ตอนที่แล้วตอนที่43 จับชู้คาห้อง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่45 ฮวงจุ้ยผลัดเปลี่ยน

ตอนที่44 ฆ่าไม่ได้


ตอนที่44 ฆ่าไม่ได้

“ท่านพี่! มิใช่อย่างที่ท่านคิด! มันมิใช่แบบนั้น! ท่านพี่ต้องฟังข้า! ข้าอธิบายได้!!”

ฮูหยินรองรีบลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่โดนถีบอันใด พุ่งไปกอดแข้งกอดขาของจวิ๋นจ้านและร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดหย่อน!

จวิ๋นจ้านในตอนนี้ไหนเลยจะรู้สึกสงสาร?

พลางกดสายตาเหลือบไปเห็นคราบสีขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนทั่วมือไม้ของฮูหยินรอง เขาสะบัดเท้าถีบยอดอกของนางจนกระเด็นด้วยความรังเกียจสุดขีด

“ยังมีอันใดต้องอธิบายอีก!? ความจริงทั้งหมดข้าเห็นหมดแล้ว! หรือยังจะบอกว่ามันเป็นภาพลวงตากัน!?”

ฮูหยินรองยังคงตะเกียกตะกายวิ่งไปคว้าชายเสื้อขงอจวิ๋นจ้านต่อไป และกล่าวขึ้นว่า

“ท่านพี่! ข้าถูกใส่ร้าย! มีหรือที่ข้าจะทำเรื่องโสโครกแบบนี้ได้? ท่านพี่ควรรู้ดีที่สุดว่าข้าถูกใส่ร้าย! ใช่แล้ว! รั่วเอ๋อร์! เจ้ารีบพูดกับท่านพ่อโดยเร็ว แม่คนนี้ถูกใส่ร้าย!!”

ฮูหยินรองเหลือบสายตามองไปทางลูกสาวของนางอย่างจวิ๋นรั่ว

ทว่าตอนนี้จวิ๋นรั่วกลับนั่งเก็บตัวอยู่มุมห้อง เนื้อตัวสั่นเทาไม่หยุดราวกับคนเสียสติ

นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังด้วยซ้ำ

ฮูหยินรองที่เห็นแบบนั้นพลันรู้สึกผิดหวังยิ่งกว่าอะไร

จบแล้ว...ทุกอย่างมันจบสิ้นลงแล้ว!

“ข้ายังเห็นว่าเจ้ามีความสุขอยู่เลย! เรื่องพรรค์นี้หาใช่ว่าครั้งแรกกระมัง? นังร่านอย่างเจ้าคงออกไปหากินยามที่ข้าเผลอ!!”

จวิ๋นจ้านไม่แม้แต่แลเหลียวใบหน้าของฮูหยินร้องที่กำลังร้องห่มร้องไห้ขอขมาแม้สักนิด

“มันมิใช่เช่นนั้นเลย! ไม่ใช่เช่นนั้นเลย!! มันเป็น...ใช่แล้ว! มันเป็นฝีมือของจวิ๋นหลี่หวง! ต้องเป็นนังบัดซบนั่น! มันเป็นคนวางยาข้า!!”

ด้วยความคับข้องใจ ฮูหยินรองได้คิดแผนการเตรียมให้จวิ๋นหลี่หวงกลายเป็นตัวเอกในงานวันนี้ แต่ไฉนจู่ๆ กลับเป็นตัวนางแทนล่ะ?

จวิ๋นจ้านใบหน้ายิ่งมืดทมิฬลงเข้าไปใหญ่ เขาเป็นคนชวนให้จวิ๋นหลี่หวงลองดื่มสุราดู แล้วคิดดูสิว่าเด็กน้อยที่เมาคนหนึ่งจะไปคิดแผนการอะไรได้? ยิ่งไปกว่านั้นหลี่หวงอายุเพิ่งจะ13ปี จะคิดเรื่องพรรค์นี้ได้แล้วรึ?

ถ้าคิดจะอ้างเช่นนี้ สู้ยอมรับไปตามตรงเลย มันไม่ดูสมศักดิ์กว่าหรอกรึ?

น่ารังเกียจจริงๆ ผู้หญิงคนนี้

“ก่อนจะพล่ามกล่าว หัดใช้สมองอันน้อยนิดของเจ้าเสีย!”

ทันใดนั้นสุ้มเสียงของจวิ๋นหลี่จิวก็เปล่งดังมาจากด้านนอกประตู เขาตรงเข้ามาพลางชักกระบี่ขู่ไปทีหนึ่งว่า

“ถ้ายังกล้าพูดจาขยะเช่นนี้อีก ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าซะ!”

วาจาแต่ละคำที่เปล่งดังออกมาจากปากจวิ๋นหลี่จิวหาได้ล้อเล่นเลยไม่ มันแฝงไปด้วยจิตสังหารที่พร้อมฆ่าคนได้ทุกเมื่อ!

หากเป็นจวิ๋นหลี่หวงที่นอนอยู่ข้างในห้องนี้แทนในปัจจุบัน เขาคงล้างบางทั้งตระกูลนี้ทิ้งโดยไม่ลังเลแน่นอน!

จวิ๋นจ้านเองที่ได้ยินสุ้มเสียงของอีกฝ่ายที่มากโทสะปานนี้ เขาก็รีบกวาดสายตามองไปโดยรอบทันที จวิ๋นหลี่หวงอยู่ที่ไหน?

“แล้วหลี่หวงล่ะ? นางอยู่ไหน?”

เขารีบตะโกนถามทุกคนทันที

“มีอะไรรึลุงจ้าน?”

ได้เวลาที่หลี่หวงต้องปรากฏตัว นางเดินจูงมือจวิ๋นอี้ออกมาจากห้องเคียงข้าง

“น้องหลี่หวง!”

จวิ๋นหลี่จิวเองก็ตีบทแตก พุ่งออกไปกอดน้องสาวตนเองด้วยความเป็นห่วง กล่าวว่า

“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

จวิ๋นจ้านเองก็มองไปที่หลี่หวงเช่นกัน ก่อนจะค้นพบว่า รอยคล้ำใต้ตาของหลี่หวงเผยสีเข้มกว่าวานก่อนหลายส่วนนัก

“หลี่หวง นี่เจ้า...อยู่ดูแลอี้เอ๋อร์ตลอดทั้งคืนจนไม่ได้นอนเลยกระมัง?”

“อืม”

หลี่หวงพยักหน้าตอบสั้นๆ น้ำเสียงของนางเร้นแฝงไปด้วยความอ่อนเพลีย

“เจ้าโกหก! ท่านพี่! นังแพศยานี่กำลังหลอกท่าน!!”

ฮูหยินรองรีบชี้นิ้วใส่จวิ๋นหลี่หวงและตะโกนโหวกเหวกเสียงดังลั่น

“คนที่ควรโดนข่มขืนอยู่ในห้องนี้คือเจ้า! เจ้าวางยาข้า!”

เนื่องจากโมโหจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ ฮูหยินรองเผลอหลุดปากพูดออกมาในที่สุด

จวิ๋นจ้านที่ได้ยินแบบนั้นพลันตกตะลึงอย่างมาก ทันทีทันใดเพลิงพิโรธภายในใจก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น!

นัยน์ตาคู่สวยของหลี่หวงเผยแววสยดสยองขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยวาจาเนิบนาบขึ้นว่า

“ทว่าตอนนี้กลับเป็นเจ้า หาใช่ข้าไม่”

“นังชั่ว!”

หลี่หวงไม่อยากแม้แต่จะเหลือบมองฮูหยินรองอีกต่อไป นางจูงมือจวิ๋นอี้เดินออกไปด้านนอกห้อง

“ท่านหมอต้องรบกวนแล้ว ช่วยไปตรวจชีพจรฮูหยินรองทีว่า ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

หลี่หวงกล่าวเสียงเรียบออกคำสั่งไป

หมอท่านนั้นรีบพยักหน้ารับสั่งและตรงเข้าไปตรวจชีพจรฮูหยินรองทันที

แต่เพียงพริบตาเดียว สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไป

“มีอะไร?”

จวิ๋นจ้านเอ่ยถามน้ำเสียงทุ้มต่ำเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าผิดแผกของหมอท่านดังกล่าว

“นางตั้งครรภ์...อายุครรภ์ประมาณสองเดือนกว่าแล้ว”

หมอท่านนั้นเอ่ยตอบพร้อมสีหน้ากระอักกระอ่วน

“นังร่าน!!”

เมื่อได้ยินแบบนั้น จวิ๋นจ้านพลันถีบซ้ำไปอีกดอก

เขาไม่ได้นอนร่วมเตียงกับฮูหยินรองมากว่าครึ่งปีแล้ว ดังนั้นพ่อของเด็กเป็นใครกัน? แต่ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นใคร เขาก็คร้านใจที่ตะสืบเสาะ นับว่านังแพศยาคนนี้ก็ยิ่งทำให้เขาขายหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ

“ใครก็ได้! ไปเอาพิษกระเรียนแดงมา!”

จวิ๋นจ้านตัดสินโทษตายให้นางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ท่านพ่อ! ไม่เอา! อย่าทำเช่นนี้เลย!”

จวิ๋นรั่วได้สติกลับมาก็รีบวิ่งมาคุกเข่าลงตรงหน้าจวิ๋นจ้านทันที

ท่านแม่จะตายไม่ได้เด็ดขาด! หากท่านแม่ตายขึ้นมา นางก็ไม่เหลือที่พึ่งอีกแล้ว!

“ท่านพ่อ! ข้าขอร้องเถิด! อย่าฆ่าท่านแม่เลย!”

จวิ๋นรั่วเร่งโขกศีรษะกระแทกพื้นเพื่อขอขมาทั้งน้ำตา

“เจ้าเองก็หาใช่คนดีเช่นกัน! ไฉนข้าจวิ๋นจ้านถึงมีลูกสาวอย่างเจ้า! สันดานเสียทั้งแม่ทั้งลูก!!”

จวิ๋นจ้านขี้นิ้วกรนด่าสาปแช่งจวิ๋นรั่วไม่หยุดหน่อย เผยร่องรอยความผิดหวังต่อลูกสาวคนนี้อย่างชัดเจน

เดิมทีเขาคิดเพียงว่า ลูกสาวคนนี้คงหัวดื้อและซุกซนเนื่องจากถูกเลี้ยงตามใจจนเสียนิสัยเท่านั้นเอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ลูกสาวผู้แสนน่ารักสดใสคนนี้ เนื้อแท้กลับช่างสกปรกโสโครกเกินวัย!

“ลุงจ้าน หยุดเถิด จะฆ่านางไม่ได้โดยเด็ดขาด”

แต่ทันใดนั้นกลับเป็นจวิ๋นหลี่หวงที่กล่าวเตือนขึ้นจากด้านนอกเรือน

“กฎเหล็กของตระกูลจวิ๋น ลุงจ้านอย่าได้ลืมเลือนเสียชั่วขณะ”

ตามกฎของตระกูลจวิ๋นแล้ว ลูกหลานคนใดที่เกิดจากสาขาย่อยสามารถเข้าตระกูลสาขาหลักได้ มารดาผู้ใดกำเนิดพวกเขาเหล่านั้นจะถูกละเว้นโทษตายโดยสิ้นเชิง

ฮูหยินรองมีบุตรสาวคนหนึ่งที่สามารถเข้าตระกูลสาขาหลักได้อย่างจวิ๋นฉี และอีกฝ่ายยังเป็นเด็กสาวที่มีพรสวรรค์มากอีกด้วย

หากจวิ๋นจ้านฆ่าฮูหยินรองก็เท่ากับว่าละเมิดกฎของตระกูลโดยตรง

คำกล่าวประโยคนี้ของหลี่หวงทำให้จวิ๋นจ้านได้สติตื่นขึ้นจากภวังค์ความโกรธ พร้อมสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่งอย่างแรง คำรามน้ำเสียงดุร้ายยิ่งว่า

“จับนังแพศยาไปขังไว้ในคุกใต้ดิน! ส่วนคุณหนูรองจับไปกักบริเวณให้คิดทบทวนความผิดที่ก่อขึ้น! เรื่องในวันนี้ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้แพร่งพรายออกไปทั้งสิ้น!”

บรรดาคนรับใช้รีบวิ่งเข้าพาตัวจวิ๋นรั่วและฮูหยินรองออกไปทันที

หลังจากที่จวิ๋นรั่วถูกลากตัวออกไป สายตาของนางยังคงจับจ้องหลี่หวงเขม็งไม่คลายอ่อน ราวกับอยากจะกินอีกฝ่ายทั้งเป็น!

“จวิ๋นหลี่หวง! นังแพศยา!! เจ้าต้องไม่ตายดี!!”

สุ้มเสียงของฮูหยินรองดังลั่นไม่หยุดหย่อนขณะนำตัวออกไป ซึ่งแต่ละคำพูดช่างสกปรกสิ้นดี

หลี่หวงทำหูทวนลมไม่ได้ใส่ใจแม้สักนิด หันหน้ากลับมากล่าวกับจวิ๋นหลี่จิวและจวิ๋นอี้

“เสี่ยวอี้ พี่จิว พวกเราไปทานข้าวเช้ากันเถอะ”

“อืม”

ทั้งสองพยักหน้าตอบ

จวิ๋นอี้ได้ยินทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นภายในวันนี้ ฝ่ามือที่เย็นเฉียบของหลี่หวงถูกเขากระชับจับแน่น ถ่ายเทความอบอุ่นไปให้และยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“พี่หลี่หวง ขอบคุณ…”

เขาทราบดีว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นฝีมือของพี่หลี่หวงที่ต้องการเอาคืนและแก้แค้นให้แก่ตน!

จวิ๋นอี้รู้สึกขอบคุณจากใจจริง

จวิ๋นหลี่จิวมองไปที่จวิ๋นอี้ที่ไม่เคยพบหน้าพบตากันมาก่อนเป็นการส่วนตัว

เขาเป็นเด็กที่มีวุฒิภาวะไม่เหมือนเด็กทั่วไป และจุดเด่นที่ดึงดูดที่สุดคงหนีไม้พ้น ดวงตาคู่กลมโตที่ช่างงดงามเกินบรรยาย!

ทว่าน่าเสียดายที่ดวงตาคู่นั้นกลับไร้แววโดยสิ้นเชิง

เดี๋ยวก่อน...เด็กคนนี้ตาบอด!

ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมน้องหลี่หวงถึงต้องการพาเขากลับไปยังเมืองหลวงด้วยกัน ในสภาพเช่นนี้หากปล่อยให้อยู่ที่นี่ตามลำพัง จุดจบคงไม่สวยเท่าใด...

หลังจากที่ทั้งสามรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จสรรพ จวิ๋นอี้ก็เอ่ยปากขอทั้งสองขึ้นมา ก่อนจะเดินทางออกจากตระกูลจวิ๋น เขาขอไปบอกลาแม่ของตนเป็นครั้งสุดท้ายได้หรือไม่?

ซึ่งหลี่หวงกับหลี่จิวเองก็มิได้คัดค้าน และพาเขากลับมาที่โถงบรรพบุรุษ ปล่อยให้เด็กคนนี้มีเวลาอยู่กับแม่เป็นครั้งสุดท้าย

ส่วนจวิ๋นหลี่จิวกับจวิ๋นหลี่หวง ทั้งสองเดินหาพื้นที่ฝึกกระบี่รอแถวนั้น

“น้องหลี่หวง ข้าว่า...เจ้าลงโทษพวกนางเบาเกินไป”

จวิ๋นหลี่จิวที่กำลังกวัดแกว่งเพลงกระบี่ เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ

“ไม่ มันยังไม่จบ”

หลี่หวงรับกระบวนกระบี่ของอีกฝ่ายพลางแสยะยิ้มมุมปากกล่าวเสียงเรียบ

คนที่บังอาจล้ำเส้นนางถึงขนาดนี้ มีหรือจะปล่อยไปง่ายๆ?

“ถ้าเช่นนั้น ต่อจากนี้ให้พี่ลงมือเองดีกว่า เจ้ายังเป็นเด็กเป็นเล็ก มือคู่นี้ยังไม่ควรเปื้อนเลือด”

จวิ๋นหลี่จิวเอ่ยกล่าวขึ้นคำหนึ่งด้วยความเป็นห่วง

แม้เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนเช้า มันจะเพียงพอแล้วสำหรับทำลายชีวิตของสองแม่ลูก แต่เขาก็ยังรู้สึกว่า มันเบาเกินไป เพราะสิ่งที่น้องสาวต้องทนทุกข์ทรมานมาเป็นเวลาหกปีเต็ม มันยังมากกว่านี้มาก!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด