค่ต้องการเป็นอิสระ ให้ตายเถอะ ฉันขอมากไปหรือเปล่า”

“แล้วเมื่อไหร่ที่ฉันพูดว่าฉันต้องการให้นายเป็นทาส ฉันพูดไปแล้ว 3 ครั้งแล้ว ฉันขอความร่วมมือระหว่างเรา นายจะช่วยฉันให้เป็นอิสระ และฉันจะช่วยนายในระบบสายเลือดที่ไร้ค่าของนาย”

หลังจากที่เธอพูดจบ ความเงียบก็ปกคลุมทั้งห้อง เธอเชื่อว่าเธอพูดไปพอแล้ว ตอนนี้มันเป็นเรื่องของเฟลิกซ์ที่ต้องตัดสินใจ

เฟลิกซ์หลับตาลงและนอนบนเตียงอย่างผ่อนคลาย "ขอฉันคิดดูก่อน"

ขณะที่แอสน่าอยากจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอก็ได้ยินเขาพูดต่อว่า "แต่ก่อนอื่น ฉันต้องเห็นความปรารถนาดีจากเธอ ดังนั้นฉันขอแนะนำให้เธอขอโทษรูก้นฉันสำหรับความเจ็บปวดทางจิตใจที่เธอก่อขึ้น"

เฟลิกซ์ยิ้มอย่างชั่วร้ายในขณะที่เขาต้องการทำให้เธออับอายเป็นครั้งสุดท้าย น่าเสียดายที่เขาลืมสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งไป แอสน่าไม่มีความละอายหรือศักดิ์ศรีเหมือนเขาเลย!

“ฉันขอโทษนะเจ้าก้นน้อย ฉันผิด ฉันไม่เคยคิดจะหลบหนีจากสิ่งที่ฉันทำ เพียงแค่สถานการณ์บังคับทำให้ฉันลืมเธอไปชั่วขณะ” เธอกล่าวเสริมด้วยแววตาที่อ่อนโยนและน้ำเสียงที่ไพเราะ “แต่ตอนนี้ฉันอยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะดูแลเธอตลอดไป ไม่ต้องห่วงนะก้นน้อย”

รอยคล้ำก่อตัวขึ้นบนหน้าผากของเฟลิกซ์ทันทีหลังจากได้ยินคำขอโทษของเธอที่เลอะเทอะ

“ยัยบ้า ลืมมันไปซะ ให้ฉันได้นอนอย่างสบายใจ” เขาหลับตาลงด้วยสีหน้าไม่พอใจ

แอสน่าเอามือปิดปากหัวเราะคิกคักเบา ๆ 'เจ้าเด็กเกินไปที่จะทำให้ข้าอับอาย'

.....

เช้าวันถัดมา...

เฟลิกซ์ตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยคล้ำใต้ตา เขาหาวขณะเดินอาบน้ำ เนื่องจากเมื่อคืนเขาเหนื่อยเกินกว่าจะอาบน้ำ

ขณะที่เขาทำความสะอาดตัวเอง เขาเอาแต่ครุ่นคิดเกี่ยวกับการสนทนาระหว่างเขากับแอสน่า

'ทำไมเธอถึงเรียกระบบสายเลือดของเผ่าพันธุ์ฉันว่าห่วย? มีอะไรผิดปกติกับมันหรือเปล่า? หรือสถานะทางเชื้อชาติของเธอในจักรวาลค่อนข้างสูงเลยดูถูกมนุษย์”

ก่อนที่เขาจะได้คิดเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง แอสน่าก็โผล่ออกมาจากที่ไหนไม่รู้และตอบคำถามของเขาว่า "เมื่อฉันพูดว่าระบบห่วย ๆ ฉันหมายถึงว่ามันห่วยอย่างแท้จริง"

แล้วเธอก็พูดอย่างไม่อาย "ฉันได้อ่านความทรงจำของนายแล้วเมื่อเรามาถึงที่นี่ครั้งแรก เพื่อให้เข้าใจบุคลิกและประวัติเผ่าพันธุ์ของนายให้ดีขึ้น"

เธอไม่ได้รอให้เฟลิกซ์แซวเธอเพราะบุกรุกความเป็นส่วนตัวและรีบเสริมว่า "หลังจากอ่านทุกอย่างที่เป็นประโยชน์แล้ว ฉันรู้ได้เลยว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ของนายเกิดมาโดยไม่มีมรดกหรือคุณลักษณะเฉพาะใด ๆ แม้แต่กาแล็กซี่ที่พวกนายอาศัยอยู่ก็เป็นหนึ่งในกาแลคซีทั่วไปนับพันล้านที่ไม่มีพลังงานพิเศษ"

เธออธิบายประเด็นของเธอ "ในขณะที่เผ่าพันธุ์อื่น ๆ เช่น เอลฟ์มีเวทมนตร์เป็นมรดกตกทอด และมีความใกล้ชิดสูงสุดกับองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งโดยอิงจากเผ่าพันธุ์ย่อยเป็นคุณลักษณะเฉพาะ และกาแล็กซีของพวกเขามีมานาเป็นพลังงานพิเศษ"

“นั่นทำให้เกิดระบบการฝึกฝนที่สมบูรณ์แบบ หรือในกรณีของพวกเขา สามารถเรียกได้ว่าระบบเวทย์มนตร์”

ทันใดนั้นเธอก็เยาะเย้ยด้วยความรังเกียจ "แต่พวกนายเกิดมาอ่อนแอโดยไม่มีคุณลักษณะเฉพาะ และมีเพียงองค์ประกอบธรรมดา แถมยังไม่มีพลังงานในกาแลคซีของนายที่จะช่วยนายในการฝึกฝน"

"ดังนั้นนายจึงทำได้เพียงอย่างเดียว ทำซ้ำ และปรับตัวเหมือนแมลงสาบ จนกระทั่งในที่สุดพวกนายมนุษย์ก็สามารถสร้างระบบสายเลือดที่เลวทรามกึ่งสำเร็จรูปได้โดยการรวมสายเลือดของสัตว์ร้ายจากกาแล็กซีเพื่อนบ้าน เข้ากับองค์ประกอบของตัวเอง"

“ระบบสายเลือดนี้เต็มไปด้วยข้อจำกัดและจุดอ่อน เพราะมันไม่เคยเป็นของนาย”

เธอยุติความอับอายด้วยการเยาะเย้ยครั้งสุดท้าย "เมื่อจักรวาลให้บางสิ่งกับนาย นายสามารถใช้มันอย่างภาคภูมิใจได้อย่างเต็มศักยภาพ"

เฟลิกซ์ยืนนิ่งเงียบ ฟังความอัปยศของเผ่าพันธุ์เขาและความพยายามของบรรพบุรุษมนุษย์ที่ราวกับเป็นเพียงเรื่องตลกสำหรับเธอ

จากนั้นเขาก็กัดฟันและกำหมัดจนเล็บเจาะเข้าเนื้อตอบเธอด้วยเสียงแหบแห้ง “หุบปาก! เธอไม่มีสิทธิ์ดูถูกพวกเราแบบนี้ เธอไม่มีทางรู้ถึงสิ่งที่มนุษย์ต้องเผชิญ!”

เขาเสริมด้วยความโกรธในขณะที่ใช้กำปั้นทุบกระจกห้องน้ำ "กาแล็กซีของเราใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อต้านการบุกรุกของมีสิ่งมีชีวิตอื่นและสัตว์ประหลาดอวกาศ ด้วยสิ่งเดียวที่เรามีในคลังแสงของเราคือสมองและสติปัญญาของเรา"

“เราต่อสู้กับพวกมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเราสูญเสียและตายไปเหมือนแมลงวันโดยไม่มีการต่อต้าน เราแค่ทำอย่างที่เธอพูด! เราผลิตซ้ำด้วยความเร็วแสงเหมือนแมลงสาบเพื่อชดเชยการสูญเสียของเรา”

“หลายปีผ่านไป เราค่อย ๆ ปรับตัว เราเรียนรู้จากพวกเขาว่าเราทำได้ และเราเอาสิ่งที่เราต้องการจากพวกมัน และผลลัพธ์ของเราคือระบบสายเลือดที่เลวทรามที่เธอมองข้าม!”

เสียงของเขาแตกจากการตะโกน แต่เขาไม่ได้หยุดตัวเองจากความโกรธ

“เราใช้มันเพื่อขับไล่พวกมัน แต่มันก็ไม่พอเพราะมันยังอยู่ในกระบวนการสร้าง ดังนั้นมนุษย์หลายพันล้านคนยังคงตายและเสียสละตัวเอง ถึงอย่างนั้น เราก็ไม่ยอมแพ้ เรายังคงพัฒนามันและค้นคว้าเส้นทางสายเลือด ที่สัตว์เดรัจฉานไม่มี!”

"เราไม่ได้ปล้นระบบของพวกมัน เราเอามันมา และสร้างใหม่สำหรับมนุษย์เท่านั้น! จักรวาลไม่ได้แสดงให้เราเห็นถึงเส้นทางของเรา เราจึงสร้างมันขึ้นมาด้วยมือของเราเอง!"

“เธอบอกว่ามนุษย์เราไม่มีคุณลักษณะเฉพาะที่ทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น! เธอคิดผิด เรามีคุณลักษณะที่ดีที่สุดในจักรวาล” เขาทุบหน้าอกแล้วพูดว่า “เราไม่ท้อ และไม่ถอย เมื่อเผชิญความทุกข์ยาก เราอาจล้มลงเป็นพันล้านครั้ง แต่เราจะลุกขึ้นได้แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนเสมอ นี่คือเผ่าพันธุ์มนุษย์ นี่คือเผ่าพันธุ์ของฉันและฉันภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน!”

เขาปิดก๊อกฝักบัวและพูดอย่างสงบด้วยริมฝีปากเม้มแน่นว่า “กลับกัน เธอเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์ที่เหนือกว่า ช้อนจักรวาลป้อนทุกสิ่งที่เธอต้องการให้เธอ แต่เธอยังถูกจับและถูกปิดผนึกเป็นเวลาหลายล้านปีโดยผู้อื่น”

เขาสงบสติอารมณ์และออกจากห้องน้ำโดยไม่สวมเสื้อผ้า ไม่สนใจเลือดที่หยดจากฝ่ามือของเขา “งั้นฉันขอถามเธออีกครั้ง”

“กล้าดียังไงถึงได้ดูถูกพวกเรา” เขาถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

-----------------------

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด